Author Topic: “แตงโม” โต้คนบันเทิงถูกจ้างมาต้าน กม.นิรโทษฯ ซัดแหลกคงคิดว่าคนอื่นเหมือนตัวเอง  (Read 725 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai

<a href="https://www.youtube.com/watch?v=ZBDV1QtW9sM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ZBDV1QtW9sM</a>

“แตงโม” โต้คนบันเทิงถูกจ้างมาต้าน กม.นิรโทษฯ ซัดแหลกคงคิดว่าคนอื่นเหมือนตัวเอง “แตงโม” โต้คนบันเทิงถูกจ้างมาต้าน กม.นิรโทษฯ ซัดแหลกคงคิดว่าคนอื่นเหมือนตัวเอง “แตงโม” โต้คนบันเทิงถูกจ้างมาต้าน กม.นิรโทษฯ ซัดแหลกคงคิดว่าคนอื่นเหมือนตัวเอง




“แตงโม” ปัดแขวะ “ใบเตย” หลังโพสต์ไอจีตอบโต้ตอนมีข่าว “ทักษิณ” จะฟ้องว่า “ไม่ไปขอโทษนะ กระเป๋ามีเยอะละ” ยันตนสนิทกับใบเตยเป็นอย่างดีไม่มีปัญหากัน เหน็บคุณท่านไม่ได้ซื้อกระเป๋าให้แค่ใบเตย แต่ซื้อของกำนัลแบบนี้ให้ผู้หญิงอีกหลายคน พร้อมซัดกลับหลังมีคนปูดข่าวคนบันเทิงถูกจ้างมาต้าน กม.นิรโทษฯ ตอกคงคิดว่าคนอื่นเหมือนตัวเอง
       
       หลังจากนางเอกสาว “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ออกมาร่วมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พร้อมโดดขึ้นเวทีราชดำเนินฉะ “ทักษิณ ชินวัตร” โกงกิน ฆ่าคน สันดานทำร้ายประชาชน ไม่ต้องกลับมากราบแผ่นดินอีก จนได้ใจคนไปเต็มๆ จนมีข่าวว่า นักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร สั่งจะฟ้องแตงโม พร้อมกับบรรดาแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่ขึ้นเวทีปราศรัยพาดพิงตนในทางเสียหาย แต่ในที่สุดก็เปลี่ยนใจไม่ฟ้องตามที่มีข่าวออกมาแล้วนั้น ล่าสุดแตงโมมีคิวมาร่วมงาน “แลมป์ตั้น ถอดด้ามหลอดแอลอีดี รุ่น VINTAGE” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ผู้สื่อข่าวจึงไม่พลาดไปเปิดใจเจ้าตัวถึงผลกระทบต่างๆ ที่ตามมาหลังจากขึ้นเวที ซึ่งนางเอกสาวลั่นยังไงก็ไปชุมนุมเหมือนเดิมไม่มีถอย พร้อมเคลียร์หลังมีคนปูดข่าวคนบันเทิงถูกจ้างมาต้าน กม.นิรโทษกรรม
       
       “ก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆ หากว่าโมได้ทำอะไรไปเพื่อประเทศชาติแล้ว หลายคนให้คำชมโมก็ขอขอบคุณค่ะ แล้วก็ขอบคุณแทนคุณพ่อด้วย แต่สำหรับความคิดต่างโมก็ไม่ได้มีข้อข้องใจอะไรเลย เพราะว่าบางทีคนเรามันสามารถคิดต่างกันได้มันเป็นเรื่องธรรมชาติของคน มันจะมาคิดเหมือนกันทั้งประเทศมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ในขณะที่คนในครอบครัวเดียวกันบางทียังคิดต่างกันเลย”
       
       “แต่โมขอสำหรับคนที่ใช้คำพูดหยาบคายใช้คำพูดแรงๆ หรือใช้คำพูดที่หยาบคายจนเกินไป โมขออย่ามาโพสต์ในอินสตาแกรมโมได้ไหมคะ อันนี้ขอเลยเพราะว่ามันเป็นอะไรที่แสดงออกถึงสังคมเรา เพราะว่าบางทีมันก็น่าอายสำหรับคนที่เราจะรักกันยิ่งในเวลานี้ แต่ว่าถ้าคิดต่างโมโอเคค่ะ เพราะว่าการคิดต่างเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะว่าบางทีไปหยาบคายในอินสตาแกรมพ่อโม โมก็รู้สึกไม่ดี ใช้คำหยาบเรียกไอ้บ้าง เรียกอะไรแบบนี้เราเป็นลูก เราก็รู้สึกไม่ดี โมเลยขอแล้วกันว่าหยาบคายอย่าเลย แต่ว่าถ้าคิดต่างเราโอเครับได้ค่ะ”
       
