เอเซอร์เตรียมออก"โลว์คอสต์โน้ตบุ๊ก"ไตรมาส 2 พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ "เกตเวย์" ฟาก"เอชพี"จับมือพาร์ตเนอร์เน้นขายโน้ตบุ๊กราคาพิเศษให้พนักงานองค์กร
นายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงตลาดคอมพิวเตอร์ว่า สภาพตลาดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาดีขึ้นกว่าไตรมาส 4 ที่ตลาดหดตัว 15% เพราะเมื่อเดือน ก.พ.ตลาดเริ่มกลับมาซึ่งตนเชื่อว่าไตรมาส 1 จะเป็นช่วงเวลาต่ำสุดของตลาดไอทีปีนี้ และกำลังซื้อจะดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 เพราะรัฐบาลมีมาตรการให้ความช่วยเหลือและเศรษฐกิจภาพรวมดีขึ้น และเอเซอร์ได้มีการปรับกลยุทธ์สำหรับไตรมาส 2-3 ในการโฟกัสกลุ่มสินค้าราคาประหยัดมากขึ้น ทั้งโลว์คอสต์โน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊กและเน็ตท็อป เพราะภาวะเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคมีเงินจับจ่ายน้อยลง โดยเฉพาะต่างจังหวัด
ทำให้ปีนี้เอเซอร์ต้องขายสินค้าให้ได้จำนวนมากกว่าเดิมเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนตลาดกลุ่มเอนทรีถึงระดับกลางมีประมาณ 80% ของตลาดโน้ตบุ๊กทั้งหมด
"เอเซอร์เตรียมเปิดตัวโน้ตบุ๊กราคาประหยัดภายใต้แบรนด์เอเซอร์และอีแมชชีน ขนาดตั้งแต่ 11-14 นิ้ว ที่ใช้ซีพียูตัวใหม่จากอินเทล ซึ่งไม่ใช่เน็ตบุ๊กแต่ระดับราคาจะถูกกว่าโน้ตบุ๊กรุ่นปกติของเอเซอร์ประมาณ 10% กินไฟต่ำ ใช้แบตเตอรี่ได้นานขึ้น และทำให้โน้ตบุ๊กมีขนาดบางและน้ำหนักเบากว่าปกติ"
รวมถึงเดินหน้ากลยุทธ์มัลติแบรนด์ โดยจะเปิดตัวสินค้าภายใต้แบรนด์ "เกตเวย์" ทั้งโน้ตบุ๊กและเน็ตบุ๊ก เน้นดีไซน์ โดยระดับราคาสูงกว่าเอเซอร์ประมาณ 10% พร้อมกับเพิ่มดิสทิบิวเตอร์ใหม่อีก 1 ราย เพื่อทำตลาดแบรนด์เกตเวย์โดยเฉพาะ
ขณะที่นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับไตรมาสแรกขอรักษายอดขายเท่ากับปีที่ผ่านมา คือเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กรวมกันประมาณ 1.5 แสนเครื่อง แทนที่จะมีการเติบโต 20-30% เหมือนกับปีที่ผ่านมาๆ เพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย แม้ว่าเอเซอร์จะมีสินค้าราคาถูกตอบโจทย์ให้คอนซูเมอร์สามารถเลือกสินค้ามากขึ้นก็ตาม
ด้านนายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันนอล ซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 9-29 มี.ค. เอชพีได้จัดโปรโมชั่นเอชพี ช็อก เซลส์ ตามหน้าร้านทั่วประเทศ เป็นโปรโมชั่นราคาเดียวกับงานคอมมาร์ต เพื่อกระจายโปรโมชั่นให้ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งก่อนและหลังงานคอมมาร์ต ก็มีโน้ตบุ๊กระดับราคาตั้งแต่ 15,900 บาท รวมถึงโน้ตบุ๊กพาวิเลี่ยน dv2000 ขนาด 12 นิ้ว ราคา 24,900 บาท
นอกจากนี้เอชพีมีนโยบายการจับมือพาร์ตเนอร์ทำโปรโมชั่นมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ โดยเฉพาะโปรแกรม "Employee purchase program" เป็นการเสนอสินค้าให้กับพนักงานองค์กรขนาดใหญ่ในราคาพิเศษ ต่อยอดจากลูกค้าองค์กรของเอชพี รวมถึงการโคโปรโมชั่นร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่จะมีให้เห็นมากขึ้น เช่น ล่าสุดร่วมมือกับเอไอเอสบันเดิลดาต้าซิมกับโน้ตบุ๊กพาวิลเลี่ยน dv4 สามารถใส่ซิมการ์ดได้ ราคา 39,900 บาท และเฟสต่อไปอยู่ระหว่างการเจรจานำโน้ตบุ๊กเอชพีวางที่ร้านเซเลเนดของเอไอเอส
ขณะที่นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า โตชิบาตั้งความหวังกับตลาดเมืองไทยค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ทำให้บริษัทให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งโปรโมชั่นและกิจกรรมการตลาด เพื่อเป้าหมายเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ภายใน 3 ปี สำหรับปีนี้จะรุกหนักมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดการศึกษาเน้นการโรดโชว์ตามโรงเรียนต่างๆ และการเปิดช็อปมากขึ้นโดยเฉพาะตามต่างจังหวัด
ด้านนายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มกำลังซื้อในตลาดไอทียังไม่ลดลง แม้ว่าเดือน ม.ค.ตลาดรวมและยอดขายของเดลล์จะลดลง เพราะความกังวลต่างๆ แต่ ก.พ.ก็เริ่มกลับมา สำหรับปีนี้เดลล์จะเน้นกิจกรรมการเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นซึ่งจะมีแคมเปญต่างๆ เช่น โปรโมชั่นร่วมกับแฮปปี้ ไวรัสค่ายดีแทค เพื่อเจาะตลาดกลุ่มนักเรียน นักศึกษาด้วย
ที่มา: matichon.co.th
