Author Topic: อินเทลฮุบชิปไอโฟน !?!  (Read 802 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

อินเทลฮุบชิปไอโฟน !?!
« on: September 02, 2010, 06:34:55 PM »

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai



ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์อย่างอินเทล (Intel) ทนไม่ไหวแล้วกับจุดบอดของตัวเองในตลาดสมาร์ทโฟน ตัดใจเทเงิน 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อซื้อแผนกชิปเครือข่ายไร้สายจากบริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติเยอรมันอย่างอินฟินีออน (Infineon Technologies AG) การลงทุนครั้งนี้ทำให้อินเทลได้ครอบครองเทคโนโลยีชิปซึ่งแอปเปิลติดตั้งไว้ในไอโฟน ส่งให้อินเทลสามารถไล่ตามผู้นำในตลาดชิปสำหรับโทรศัพท์มือถือได้แบบก้าวกระโดด
       
       เป็นที่รู้กันว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกว่า 80% ทั่วโลกนั้นได้รับพลังประมวลผลจากโปรเซสเซอร์อินเทล แต่อินเทลกลับเป็นชื่อที่ถูกลืมในตลาดสมาร์ทโฟน เหตุผลสำคัญเพราะชิปของอินเทลยังไม่สามารถประหยัดแบตเตอรี่ในแบบที่ผู้ผลิตชิปรายอื่นทำได้ ทั้งหมดนี้กลายเป็นความเสี่ยงสำหรับอินเทลในการพลาดตำแหน่งแชมป์บริษัทอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ของโลกในอนาคต
       
       การซื้อแผนกชิปไร้สายของอินฟินีออนด้วยเงินมูลค่า 1,400 ล้านเหรียญจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ อย่างน้อยการมีอินฟินีออนในครอบครอง ก็ทำให้อินเทลได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีชิปที่แอปเปิลนำไปติดตั้งในไอโฟนยอดนิยม
       
       ** ฮึดสู้ศึกมือถือ **
       
       การลงทุนครั้งนี้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับศึกที่ไมโครซอฟท์ กำลังเผชิญหน้ากับกูเกิล เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคที่ซอฟต์แวร์ถูกส่งขึ้นอินเทอร์เน็ตแทนที่จะติดตั้งบนคอมพิวเตอร์พีซี ทำให้วิถีทางทำเงินหลักของไมโครซอฟท์เริ่มฝืดเคือง สิ่งที่เกิดขึ้นคืออินเทลกำลังตกที่นั่งเดียวกับไมโครซอฟท์ เพราะสมาร์ทโฟนนั้นเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มาแรงกว่าคอมพิวเตอร์พีซีในปัจจุบัน ทำให้อินเทลถูกดึงเข้าสู่ยุควิกฤตศรัทธาในตลาดใหม่ที่มีแรงกดดันแข่งขันสูงจากผู้ผลิตรายอื่นๆ
       
       อินเทลนั้นไม่เพียงซื้อแผนกชิปอุปกรณ์ไร้สายของอินฟินีออน แต่ที่ผ่านมาอินเทลเดินเครื่องตีตื้นตัวเองในตลาดอุปกรณ์พกพาอย่างต่อเนื่องด้วยการซื้อบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์อุปกรณ์มือถือนามว่า Wind River Systems ด้วยมูลค่า 884 ล้านเหรียญเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ก่อนจะประกาศเอาจริงกับการพัฒนาซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส Moblin ระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพาที่มาพร้อมชิปอินเทล
       
       อย่างไรก็ตาม เม็ดเงิน 1,400 ล้านเหรียญยังน้อยกว่าการประกาศซื้อบริษัทซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่างแมคอาฟี (McAfee) เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยเงิน 7,680 ล้านเหรียญ โดยการซื้อบริษัทครั้งนั้นคาดว่าเป็นการลงทุนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 42 ปีของอินเทล
       
       จุดนี้นักสังเกตการณ์บางรายเชื่อว่า อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือนั้นกำลังเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เหล่านักเจาะระบบหมายตาไว้ จนบริษัทแอนตี้ไวรัสจำนวนมากลงมือพัฒนาและทำตลาดโปรแกรมเพื่อปกป้องสมาร์ทโฟนมากขึ้นในขณะนี้ แน่นอนว่าการซื้อแมคอาฟีจะทำให้อินเทลสามารถผนวกความปลอดภัยลงในชิปสำหรับสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งรูปแบบการใช้ประโยชน์จากการซื้อแมคอาฟีและแผนกชิปไร้สายของอินฟินีออนนี้ ยังไม่มีความเห็นตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ จากผู้บริหารอินเทล
       