       สงสารพ่อโดนคนด่าหยาบคาย
       “มีคนด่าคุณพ่อเข้าใจค่ะ คุณพ่อยิ่งแบบยิ่งเข้าใจแล้วก็ยิ่งบอกค่ะว่าเราอย่าไปตอบโต้อะไรเขาเลย เพราะว่าความคิดต่างมันเป็นพื้นฐานอยู่แล้วสำหรับสังคมที่เราก็ร้อยพ่อพันแม่ แล้วเราก็โดนปลูกฝังมาต่างกัน แล้วข่าวสารที่เราได้รับมันก็ต่างกัน อย่าไปใส่ใจแบบนี้ค่ะ แต่ว่าความเป็นพ่อเป็นลูกก็ไม่อยากให้ใครเห็นว่าจะมาถูกด่าด้วยคำหยาบคายนะคะ แล้วโมว่าอินสตาแกรมเด็กๆ ก็เล่น อายุเท่าไหร่ก็เล่น แล้วบางทีเขาต้องมาเสพอะไรพวกนี้ บางทีมันอาจจะติดเป็นนิสัยเขา ทำให้เขารู้สึกว่าการใช้ภาษาเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา แล้วเขาก็จะเป็นคนหยาบคายไปในที่สุดอะไรทำนองนี้ค่ะ โมก็เลยขอแล้วกันค่ะว่าหยาบคายอย่าเลย”
       
       เรียกว่าแท็กทีมกันขึ้นเวทีแสดงจุดยืนแบบไม่กั๊กทั้ง “แตงโม” พ่อ และแฟนหนุ่ม “โตโน่” งานนี้ทำเอาผู้เป็นพ่อปลื้มมากทีเดียว
       “โมก็ภูมิใจค่ะ ก็ได้เห็นพี่เขาทำหน้าที่คนไทยคนหนึ่งที่ทำอย่างความภูมิใจ เต็มใจ แล้วก็ความรักชาติ โมเองก็ภูมิใจค่ะ”
       
       เมื่อถามว่ากลัวผลกระทบที่จะตามมาหรือไม่? เจ้าตัวก็บอกว่า…
       “ก็อย่างที่ได้บอกบนเวทีว่า ณ เวลานี้ คือตัวโมเองไม่อยากแสดงความเห็นทางด้านการเมืองมากมาย ณ เวทีนี้ ณ เวทีบันเทิง จริงๆ แล้ว อยากจะให้แยกกันระหว่างเวทีบันเทิง กับเวทีการเมือง คนคิดต่างอาจจะมีผลกระทบต่อใจเขา แต่ถ้าถามถึงผลกระทบตอนนี้ไม่ได้อะไรที่เป็นผลลบเลยนะคะ ด้วยความที่ทุกคนก็ได้เห็นว่าพลังของประชาชนตอนนี้ที่คิดไปในทางเสียงข้างมากแบบเดียวกันมันค่อนข้างเยอะนะคะ”
       
       รับมีคนเตือนว่าเป็นดาราเป็นคนของประชาชนทำไมไม่อยู่เฉยๆ กับเรื่องนี้เจ้าตัวบอกตนกลับคิดตรงข้าม ยิ่งเป็นคนของประชาชนยิ่งต้องออกมาทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ลั่นอยากให้ทุกคนออกมาแสดงพลังเพื่อปฏิวัติบ้านเมือง
       “ก็บางคนที่เตือนที่ว่าเป็นคนของประชาชนควรจะอยู่เฉยๆ ควรที่จะเป็นกลางไม่เลือกข้างไม่เลือกฝ่าย ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนอะไรแบบนี้ โมขอบอกตรงนี้เลยนะคะว่าการที่เราเป็นคนของประชาชนนี่แหละ เราถึงต้องไปทำตัวแบบนั้นเพราะว่าบ้านเมืองเรา เราจะต้องอยู่กันไปอีกนานแสนนาน ไปจนถึงรุ่นลูก โมก็ไม่อยากให้ลูกของโมมาอยู่ในสังคมที่มี… เอาอีกและจะกลายเป็นออกความเห็นเรื่องการเมือง เอาเป็นว่าโมอยากให้ลูกหลานของโมหรือมีบั้นปลายชีวิตของเราได้อยู่ในประเทศที่สงบสุข โมก็ต้องแสดงตัวเพื่อที่จะเป็นตัวอย่างทีดีต่อเยาวชน เลยอยากจะชวนให้ออกมารวมพลังกันเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อสิ่งที่ดีของประชาชนคนไทยเราต่อไป”
       
