แคนนอนเผยไตรมาส 2 ยอดขายเพิ่มทั่วโลก พบสินค้าในไทยขาดตลาดกว่า 8 พันเครื่อง ทุ่มงบ 300 ล้านทำตลาด เล็งขยายศูนย์บริการให้ครบ 5 แห่ง ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาด 50% ภายในสิ้นปี...
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. นายวรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/2553 ที่ผ่านมา แคนนอนมียอดจำหน่ายอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ทั่วโลกจำนวนมาก แม้ช่วงเดือน พ.ค. ประเทศไทยจะมีสถานการณ์ทางการเมือง แต่ยอดจำหน่ายพรินเตอร์ของแคนนอนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ขาดตลาดมากกว่า 8 พันเครื่อง โดยบริษัทฯ ได้ติดต่อไปยังประเทศสิงคโปร์เพื่อนำผลิตภัณฑ์มาวางจำหน่ายเพิ่ม ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก แคนนอนมีส่วนแบ่งการตลาดทั้งกลุ่มซิงเกิลฟังก์ชันและมัลติฟังก์ชันพรินเตอร์รวม 44%
เชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 ตลาดยังคงต้องการผลิตภัณฑ์กลุ่มอิงค์เจ็ทจำนวนมาก จากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ Wi-Fi และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทั้งกลุ่มธุรกิจและลูกค้าทั่วไป รวมถึงปริมาณความต้องการงานพิมพ์ที่มีต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดจำหน่ายในปี 2552 มากกว่า 5 แสนเครื่อง คิดเป็นอัตราเติบโตประมาณ 22% ขณะที่ยอดขายในตลาดรวมอยู่ที่ 1.3 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 15-18% ส่วนภาวะการแข่งขันในช่วงครึ่งปีหลังนั้น คาดว่าจะแข่งขันด้านราคา คุณภาพ และการบริการเป็นหลัก ทั้งนี้ตั้งแต่ช่วงต้นปี บริษํทฯเปิดตัวผลิตภัณฑ์แล้ว 4 รุ่น และเตรียมเปิดตัวอีก 7-8 รุ่นในช่วงครึ่งปีหลัง
ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์การตลาดแบบสร้างความใกล้ชิดกับแบนด์ การขยายศูนย์บริการ แคนนอน คอนเซ็ปต์ สโตร์ ภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.ขอนแก่น และกทม. ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่จ.ภูเก็ตและจ.ชลบุรี โดยใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทต่อสาขา พร้อมต่อยอดความสำเร็จด้านยอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์กว่า 10 ปี ด้วยแคมเปญ Canon PIXMA Celebrate 10 Years No.1 Market Share กิจกรรมขอบคุณลูกค้าและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 12 ก.ค. ถึง 30 ก.ย.2553 ด้วยงบประมาณถึง 60 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 50% อีกด้วย
นายวรินทร์ กล่าวอีกว่า ตลอดปี 2553 บริษัทฯ ใช้งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท สำหรับทำตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มพรินเตอร์ ทำให้แคนนอนสามารถขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและความใกล้ชิดลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ แอพพลิเคชันพิมพ์ภาพผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ภายในไตรมาสที่ 3 ภายหลังเปิดตัวแอพพลิเคชันพิมพ์ภาพผ่านโปรแกรม IEPP จากโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอโฟนและไอพอดทัช ด้วยระบบ Wi-Fi เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา รวมถึง การเปิดตัวระบบพิมพ์ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง โดยเชื่อว่าจะสามารถเปิดตัวได้เต็มรูปแบบภายในปี 2554
ที่มา: thairath.co.th
