นางวิลาสินี พุทธิการันต์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านงานบริการและบริหารลูกค้า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ยืนด้านซ้าย
นางวิลาสินี พุทธิการันต์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านงานบริการและบริหารลูกค้า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสมีลูกค้ารวม 42.4 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้า 3G 2100 จำนวน 26.3 ล้านราย และลูกค้า 2G ทั้งสิ้น 16.1 ล้านราย ซึ่งการให้บริการลูกค้าทั้งหมดนี้เอไอเอสจะมุ่งเน้นงานด้านบริการที่พัฒนาขึ้นในทุกด้านด้วยการลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาท ในการปรับปรุงช่องทางบริการกว่า 2 แสนจุดทั่วประเทศ พร้อมนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรให้สามารถมอบความสะดวก และประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า
โดยนอกเหนือจากการขยายเครือข่าย AIS 3G2100 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว สิ่งที่ดำเนินการควบคู่กันไปคือ งานด้านบริการ หรือ Customer Service โดยในปีนี้จะเน้นการยกระดับช่องทางงานบริการสู่ Experience Center มากกว่า 2 แสนจุดทั่วประเทศ โดยมองจากความต้องการของลูกค้า และออกแบบให้ฟังก์ชันบริการต่างๆ ให้ตอบสนองได้ในลักษณะของ Total Experience ได้อย่างแท้จริง
“เรามีการนำนวัตกรรมที่ไม่ได้เกี่ยวกับการบริการเท่านั้น แต่สร้างความบันเทิง ความสุข สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าด้วย ซึ่งการลงทุนยกระดับจุดทัชพอยนต์ต่างๆ ให้สามารถสร้างประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น เพราะในปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการรวมแล้ว 12-13 ล้านรายต่อเดือน อีกส่วนหนึ่งเป็นการตอบสนองต่อการขยายตัวของสมาร์ทโฟนในภาพรวมที่คาดว่าน่าจะโตขึ้นมากกว่า 60% และในจำนวนนี้จะเป็นลูกค้าของเอไอเอสถึง 30% ดังนั้น การรองรับเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าจึงเป็นหัวใจสำคัญอย่างมาก”
นางวิลาสินี กล่าวว่า นอกจากนี้ เอไอเอสยังได้ทำการเปิดชอปสาขา Central Embassy : Experience Shop ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมนำเสนอนวัตกรรมหลากหลาย และฟังก์ชันงานบริการตอบโจทย์คนยุคใหม่ ด้วยทีมงานคุณภาพภายใต้ชุดยูนิฟอร์มใหม่ สีสันสดใจ สะท้อนความมุ่งมั่นในการดูแลลูกค้าด้วยหัวใจบริการ นอกจากนี้ ยังได้ทำการเปิดตัวตู้ Kiosk อัจฉริยะครั้งแรกในโลกที่ลูกค้าสามารถออกซิม เบอร์สวย เบอร์มงคล หรือเปลี่ยนขนาดของซิมได้ด้วยตัวเอง เลือกแพกเกจ ดูรายละเอียดการใช้งานส่วนตัวได้ด้วยตัวเอง
รวมไปถึงยังมีจุดบริการ Smart Phone for U ที่ให้ลูกค้าเลือกดูข้อมูลโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ต้องการได้ง่ายๆ เพียงคีย์ความต้องการลงในเครื่อง เช่น งบที่ตั้งใจ หรือระบบปฏิบัติการที่สนใจ จากนั้นเครื่องจะมีการแสดงคุณสมบัติของสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ที่ตรงตามความต้องการผ่านทางหน้าจอแบบ real time และ Smart Table เวอร์ชันใหม่ ที่ลูกค้าสามารถสื่อสารกับข้อมูลได้มากขึ้น เช่น ดาวน์โหลดโบรชัวร์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ได้ผ่านทาง 2D Barcode เพียงใช้มือถือสแกนเท่านั้น
นอกจากนี้ เอไอเอสยังได้นำนวัตกรรมเข้ามายกระดับการบริการ AIS Call Center ด้วยบริการ Personalized IVR ที่สามารถปรับบริการอย่างสอดคล้องต่อลักษณะบริการที่ลูกค้าแต่ละรายจะใช้งานอย่างแม่นยำ พร้อมการขยาย Call Center สำหรับผู้พิการ ไปในอีก 5 จังหวัดภายในสิ้นปีนี้ คือ เชียงใหม่ หนองคาย ขอนแก่น โคราช อุบลราชธานี และที่สำคัญยังได้ทำการการปรับ Uniform ชุดใหม่สำหรับพนักงานเอไอเอส ชอปที่มุ่งเน้นให้สอดคล้องต่อสถานที่ตั้งของชอป ไม่ว่าจะเป็นBusiness Casual สำหรับในเขตตัวเมือง และ Leisure Casual ในพื้นที่ จ.ชายทะเล โดยได้ออกแบบให้สามารถ Mix and Match ได้ถึง 28 แบบ
Company Related Link :
AIS
ที่มา: manager.co.th