       ส่วนที่ถูกมองออกตัวแรง “แตงโม” บอกว่า…
       “โมว่าบางทีจริงๆ แล้วโมอาจจะไม่ได้ออกตัวแรง แต่ว่าโมอาจจะเป็นคนที่พูดจาฉะฉานแล้วก็ชัดเจน แล้วมีอุดมการณ์ที่ชัดเจนมันก็เลยดูเหมือนว่าโมออกตัวแรง เพราะว่าจริงๆ แล้วก็มีคนเบื้องหน้าและคนเบื้องหลังในวงการบันเทิงก็มีขึ้นเวทีกันหลายคน แต่ว่าอาจจะไม่ได้โดนจับตามอง โดนจ้องฟ้องเหมือนโม (หัวเราะ)”
       
       พร้อมแจงกรณีหลังมีข่าวนักโทษหนีคดี “ทักษิณ ชินวัตร” ส่งทนายฟ้องดำเนินคดีกับ “แตงโม” แล้วเจ้าตัวไปโพสต์ในอินสตาแกรมด้วยข้อความว่า “ไม่ไปขอโทษนะ กระเป๋ามีเยอะละ…” จนหลายคนโยงว่าแขวะ “ใบเตย อาร์สยาม” ที่ออกมายอมรับว่าเคยบินไปรับจ้างร้องเพลงและกินข้าวกับทักษิณที่ต่างประเทศนั้น กับเรื่องนี้แตงโมยันชัดตนสนิทกับใบเตยไม่มีปัญหากัน ยันไม่ได้แขวะ
       “อ๋อก็เรื่องของกระเป๋า แล้วก็น้องใบเตยจริงๆ แล้วจะอธิบายให้ฟังว่าโมกับน้องใบเตยสนิทกันมาก ติดต่อกันตลอดเวลา เพราะว่าเราสองคนมีนิสัยคล้ายๆ กัน แล้วใบเตยเองก็รักโมมาก แล้วใบเตยก็ยังสอนโมเองว่า พวกเรานะอยู่ยาก แต่เราเป็นคนดี เป็นคนสวยนะคะ เราเลยต้องอยู่ได้ นี่คือใบเตยสอนโมมานะ แล้วก็อยากจะอธิบายว่าฟังดีๆ นะคะ ว่าใบเตยไม่ใช่คนเดียวที่ได้กระเป๋า คุณท่านเขาไม่ได้ซื้อกระเป๋าให้ผู้หญิงคนเดียวในชีวิตนี้ มันมีการจัดทริปแบบนี้ในหลายๆ ครั้ง แล้วเขาอาจจะชอบกำนัลของด้วยเป็นสิ่งตอบแทนหรืออะไรแบบนี้ แต่ว่าพอดีน้องมีประเด็นก่อนหน้านี้พอดี เลยคิดว่าโมไปแขวะน้องแต่จริงๆ โมไม่ได้ไปแขวะน้อง เพราะว่าน้องไม่ได้เป็นคนเดียวในโลก”
       
       “กับใบเตยเรารักกันมากเลยค่ะ แล้วก็ลองคิดให้ดีๆ ว่าถ้าโมอยากจะแขวะน้อง โมแขวะเรื่องทานข้าวก็ได้ เพราะว่าน้องเองก็ยอมรับ โมไปแขวะเรื่องไปเดินจูงมือก็ได้ เพราะว่าในข่าวโดนโจมตีว่าเป็นน้อง ซึ่งโมยืนยันเลยค่ะว่าในรูปไม่ใช่น้อง”
       
