Kapil Sibal รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของอินเดีย
สัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อมวลชนทั่วโลกรายงานข่าวที่แสดงให้เห็นว่าคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสกำลังจะปฏิวัติวิถีชีวิตชาวโลกทั้งซีกโลกตะวันออกจรดตะวันตก ครอบคลุมกลุ่มเยาวชน นักศึกษา จนถึงนักธุรกิจและมนุษย์เงินเดือน ทั้งหมดถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้คำพยากรณ์ที่ว่า "แท็บเล็ตคืออนาคตของโลกไอที" นั้นมีสัญญาณเป็นไปได้ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ส่วนหนึ่งในปรากฏการณ์สยายปีกของแท็บเล็ตที่ทุกคนต้องจับตามองอย่างยิ่ง คือการคลอดแท็บเล็ตราคาไม่ถึง 2,000 บาทในนามรัฐบาลอินเดีย และการประกาศยืนยันความร่วมมือระหว่างเอชพีกับไมโครซอฟท์ ในการแจ้งเกิดคอมพิวเตอร์เพื่อนักธุรกิจภายในปีนี้
** รวยจน-ใกล้ไกล มีใช้เหมือนกัน **
วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม 2553 รัฐบาลอินเดียช็อกโลกด้วยการเปิดตัวต้นแบบคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสที่คาดว่าจะสามารถจำหน่ายในราคาต่ำเพียง 1,500 รูปี หรือประมาณ 1,040 บาท ซึ่งหากทำได้จริง เยาวชนไม่ว่าจะยากดีมีจนทั่วอินเดียก็จะมีแท็บเล็ตพีซีนี้ไว้ใช้งานเหมือนกันหมด
Kapil Sibal รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของอินเดีย ระบุว่า รัฐบาลอินเดียใช้เวลาในการพัฒนานาน 5 ปี เพราะเปิดให้เยาวชนจากสถาบันไอทีหลากแห่งหลายสาขาร่วมกันพัฒนามาเทอร์บอร์ด (motherboard) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักภายในคอมพิวเตอร์นี้
รัฐบาลอินเดียระบุว่าคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตนี้จะเป็นเครื่องมือในการยกระดับคุณภาพการศึกษาแก่เยาวชนทั่วประเทศ โดยทีมพัฒนาได้ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในแท็บเล็ต เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ทุรกันดารสามารถใช้งานแท็บเล็ตในการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น โดยแท็บเล็ตดังกล่าวใช้ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ สามารถทำงานพื้นฐานได้เหมือนที่แท็บเล็ตกระแสแรงอย่าง Apple iPad เช่นการเล่นอินเทอร์เน็ต รองรับมัลติมีเดีย สามารถอ่านอีบุ๊กและไฟล์ PDF เชื่อมต่อข้อมูลผ่าน Wi-Fi มีกล้องดิจิตอลด้านหน้าและหลังเพื่อการสื่อสารแบบเห็นภาพหรือ video conferencing
คาดว่าเยาวชนอินเดียตั้งแต่ประถมถึงระดับอุดมศึกษาจะได้แท็บเล็ตนี้ไว้ใช้งานภายในปีหน้า
ราคาวางจำหน่าย 1,500 รูปีนี้คิดเป็นเงิน 35 เหรียญสหรัฐ เท่านั้น น้อยกว่าโครงการของมูลนิธิ OLPC ในสหรัฐฯ ที่ตั้งใจพัฒนาคอมพิวเตอร์ราคา 100 เหรียญเพื่อช่วยเหลือเยาวชนในประเทศกำลังพัฒนา โดยอินเดียย้ำว่าการพัฒนามาเทอร์บอร์ดเองจะทำให้ราคาเครื่องลดลงถึง 20 เหรียญสหรัฐได้หากผลิตเครื่องในปริมาณมาก และยังมีโอกาสลดราคาลงได้อีก 10 เหรียญสหรัฐด้วยในอนาคต
แม้จะสามารถประกาศราคาต้นทุนการผลิตเครื่องต้นแบบที่ต่ำ แต่อินเดียยังต้องสรรหาผู้ผลิตเพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตได้ตามเป้าหมายราคาที่วางไว้ต่อไป ซึ่งหากทำไม่ได้สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ต่างกับการเดินซ้ำรอยโครงการ OLPC ที่ต้องจำหน่ายเครื่องจริงในราคา 200 เหรียญสหรัฐ เพราะไม่สามารถควบคุมการผลิตให้มีราคาต่ำตามที่กำหนด
** ปีนี้พร้อมบุก **
แม้จะซื้อบริษัทไอทีซึ่งมีระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของตัวเองอยู่แล้วอย่างปาล์ม (Palm) ล่าสุดผู้บริหารเอชพี (Hewlett-Packard) ก็ออกมาประกาศยืนยันความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ (Microsoft) ว่าจะเริ่มวางตลาดคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการตระกูลวินโดวส์เพื่อบุกตลาดนักธุรกิจภายในปีนี้
Todd Bradley รองประธานฝ่ายปฏิบัติการของเอชพี ออกมาปฏิเสธข่าวที่ระบุว่าเอชพีไม่มีแผนจำหน่ายคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โดยยืนยันว่าเอชพีจะวางจำหน่ายคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต 2 รุ่น หนึ่งคือรุ่นระบบปฏิบัติการวินโดวส์สำหรับลูกค้าองค์กรธุรกิจ อีกหนึ่งคือรุ่นระบบปฏิบัติการ WebOS สำหรับลูกค้าผู้บริโภคทั่วไป แถมหยอดคำหวานว่าโฟกัสของเอชพีในขณะนี้ยังอยู่ที่พันธมิตรซอฟต์แวร์รายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างไมโครซอฟท์ และเอชพียังคงเป็น"ลูกค้ารายใหญ่"ที่จะซื้อไลเซนส์วินโดวส์มาผลิตบนคอมพิวเตอร์แบรนด์เอชพีอยู่
ความเคลื่อนไหวนี้แสดงถึงโอกาสที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์พีซีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่มีสัดส่วนเกิน 90% ของโลกจะหันมาซื้อหาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตไว้ใช้งานแทนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมากขึ้น โดยขณะนี้ ผู้บริโภคในองค์กรธุรกิจหลายรายให้ความเห็นว่าจะรอซื้อแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการวินโดวส์เท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การจัดการงานในบริษัทเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
แนวโน้มการขยายตัวของโลกแท็บเล็ตนั้นเสริมรับกับทิศทางการปรับตัวของนานาบริษัททั่วโลก ที่ลดบทบาทคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะลงแล้วหันมาใช้ซอฟต์แวร์และเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง ผ่านอุปกรณ์ที่มีความสามารถไม่สูงและมีราคาประหยัด ซึ่งทำให้บริษัทองค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบไอทีได้อย่างมาก
ต้นเดือนที่ผ่านมา Steve Ballmer ซีอีโอไมโครซอฟท์ออกมาประกาศว่ากำลังอยู่ระหว่างการร่วมมือกับผู้ผลิตแท็บเล็ตมากกว่า 20 ราย เพื่อผลิตแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 7 ออกสู่ตลาด โดยนอกจากเอชพี คาดว่าพันธมิตรอย่างเลอโนโว , อัสซุส , เดลล์ , ซัมซุง, โตชิบา และโซนี่ ก็ล้วนมีคิวออกผลิตภัณฑ์ภายในปีนี้ทั้งสิ้น
ที่มา: manager.co.th
