Author Topic: เปิดแนวคิดแม่ทัพใหม่อินเทล  (Read 669 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


สนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย)


สัญลักษณ์ อินเทล โมบาย สำหรับการเจาะตลาดชิปบนมือถือ


เปิดวิสัยทัศน์เอ็มดีใหม่ อินเทล ไทย 'สนธิญา หนูจีนเส้ง' ปี 2014 เดินหน้าลุยทุกตลาดทั้งฐานตลาดเดิมอย่างพีซี รวมไปถึงตลาดที่กำลังเป็นเทรนด์การเติบโตอย่างแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน เชื่อการรุกเข้าไปในทั้ง 2 ตลาดใหม่จะกลายเป็นส่วนที่ทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้นภายใต้แนวคิดชิปอินเทลในทุกอุปกรณ์
       
       สนธิญา เพิ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) แทนเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ ที่เกษียณอายุการทำงานเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2014 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เคยรับหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขาย และพัฒนาธุรกิจ ซึ่งเขายอมรับว่าได้เตรียมตัวล่วงหน้าก่อนเข้ามารับหน้าที่กรรมการผู้จัดการคนใหม่ 2-3 ปี สนธิญา กล่าวถึงแนวทางในการทำงานในปี 2014ว่า จากที่ทางไอดีซีคาดการณ์ว่าปริมาณตลาดรวมพีซีในปีนี้จะถดถอยลงราว 8-9% แต่ถือว่าเป็นตลาดยังไม่ได้นับรวมไปกับโน้ตบุ๊กแบบทูอินวัน (2 in 1) ที่สามารถแปลงการใช้งานเป็นแท็บเล็ตได้ด้วย ซึ่งยังมีปริมาณการซื้อที่ดีอยู่ทำให้เชื่อว่าโดยรวมแล้วตัวเลขอาจจะไม่ตกมากตามที่ไอดีซีคำนวณไว้
       
       'ทางอินเทลจะนับรวมพีซีทั้งเดสก์ท็อป ออลอินวัน และโน้ตบุ๊กทุกรูปแบบเข้าด้วยกัน ทำให้คาดว่าเบื้องต้นตลาดพีซีน่าจะถดถอยราว 4-5% แต่ถ้ามีปัจจัยบวกเข้ามาเชื่อว่ามีโอกาสที่ตลาดในปีนี้จะทรงตัว'
       
       โดยตลาดรวมพีซีในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 3 ล้านเครื่อง โดยแบ่งสัดส่วนระหว่างโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อปอย่างละ 50% ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะช่วงที่ผ่านมาโน้ตบุ๊กจะมีสัดส่วนมากกว่า เดกส์ท็อป ทำให้ตลาดเดสก์ท็อปจะกลายเป็นส่วนช่วยให้ตลาดพีซีเติบโตขึ้น
       
       'อินเทลไม่เคยเชื่อว่าเดสก์ท็อปจะตายไป เพราะในปีที่ผ่านมามียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยมาจากฟอร์มเฟคเตอร์ที่หลากหลายมากขึ้น รองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบส่งผลให้สัดส่วนเดสก์ท็อปในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 57% ในขณะที่โน้ตบุ๊กอยู่ที่ 43%"
       
       ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นในตลาดพีซีแบบออลอินวัน (All in One) ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างน้อย 9% ตลอดช่วง 3 ปีข้างหน้า พร้อมกับตลาดพีซีขนาดเล็กอย่าง Intel NUC (Next Unit of Computing) ที่ย่อส่วนเดสก์ท็อปให้มีขนาดเล็กลง ประหยัดไฟมากขึ้น และนำไปติดตั้งได้ง่ายขึ้นเพียงแค่เสียบสายก็พร้อมใช้งาน
       
       ในช่วงปลายปีนี้ อินเทล ก็มีแผนจะเปิดตัวหน่วยประมวลผลสำหรับตลาดพีซี อย่าง Core i7 ที่เป็นรุ่นสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานเครื่องประสิทธิภาพสูง ที่จะเป็น 8 คอร์ รุ่นแรกของอินเทล และรองรับ DDR4 กับชิปเซ็ต X99นอกจากนี้ ก็ยังเปิดตัวหน่วยประมวลผล 5th Gen Intel Core ที่จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลภาพ Intel Iris Pro ซึ่งทำงานบนสถาปัตยกรรมขนาด 14 นาโนเมตร ให้แก่เครื่องเดสก์ท็อป รวมไปถึงโน้ตบุ๊กในอนาคต
       
       ***เล็งตลาดใหม่อุปกรณ์พกพา
       
       ขณะที่อุปกรณ์พกพาจะกลายเป็นอีกหนึ่งตลาดที่อินเทลให้ความสำคัญ เพราะถือว่า ได้ใช้ช่วงที่ผ่านมาทำการพัฒนาหน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์พกพาให้สามารถแข่ง ขันในตลาดได้ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ และราคา
       
       'หน่วยประมวลผล Atom ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า หรือเทียบเท่า ในลักษณะที่การกินไฟเท่ากัน ซึ่งที่ผ่านมาอินเทลต้องพึ่งพาชิปจากผู้ผลิตรายอื่นเพื่อให้สมาร์ทโฟนหรือ แท็บเล็ตสามารถเชื่อมต่อดาต้าได้ แต่ล่าสุดสามารถพัฒนาได้เองแล้ว'
       
       อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาระดับราคาของหน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์พกพา จะต่ำกว่าหน่วยประมวลผลบนโน้ตบุ๊กราว 5 เท่า ซึ่งนับว่ามีราคาที่จับต้องได้แล้ว แต่เนื่องจากในขณะนั้นอินเทลมีเพียงชิปประมวลผลเท่านั้น ไม่รองรับถึงการเชื่อมต่ออื่นๆ ส่งผลให้เมื่อรวมราคากับชิปอื่นๆที่นำมาประกอบเป็นอุปกรณ์พกพาแล้วราคาจะสูงกว่าคู่แข่ง
       
       'ในปีนี้น่าจะได้เห็นหน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์ พกพาที่มีราคาต่ำกว่า 100 เหรียญ และรองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละรายว่าจะนำเข้ามาจำหน่ายในระดับราคาใด'
       
       โดยในส่วนของเทคโนโลยี อินเทล มีแผนงานที่จะพัฒนาหน่วยประมวลผล อะตอมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากปัจจุบันที่ใช้ชื่อรหัสว่า Merrifield ซึ่งเป็นดูอัลคอร์ที่รองรับการใช้งาน LTE ทั่วไป แต่ในช่วงครึ่งปีหลังจะได้เห็นชื่อรหัส Moorefield ซึ่งเป็นควอดคอร์ที่รองรับ LTE Advance ขณะที่ในช่วงปลายปีจะมีชื่อรหัส Sofia ซึ่งจะเป็นชิปที่รองรับคลื่นความถี่ 4G LTE ดีที่สุดในขณะนี้
       
       นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2014 อินเทลก็มีแผนจะพัฒนาหน่วยประมวลผล อะตอม บนสถาปัตยกรรมแบบ 14 นาโนเมตร ที่จะทำให้ซีพียูมีขนาดเล็กลง ประหยัดพลังงานมากขึ้น บนชื่อรหัส Cherry Trail และถัดไปในช่วงกลางปี 2015 ก็จะเป็นชื่อรหัส Broxton ที่เชื่อว่าจะกลายเป็นฮีโรโปรดักส์ที่ผู้ผลิตทุกรายเลือกใช้
       
       อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่อินเทลต้องรีบจัดการคือการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุม มากขึ้น จากเดิมที่อินเทลจะครอบคลุมเฉพาะทางด้านไอทีเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องขยายไปในกลุ่มของร้านขายสมาร์ทโฟนเพิ่มเติมเข้าไป โดยเรียกว่า Mobile Specialty Retial ที่คาดว่าจะสามารถครอบคลุมดีลเลอร์รายใหญ่ทั้งหมด ส่วนในระดับกลางที่มีพนักงานระดับ 10 - 100 คนกว่า 1,000 ร้านทั่วประเทศให้ครอบคลุมได้ 90% ส่วนของรายย่อยที่มีจำนวนกว่า 10,000 ร้านค้า ก็เชื่อว่าส่วนใหญ่จะรับสินค้าจากดีลเลอร์รายใหญ่อยู่แล้ว ก็ช่วยทำให้อินเทลสามารถครอบคลุมในตลาดนี้ได้
       
       สนธิญา กล่าวต่อว่า เบื้องต้น อินเทล ยังไม่มีการตั้งเป้าสำหรับตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย เพราะถือว่าอยู่ในช่วงที่ทางสำนักงานใหญ่กำลังทำงานร่วมกับผู้ผลิตในการนำ หน่วยประมวลผลอินเทลเข้าไปอยู่ในสมาร์ทโฟน
       
       'ตอนนี้มี เพียงเอซุส ที่กำลังจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนอย่าง Zen Phone และเลอโนโว ที่เริ่มทำตลาด K900 ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และจะมีเพิ่มเติมในช่วงปลายปีนี้ที่สามารถให้ข้อมูลได้ แต่เชื่อว่าในท้ายที่สุดทุกๆแบรนด์ก็จะนำหน่วยประมวลผลของอินเทลไปใช้งานแน่นอน'
       
       เช่นเดียวกับตลาดแท็บเล็ต ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีจำนวนราว 3 ล้านกว่าเครื่อง ซึ่งนับรวมเฉพาะตลาดคอนซูเมอร์ และคอมเมอร์เชียล ไม่นับรวมตลาดแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา เป้าหมาย ในตลาดแท็บเล็ตอินเทลที่วางไว้คือต้องการมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 10% เพราะผู้ผลิตทั้งในฝั่งของพีซี และสมาร์ทโฟน ส่วนใหญ่ได้นำหน่วยประมวลผลของอินเทลไปผลิตแท็บเล็ตใช้งานแล้ว
       
       ส่วนในมุมของรายได้ เฉพาะในมุมของหน่วยประมวลผลที่ต้นทุนเฉลี่ย 100 เหรียญ ถ้าคำนวนจากตลาดที่ราว 3 ล้านเครื่อง ก็เทียบเท่ากับรายได้ในปีนี้ของอินเทลจะอยู่ที่ราว 300 ล้านเหรียญ ซึ่งไทยถือเป็นตลาดอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
       
       'อินเทลยัง ให้ความสำคัญกับตลาดไทยเป็นอย่างมาก โดยยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการทำตลาดอย่างต่อเนื่องนับเป็นที่ 2 รองจากประเทศอินโดนีเชียในภูมิภาคนี้ ซึ่งเชื่อว่างบประมาณที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้อินเทลรุกเข้าไปในตลาดอุปกรณ์พกพาได้อย่างแน่นอน'
Company Related Link :
       Intel

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)