       บอกมีข่าวออกไปว่าเกาเหลากัน ตนจึงส่งข้อความไปขอโทษ “ใบเตย”
       “โมส่งไปขอโทษน้องเลยที่ไปถูกโยงให้เป็นข่าวอีกแล้ว แต่โมไม่ได้หมายความถึงน้อง อย่างที่บอกไปว่ากระเป๋าไม่ได้มีใบเดียวในประเทศไทย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่โมอยากจะให้นึกถึงคือจุดประสงค์ของโมที่โพสต์ลงไป โมไม่ได้อยากจะให้คนไปโฟกัสที่ใครเป็นคนได้รับของ แต่โมอยากให้คนไปโฟกัสว่าใครเป็นคนให้ แล้วมีนิสัยในการให้แบบนี้มากกว่า”
       
       “น้องใบเตยก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะ หนูเข้าใจตลอด ก็บอกว่าสู้ๆ นะคะ น้องเข้าใจคนอย่างเราอยู่ในกระแสมันเป็นธรรมดาที่เราจะโดน แต่ว่าเหนือสิ่งอื่นใดแล้วไม่ว่าจะโยงเราให้ทะเลาะกันยังไง หรือจะคอมเมนต์ให้เราเสี้ยมให้เราตีกันยังไง สำคัญที่สุดคือเรารักกัน อยากให้รู้ไว้แค่นี้ว่าโมกับใบเตยรักกัน”
       
       เราประกาศตัวชัดเจนว่าอยู่ตรงข้ามกับ “ทักษิณ” กลัวเรื่องความปลอดภัยไหม?
       “โมประกาศตัวว่าโมเป็นคนหนึ่งที่รักในหลวงมากๆ ใครที่มาทำร้ายบ้านเมือง หรือมาทำร้ายพระมหากษัตริย์ ทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โมสู้ยันตายค่ะ ถามว่ากลัวไหม ก็ถึงขนาดที่โมตายเพื่อในหลวง ตายเพื่อประเทศชาติได้ โมก็ไม่รู้ว่าโมจะกลัวอะไรแล้ว เพียงแต่ว่าถ้าจะตายสักครั้งหนึ่ง โมขอทำหน้าที่คนไทย ไปม็อบแล้วปะทะกันแล้วเสียชีวิต โมยังอยากภูมิใจในแบบนั้นอยู่มากกว่าส่งคนมาอุ้มหรือกรีดหน้าโมหรืออะไรแบบนี้ โมก็อยากจะตายแบบรูปแบบนั้น”
       
       รับพ่อห่วงมาก ตอนนี้ตามมาที่งานด้วยตลอด
       “คุณพ่อก็เป็นห่วงค่ะ เพราะว่าในเรื่องของการเมือง มันเป็นสังคมที่ค่อนข้างจะรุนแรงมาก แล้วก็ในแต่ละครั้งประวัติศาสตร์ที่เราเห็นมามันรุนแรงทุกครั้ง มันมีการนองเลือดกันทุกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้เองถึงเขาจะประกาศว่ามันเป็นอะไรที่ด้วยความประนีประนอม ด้วยการที่ไม่ใช้กำลัง เราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าวันหนึ่งมันจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องระวังตัวเองให้มากๆ โมเองก็ต้องคอยระมัดระวังตัวค่ะ”
       
       ลั่นตั้งแต่ออกมาแสดงตัวต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ท้าชน “ทักษิณ” ตนยังไม่ได้รับผลกระทบเรื่องงาน ส่วนช่อง 7 ก็เข้าใจไม่ปิดกั้น
       “ของโมเองยังไม่มีผลกระทบเรื่องงานค่ะ ผู้ใหญ่ทางช่องก็ได้บอกว่าทำอะไรให้อยู่ในความพอดี ทางช่องไม่ได้ปิดกั้นให้เราออกไปแสดงตัวหรือไปทำประโยชน์ ทำอะไรเพื่อประเทศชาติ เรามีสิทธิเท่าเทียมกัน แล้วเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องของการบันเทิง มันเป็นเรื่องของการเมือง ซึ่งเราก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิ์มีเสียงที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น ทางช่องก็สนับสนุนในเรื่องของความถูกต้อง แต่ว่าถ้าจะไปแบบไร้สติไร้ความคิด บางคนบอกว่ามันเป็นแฟชั่น ไปถ่ายรูปแล้วกลับแบบนั้น ทางช่องก็บอกว่าพักก่อนค่ะ”
       
