“ฟิล์ม อาร์สยาม” โต้ท้าตบ “ใบเตย” เผยไม่พอใจอีกฝ่ายที่หลอกให้ซื้อคอร์สเสริมความงามร้านตัวเอง แจงตอนแรกเจ้าของร้านเป็นอีกคน แต่ภายหลังใบเตยไปเทกโอเวอร์ร้านดังกล่าวต่อแล้วไม่ยอมบอกตน โวยที่โกรธเพราะกลัวว่าถ้าเปลี่ยนเจ้าของแล้วผลิตภัณฑ์จะตัวเดิมหรือเปล่า ถ้าตนแพ้จะทำยังไง บอกไม่คิดเคลียร์ พร้อมปัดสร้างกระแสเกาะอีกฝ่ายดัง ค่ายอาร์สยามเดือดซะแล้ว อยู่ดีๆ ก็มีข่าวว่านักร้องสาว “ฟิล์ม ณรินทร์ทิพย์ ท้าวเพชรคง” กับ “หลิว อาจารียา พรหมพฤกษ์” แท็กทีมกันท้าตบนักร้องร่วมค่ายอย่าง “ใบเตย สุธีวัน ทวีสิน” เหตุเพราะหมั่นไส้ ซึ่งทางหลิวก็ได้ออกมาแจงแล้วว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แต่ที่เห็นตนไปแสดงความคิดเห็นในอินสตาแกรมของฟิล์มนั้นเพราะเป็นห่วงในฐานะเพื่อน และก็ไม่รู้ว่าที่ฟิล์มกล่าวถึงนั้นเป็นใบเตย ล่าสุดเป็นทางด้านของสาวฟิล์มที่ออกมาเคลียร์บ้าง บอกเป็นเรื่องเข้าใจผิด
“ไม่มีการท้าตบอะไรเลยค่ะ คือเรารู้จักกัน จริงๆ คือเป็นเพื่อนในกลุ่มที่เถียงกันคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า คือเรื่องของเรื่องตอนที่น้องยังไม่มีงานเยอะก็ได้เจอได้คุยกันบ้าง ซึ่งช่วงนั้นน้องไปทำผิวมา เราก็ว่าน้องสวยขึ้นน้องก็เลยแนะนำให้ไปเปิดคอร์สของสถาบันความงามที่นึง แล้วเราก็ซื้อเพราะว่าด้วยแบรนด์ของเขาก็เห็นว่าศิลปินดาราให้ความเชื่อถือเยอะเราก็เลยซื้อไว้ ก็นานมากไม่ได้คุยกับน้องเลย พอมารู้อีกทีนึงมันก็กลายเป็นร้านอื่นไปแล้ว ซึ่งเราซื้อในแบรนด์ของที่เราพอใจจะซื้อ พอมันเปลี่ยนแล้วก็ควรจะแจ้งเราซึ่งเป็นเมมเบอร์ เราก็เลยโกรธ ก็เลยโมโหก็เลยโพสต์ไปตอนนั้นเลย”
“ก็เหมือนว่าน้องเขาแนะนำเราเอง แต่ทีนี้พอจะเปลี่ยนก็ควรจะบอกเรานิดนึงว่าจะเปลี่ยนไปแบบนี้นะ เพราะว่าการที่จะเปลี่ยนร้านเปลี่ยนแบรนด์มันไม่ใช่แค่วัน 2 วัน คือเป็นเดือน 2 เดือนเป็นปีเขาก็น่าจะบอกเรา (เราซื้อผ่านเขา?) เขาเป็นคนแนะนำ แล้วอีกอย่างนึงคือว่าร้านนี้พอเอ่ยชื่อปุ๊บทุกคนต้องรู้จัก เพราะว่าเป็นสถาบันเสริมความงามที่ดาราศิลปินให้ความไว้วางใจแล้วก็ใช้กันเยอะ คือเรามารู้อีกทีว่าสาขาที่เราซื้อไว้มันกลายเป็นของน้องไปแล้ว”
เผยไม่พอใจที่ “ใบเตย” มุบมิบไม่ยอมบอกว่าตัวเองไปเทคโอเวอร์ร้านมาเป็นของตัวเอง เหตุเพราะกลัวผลิตภัณฑ์ในร้านจะเหมือนเดิมหรือเปล่า
“คือร้านนี้ที่น้องไปซื้อคือน้องก็รู้จักและสนิทกับเจ้าของร้าน และเราก็เห็นว่าโอเคมันได้ผลก็เลยซื้อ แต่ที่โกรธเพราะว่าโปรดักส์มันจะเหมือนเดิมหรือเปล่า คือมันเป็นแฟรนไชส์ เป็นสาขาออกมา ถ้าเกิดว่าเปลี่ยนชื่อ แล้วโปรดักส์มันจะเปลี่ยนไหม จะใช่ตัวเดิมไหม ซึ่งตัวแรกที่ใช้โอเคกับเราแล้ว แล้วถ้าเกิดว่ามันเปลี่ยนไปแล้วเราแพ้ ซึ่งตรงนี้ฟิล์มมองว่าคือก่อนที่ฟิล์มจะซื้อ ฟิล์มตัดสินใจนานมากสุดแล้วเพราะเงินจำนวนเยอะอยู่เหมือนกัน”
“คือทั้งหมดก็เป็นอารมณ์ล้วนๆ ของฟิล์มคือโมโหปุ๊บก็ทำเลย ก็ต้องขอโทษทุกฝ่ายด้วยที่ทำให้เข้าใจผิดกัน คือหนูยังไงก็ได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ก็อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นหนูเป็นคนสร้างมาเอง ก็ขอโทษด้วยที่ทำให้มีปัญหา คือไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องขนาดนี้เพราะฟิล์มก็เป็นแค่ศิลปินเบอร์เล็กๆ คนนึงไม่คิดว่าจะมีคนตามไอจีมากมาย เท่าที่ฟิล์มโพสต์ไปก็ไม่มีใครรู้ว่าฟิล์มหมายถึงใคร คืออารมณ์เหมือนคนโมโห มือมันก็ไปเลย”
ถึงเรื่องจะบานปลายไปแล้ว แต่ไม่คิดเคลียร์
“ไม่ค่ะไม่มีอะไรต้องเคลียร์ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องคุยกัน”
ปัดสร้างกระแส เกาะอีกฝ่ายดัง
“ก็ไม่มีอะไรค่ะ ก็ต่างคนต่างทำงาน ก็คิดอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ คือวันนั้นถ้าฟิล์มรู้ว่าทำแล้วเป็นแบบนี้ก็ไม่ทำเพราะว่าถ้าเกิดฟิล์มจะดังฟิล์มก็ขอดังด้วยความสามารถด้วยผลงานของฟิล์มเอง อย่างน้อยก็ภูมิใจในตัวเอง”
รับถูกผู้ใหญ่เรียกไปตักเตือน
“ก็มีค่ะ ก็ตักเตือน เรื่องส่วนตัวก็ไม่มีอะไร แต่ว่าในภาพลักษณ์ขององค์กร แต่จริงๆ แล้วฟิล์มกับน้องไม่ได้มีอะไรกันเลย กับน้องก็รู้จักมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ประกวดร้องเพลง ตั้งแต่น้องอายุ 10 กว่าขวบที่หาดใหญ่ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน”
บอกอนาคตคงร่วมงานกับอีกฝ่ายยากเพราะเพลงคนละแนว
“หนูว่ามันคงยาก คือหมายความว่าร่วมงานกันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะว่าสายของน้องกับหนูมันคนละแนวเลย”
ที่มา: manager.co.th