       ประเด็นที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้คือ นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยเชื่อว่าอินเทลจะไม่ประสบความสำเร็จในตลาดอื่นที่ไม่ใช่ชิปพีซี แม้อินเทลจะสามารถก้าวกระโดดในธุรกิจชิปสมาร์ทโฟนได้ แต่อินเทลก็ต้องต่อสู้กับศึกหลายด้าน โดยเฉพาะการจัดการต้นทุนมหาศาลจากดีลที่เกิดขึ้น และการดิ้นรนในตลาดพีซีซึ่งนับวันจะมีการแข่งขันด้านราคาดุเดือด จนทำให้ผู้ผลิตหันไปใช้ชิปประมวลผลที่มีราคาต่ำกว่าอินเทล
** กลับลำหลังตัดสินใจผิด **
       
       ต้องบอกว่าอินเทลนั้นตัดสินใจผิดเล็กน้อยในช่วงต้น เพราะก่อนหน้านี้ อินเทลเคยมีแผนกพัฒนาชิปสำหรับสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว แต่กลับขายแผนกทิ้งไปตั้งแต่ปี 2006 เนื่องจากอินเทลยุคนั้นต้องรัดเข็มขัดค่าใช้จ่ายองค์กรและให้ความสนใจธุรกิจหลักเต็มตัว จนเมื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนกลับพลิกขั้วขึ้นมาบูมสุดขีดในปัจจุบัน บริษัทผลิตชิปเพื่อสมาร์ทโฟนจึงได้รับกำไรเต็มๆ จากความต้องการที่เกิดขึ้น ดังนั้น หนทางลัดที่สุดที่จะกลับไปสู่ธุรกิจที่อินเทลเคยถอนตัวออกมาแล้วก็คือ การซื้อกิจการ
       
       สำหรับเรื่องนี้ David Perlmutter รองประธานอินเทลยืนยันว่า การขายธุรกิจชิปโทรศัพท์มือถือในปี 2006 นั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้วในนาทีนั้น และการซื้อแผนกชิปของอินฟีนีออนเป็นการเติมเต็มทางเทคโนโลยีที่นอกเหนือจากธุรกิจดั้งเดิมซึ่งอินเทลขายไป โดยยอมรับว่าทั้งหมดจะเป็นบทเรียนให้อินเทลเลือกข้างธุรกิจที่จะโฟกัสได้อย่างถูกต้องในอนาคต
       
       อินเทลคาดว่ากระบวนการควบรวมจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกปี 2011 โดยการซื้ออินฟีนีออนจะทำให้อินเทลขึ้นแท่นผู้ผลิตหน่วยประมวลผลสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับที่ 5 ของโลก ตามหลังเบอร์หนึ่งในตลาดอย่างควอล์คอมม์ (Qualcomm), ทีไอ (Texas Instruments) และเอสที (STMicroelectronics) ซึ่งข้อมูลล่าสุดระบุว่าสัดส่วนตลาดที่ทั้ง 3 ครองอยู่นั้นคิดเป็นสัดส่วนเกินครึ่งของตลาดรวม ส่วนอินฟินีออนนั้นมีส่วนแบ่งตลาดราว 5% ทำให้อินเทลกลายเป็นผู้เล่นรายเล็กที่สุดในตลาด
       
       จุดนี้นักวิเคราะห์บางส่วนให้ความเห็นตรงไปตรงมาว่า ดีลที่เกิดขึ้นนั้นสายเกินไปและอ่อนแรงเกินไปสำหรับการผลักดันอินเทลให้มีเรี่ยวแรงเจาะตลาดสมาร์ทโฟน ที่สำคัญ ในอนาคตอินเทลจะต้องเจียดงบประมาณวิจัยและพัฒนาที่เดิมวางไว้ที่ 6 พันล้านเหรียญต่อปี มาพัฒนาเทคโนโลยีของอินฟินีออนให้มีความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีใหม่อย่าง 4G ให้ได้ด้วย จุดนี้จะเป็นภาระหนักของอินเทลเพราะเทคโนโลยีในสมาร์ทโฟนนั้นพัฒนาเร็วกว่าพีซี
       
       ทั้งหมดนี้มีแต่เครื่องหมายคำถาม ซึ่งยังต้องรอดูทิศทางของอินเทลในอนาคตต่อไป
       
       Company Related Links :
       Intel
       Infineon



ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)