       ทางทนายฝั่งนู้นบอกว่าเรามีวุฒภาวะต่ำ?
       “อันนี้โมขอถ้าเป็นเรื่องของการเมือง โมขออนุญาตสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ดีกว่า เพราะว่าถ้ามาสัมภาษณ์ในบันเทิงมันอาจจะถูกโยง มีข่าวว่าจะฟ้องวันที่ 10 วันที่ 11 ก็ไม่มีอะไรแล้วนะคะ ทางตำรวจทำอะไรเราไม่ได้ เขาเลยยกเลิกความคิดที่จะฟ้อง โมมั่นใจว่าโมไม่ได้หมิ่นประมาทอะไรเขา เรื่องนี้จะเล่าให้ฟังว่าเรื่องนี้มันมีความเข้าใจกันผิดอยู่นิดหนึ่ง คือมันจะมีน้องเบลล์ที่ในอินสตาแกรมคือน้องเบลล์ ณ ขอนแก่น เขาเป็นเพื่อนกับทางลูกสาว แล้วเขาไปได้รับสารที่ผิดมา คือโมเคยขึ้นไปพูดบนเวทีว่าถ้าวันที่เหตุการณ์มันรุนแรงไปกว่านี้ ถ้าวันนั้นไม่เห็นหน้าโม ให้มาเหยียบหน้าโมได้เลย แต่เขาฟังผิด ไปฟังมาว่าจะไปเหยียบหน้าท่าน”
       
       “แล้วทีนี้เขาเป็นเพื่อนกับลูกสาว ลูกสาวเขาอาจจะไปบอกเลยตัดสินใจที่จะฟ้องได้เร็วขนาดนั้น อาจจะเช็คแล้วว่าโมไม่ได้พูดแบบนั้น ก็เลยเปลี่ยนการตัดสินใจในวันเดียว และที่บอกว่าโมวุฒิภาวะต่ำเพราะโมเข้าใจว่าเขาต้องหาเหตุผลเพื่อว่าเหตุผลอะไรที่จะเปลี่ยนใจที่มาไม่ฟ้อง มันก็อาจจะเป็นเหตุผลลอยๆ เขาจะมาบอกว่าเขาเปลี่ยนใจเพราะเป็นความเข้าใจผิดโมก็เข้าใจว่าคงหาเหตุผลอะไรสักอย่างว่าโมวุฒิภาวะน้อย หรือเข้าใจอะไรในตัวเขาผิด”
       
       บอกต่อไปคงไม่จำเป็นต้องขึ้นเวทีแล้ว เพราะได้พูดไปหมดแล้ว แต่จะไปให้กำลังใจเหมือนเดิม
       “โมว่าโมไม่ต้องขึ้นแล้วแหละ เพราะว่าโมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ว่าจะไปให้กำลังใจในฐานะคนไทยคนหนึ่ง เพราะเราไปที่นั่นเราก็ได้ความรู้ แล้วก็มีนักแสดงที่พร้อมจะขึ้น ก็จะไปให้กำลังใจค่ะ”
       
       ตอนนี้คนบันเทิงที่ออกมาแสดงตัวโดนเพ่งเล็ง อย่างล่าสุด “ธิดา ถาวรเศรษฐ” ประธาน นปช.ที่ขึ้นปราศรัยบนเวที “นปช.-เพื่อคนไทย ปกป้องประชาธิปไตย” ในการนัดชุมนุมของ นปช.เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2556 ที่เมืองทอง ก็ประกาศคิดบัญชีกับศิลปินดาราที่มาขึ้นเวทีแสดงความเห็น เรื่องนี้สาว “แตงโม” บอกเข้าใจที่ตกเป็นเป้าเพราะพวกตนเป็นคนของประชาชน เวลาแสดงความเห็นออกไปแล้วเสียงดังกว่าคนทั่วไปทำให้อีกฝ่ายกลัว
       “โมก็วิเคราะห์ได้ว่าคนบันเทิงโดนเพ่งเล็ง เพราะว่าคนแบบเราเป็นคนของประชาชนมาก นอกจากจะเจอนักการเมืองแล้ว ยังเจอคนบันเทิงที่เขาเชื่อในคำเรา เพราะฉะนั้นเขาเลยมาเพ่งเล็งที่เรา ว่าถ้าเกิดเราพูดอะไรไปแล้ว แล้วประชาชนเชื่อมันจะกลายเป็นว่าไปเบี่ยงเบนคำพูดที่เขาเคยพูดอีกแบบหนึ่ง แล้วคนก็จะเริ่มไม่เชื่อแล้ว เพราะคนในวงการบันเทิงเห็นพร้อมไปในทางเดียวกันว่าเราไม่ได้เห็นด้วยกับเขา เพราะฉะนั้นโมก็เลยคิดว่าคนบันเทิงมีผลต่อเขามากจริงๆ หรือเขาอาจจะฟ้องโมเพื่อที่จะเชือดไก่ให้ลิงดู หรือว่าคนอื่นอย่ามาขึ้นเลยอะไรทำนองนี้ค่ะ ก็เข้าใจเขา”
       
