Author Topic: ไอซีทีชงอีคอมเมิร์ซ-อีกอฟเวิร์นเม้นต์เป็นองค์การมหาชน  (Read 970 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“จุติ” ดันอี-คอมเมิร์ซ-อีกอฟเวิร์นเม้นต์เป็นองค์การมหาชนเข้า ครม. คาดใช้งบ 460 ล้านบาท ชี้หากทำสำเร็จช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ประเทศ

“จุติ” ดันเข้า ครม.วันนี้ ตั้งอี-คอมเมิร์ซ-อีกอฟเวิร์นเม้นต์เป็นองค์การมหาชน คาดใช้งบรวมกัน 460 ล้านบาท ชี้หากทำสำเร็จช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ประเทศ แจงหลังปี 2552 ยอดทำธุรกรรมออนไลน์มากถึง 200 ล้านราย เงินสะพัดเฉียด 4 พันล้านบาท ระบุหากรัฐบาลไฟเขียวใช้เวลาจัดตั้ง 6 เดือนเสร็จ ส่วนปัญหาสมาร์ทการ์ดเชื่อยุติได้ เล็งนัดถกร่วม 3 ฝ่าย

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (29 มิ.ย.) เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติการจัดตั้ง 2 สำนัก ขึ้นเป็นองค์การมหาชนเฉพาะกิจ ได้แก่ สำนักธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีคอมเมิรซ์) วงเงิน 210 ล้านบาท และสำนักส่งเสริมและพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (อีกอฟเวิร์นเม้นต์) วงเงิน 250 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน 460 ล้านบาท

หากรัฐบาลผลักดัน 2 หน่วยงานนี้ เป็นองค์การมหาชน จะก่อให้เกิดการทำธุรกรรมภาคธุรกิจอื่นๆ ได้อีกมาก และยังเป็นตัวขับเคลื่อนภาคธุรกิจขนส่งได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากปี 2552 พบว่ามีทำธุรกรรมอีคอมเมิรซ์ ผ่านสถาบันการเงินช่วงไตรมาส 4/2552 ถึง 200 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 3,900 ล้านบาท การใช้บริการการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อีมันนี่) อยู่ที่ 29 ล้านบัญชี คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายที่ 10,593 ล้านบาท และบริการรับชำระเงินแทน ปริมาณการทำธุรกรรม 61 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 1.345 ล้านล้านบาท

นายจุติ กล่าวว่า เบื้องต้นได้กำหนดระยะเวลาการทำงานของสำนักอีคอมเมิรซ์ และสำนักอีกอฟเวิร์นเม้นต์ไว้ 5 ปี โดย มีเป้าหมายเพื่อให้ 2 องค์การมหาชน สามารถผลักดันกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง รองรับกับการขยายตัวของการทำธุรกรรมในอนาคต หากครม.อนุมัติได้จริง คาดใช้ระยะเวลาจัดตั้ง 6 เดือน จึงจะสามารถผลิตผลงานออกมาได้ ซึ่งขณะที่การจัดตั้ง 28 องค์การมหาชน รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณต่อปีถึง 400 ล้านบาท

นอกจากนี้ เขายังมอบหมายให้ส่วนประชาสัมพันธ์ของกระทรวงไอซีที ปรับการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาตร์แบบบูรณาการมากขึ้น โดยมีหัวใจสำคัญคือ การลดปริมาณการใช้กระดาษ ซึ่งให้เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554 ในการจัดทำวารสารกระทรวง เปลี่ยนเป็นการเปิดกว้างให้คณะวารสารศาสตร์ ทุกสถาบันการศึกษา ประมูลจัดทำวารสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ออนไลน์) แทน เชื่อว่าจะช่วยประหยัดงบได้ 1.5 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าเรื่องปัญหาบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์เอนกประสงค์ (สมาร์การ์ด) วานนี้ (28 มิ.ย.) ฝ่ายกฎหมายได้ส่งผลการสรุป ข้อมูลการดำเนินงานจัดหาบัตรสมาร์ทการ์ดในส่วนกระทรวงไอซีทีมาให้แล้ว ซึ่งจะได้นำเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในการหารือนอกรอบวันนี้ (29 มิ.ย.) ด้วย ขณะเดียวกันยังจะได้พูดคุยปัญหาการส่งมอบบัตรสมาร์ทการ์ดกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย ในที่ประชุมครม.ด้วย

ทั้งนี้ เขาเห็นว่าสิ่งสำคัญและเร่งด่วนเวลานี้ คือ ทำอย่างไรให้ประชาชนมีบัตรประชาชนใช้โดยเร็ว ส่วนกระบวนการเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่มาทีหลัง อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าปัญหาเรื่องดังกล่าวจะยุติได้เพราะอยู่รัฐบาลเดียวกัน ซึ่งทางออกที่ทำได้คือ ต้องหารือร่วมกันทุกฝ่ายทั้ง ไอซีที มหาดไทย และภาคเอกชน

ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่านายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) โดยอ้างคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที สั่งชะลอ 3 โครงการยักษ์รวมมูลค่า 3.25 หมื่นล้านบาท คือ โครงการซื้อบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย หรือฮัทซ์ มูลค่า 7,500 ล้านบาท โครงการขยายโครงข่ายเพื่อรองรับการใช้งานมัลติมีเดีย หรือเอฟทีทีเอ็กซ์ มูลค่า 6,000 ล้านบาท และโครงการ 3 จีทั่วประเทศของทีโอที มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท

นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีให้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า นายจุติได้มอบนโยบายให้ทั้ง 2 หน่วยงานไปสรุปข้อเท็จจริงประกอบความเห็นมาภายในเวลาที่รัฐมนตรีกำหนด ก่อนจะนำเรียนนายกรัฐมนตรีพร้อมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ยังไม่ได้สั่งระงับโครงการแต่อย่างใด

“รัฐมนตรีว่าการฯ ต้องการให้การนำเสนอตรงกับข้อเท็จจริง ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าจะเป็นการแสวงหาผลประโยชน์หรือมีใครแอบอ้างได้ก็ต้องป้องกันเอาไว้และหากต้องการความชัดเจนใดๆ รัฐมนตรีว่าการฯ ก็พร้อมรายงานความก้าวหน้าและกำกับงานทุกระยะอยู่แล้ว” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีกล่าว

ที่มา: bangkokbiznews.com


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)