       นอกจากนี้ยังมีคนปล่อยข่าวว่าคนบันเทิงที่ออกมาต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมในครั้งนี้ถูกจ้างมา หนำซ้ำก่อนหน้านี้ “นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์” (แรมโบ้อีสาน) รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าคนบันเทิงที่ออกมาถูกจ้างมาทั้งนั้น ซึ่งพอถามถึงประเด็นนี้ “แตงโม” ก็จัดหนัก จวกกลับคงคิดว่าคนอื่นทำเหมือนตัวเอง
       “คนบันเทิงถูกจ้าง จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรที่ได้เงินดีมากกว่าวงการบันเทิง หรือนักการเมืองจะได้รายได้ดี แต่วงการบันเทิงรายได้ดีกว่าเงินเดือนนักการเมืองอีกนะ เพราะฉะนั้นเอาเงินมาจ้างเท่าไหร่ถึงจะได้นักแสดงที่ไปรวมตัวกันได้เยอะขนาดนั้น อย่างบางคนเขามีค่าตัวโชว์ตัวกันเป็นแสนๆ ต้องให้ได้เท่าไหร่ถึงจะจ้างเขาไปได้ แล้วเขาจะต้องขึ้นไปเสี่ยงในมุมมองของบางคน เพราะฉะนั้นจะบอกเลยว่าเหตุการณ์ของบ้านเมือง แล้วเรามีอาชีพเป็นคนของประชาชน ถ้าเราไม่มีใจที่รักประเทศชาติ ไม่มีจิตสำนึกต่อแผ่นดิน เราออกไปไม่ได้ เพราะว่าเราไปด้วยใจกันจริงๆ”
       
       “ทางเขาอาจจะคิดว่าเราถูกจ้างมา เพราะว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่เขาทำ เขาก็เลยคิดว่าคนอื่นอาจจะทำเหมือนเขาหรือเปล่าโมก็ไม่ทราบ แต่ว่าครั้งนี้มันก็คือมวลมหาประชาชน ชื่อของการชุมนุมก็บอกแล้วไม่มีหรอกเอาบัตรประชาชนแล้วไปแลกกับเงินที่ได้ไม่ถึงเศษเสี้ยวของที่เรามาโชว์ตัวๆ ไม่มีแบบนั้นหรอกค่ะ เราไปด้วยความสมัครใจ ไปแล้วก็ต้องเบียดเสียด ต้องไปอยู่ที่ร้อนๆ ต้องตากแดดตากฝน ถ้าไม่มีใจจริงๆ ไปไม่ได้หรอกค่ะ”
       
       ด้าน “โสภณ พัชรวีระพงษ์” พ่อของแตงโม ยอมรับว่าหลังขึ้นเวทีประกาศไม่เอา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พร้อมลูกสาวแล้ว ทำให้โดนขมขู่แต่ไม่ถอยแน่นอน
       “หลังจากขึ้นเวทีก็มีทั้งบวกทั้งลบครับ แต่ในเชิงบวกเยอะกว่าด้านลบ ก็เป็นของกลุ่มเสื้อแดงแหละว่าอย่างนั้นเถอะ เขาก็มาโพสต์ด่ากัน ขู่ก็มีครับ คือเราจบจากธรรมศาสตร์เราก็จะมีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่อยู่ฝั่งนู้นฝั่งนี้ คือมีเพื่อนๆ ฝั่งนู้นก็จะโทร.มาบอกว่าเฮ้ยระวังโดนนะ แต่ก่อนจะขึ้นไปบนเวทีก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะมีผลกระทบ”
       
       อะไรที่ตัดสินทำให้ขึ้นบนเวทีในขณะที่ลูกสาวก็กำลังมีงานอยู่?
       “เราคุยกันมานานแล้ว คือจะสอนให้เขาสนใจเรื่องการบ้านการเมือง สอนให้เขาว่าถ้ามีเวลาโอกาสตรงไหนที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ ใช้คำว่าจงทำ สอนเขาแบบนั้นว่าจงทำ”
       
       เผย “แตงโม” เองก็โดนโจมตีเละ
       “ใช่ๆ ที่จริงแล้วอยากจะพูดมากเลยประเด็นนี้ ที่เห็นคนในวงการขึ้น แล้วต้องพูดคำนี้คำแรกเลยว่าอยู่วงการบันเทิงนะ กลัวจะกระทบต่อหน้าที่การงาน พ่อว่ามันเปลี่ยนยุคสมัยแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งพอเราดูบนถนนราชดำเนินเรามองลงไป เห็นคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจเยอะแยะ ความจริงพ่อว่านักธุรกิจเหล่านั้นก็ชื่นชม ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับใครเลย เผลอๆ จะมากกว่ากันด้วยซ้ำไป เพราะมีคนที่สนับสนุนดาราที่กล้าแสดงออกด้วยซ้ำไป คิดว่าแบบนั้นนะ”
       
       พร้อมแจงตนไม่ได้ชวน “โตโน่” ขึ้นเวที แต่อีกฝ่ายสมัครใจเองเพราะอึดอัดมานาน
       “เขาขึ้นของเขา แล้วก็ดีใจว่าเขามีความคิดแบบนั้นโดยตรง แต่จริงๆ เราไม่เคยคุยเรื่องการเมืองกัน แต่ว่าหลังจากที่แตงโมไปขึ้นเวที แล้วเขาก็ส่งข้อความมาว่าเขาอึดอัดมาก แล้วสิ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่เขาอยากจะพูด เราก็รู้สึกดีใจเพราะว่าเขาอยู่คนละค่ายกับลูกสาวเรา อย่างน้องโมอยู่ช่อง 7 เราก็จะรู้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่เป็นยังไง แต่โตโน่เขาอยู่อีกค่ายหนึ่ง ซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไง”
       
       ส่วนเรื่องที่ “แตงโม” เกือบโดน “ทักษิณ” ฟ้อง คุณพ่อก็บอกว่า…
       “ตรงนั้นมันผ่านไปแล้ว แต่วันที่เขาจะฟ้องเราก็ไม่ได้ห่วงอะไรนะ เขาจะฟ้องหมิ่นประมาท เราก็ยังไม่รู้ว่าเราไปหมิ่นประมาทอะไรเขาเลย พอวันรุ่งขึ้นบอกไม่คิดจะฟ้องแล้ว มันไม่มีอะไรในเรื่องของการหมิ่นประมาท เราก็ทำใจอยู่แล้วว่าต้องเจอ แต่เราก็ยืนหยัดเพื่อจะสู้ แต่เรื่องของการขึ้นเวทีเราไม่ได้อยากขึ้นบ่อย เพราะว่าวันแรกที่เราขึ้นเรา แค่ยืนยันจุดยืนว่าเราไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.อันนี้นะ เราไม่ได้เป็นแกนนำ แต่พอมามีเรื่องฟ้องเราก็เลยขอยืนยันในเรื่องจริง เราก็เลยต้องขึ้นในครั้งที่สอง แต่ไปร่วมชุมนุมนะ ไปแน่นอน แต่ขึ้นเวทีคงไม่แล้วครับ”
       
       ชื่นชมคนบันเทิงหลายคนมีจุดยืนเหมือนกัน ถึงบางคนจะไม่กล้าขึ้นเวทีแต่การที่มาแสดงตัวแสดงจุดยืนแบบนี้ก็ถือว่ากล้าหาญแล้ว
       “คือเราก็ต้องเข้าใจเขาเหมือนกัน คือคนแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะพูดไม่เก่ง บางคนอาจจะไม่อยากขึ้นบนเวที แต่หลายๆ คนที่ไปแล้วได้ให้ทางเวทีประกาศชื่อแสดงตน อันนั้นก็เหมือนการขึ้นเวทีแหละ มีค่าเท่ากัน ก็ถือว่าเขากล้าเปิดตัวแหละ”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)