Author Topic: อัลคาเทล-ลูเซ่น ชี้ไทย ใช้แบนด์วิธสูง แต่ปัจจัยเกื้อหนุนยังต่ำ  (Read 686 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


นายเซบาสเตียน โลฮอง ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น (ประเทศไทย)

อัลคาเทล-ลูเซ่นเผยไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งในและนอกประเทศอยู่ในอัตราที่สูง ในขณะที่ทางด้านโครงสร้างโทรคมนาคมติดอันดับยอดแย่ในลำดับที่ 74 จาก 144 ประเทศทั่วโลกในเรื่องความพร้อมของเน็ตเวิร์ก ชี้ไทยต้องมุ่งพัฒนาฟิกซ์ไลน์ โมบาย และแอลทีอีไปพร้อมกัน เพื่อให้ทันกับการแข่งขันในอนาคต
       
       นายเซบาสเตียน โลฮอง ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเทศไทยมีการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศและการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประชากรในอัตราที่สูง ในขณะที่การวางเครือข่ายและระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคมของไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยความพร้อมของเน็ตเวิร์กไทยอยู่ในอันดับที่ 74 จากทั้งหมด 144 ประเทศ ซึ่งนับว่าแย่มาก โดยมีประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์อยู่ในอันดับ 2 นอกจากนี้ในส่วนของการขยายตัวของเครือข่ายตามสาย Fix Broadband penetration นั้นไทยก็อยู่ในตำแหน่งที่ 83 ของโลก ในขณะที่สิงคโปร์อยู่ในตำแหน่งที่ 25
       
       ปัจจุบัน ไทยมีการใช้งานแบนด์วิธที่สูงมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้งานแอปพลิเคชันตามไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอลของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างเฟซบุ๊กที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของโลก หรือแม้แต่อินสตราแกรม ก็มีการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 151% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับยูทูป ที่มียอดการอัปโหลดวิดีโอถึง 5.3 ล้านเรื่องใน 1 ปี นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอินเทอร์เน็ตรับส่งผ่านประเทศไทยถึง 50% ในทุกปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับกับการเติบโตดังกล่าว
       
       'การจะพัฒนาประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติในด้านโทรคมนาคมสำหรับไทยนั้น ควรจะพัฒนาทั้งด้านฟิกซ์ไลน์โมบายและแอลทีอีควบคู่กันไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาอัลคาเทล-ลูเซ่นได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ที่กำกับดูแลเรื่องนี้อย่าง กสทช.เกี่ยวกับแนวทางในการเข้ามาพัฒนาประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมาในระดับหนึ่งแล้ว และได้รับการตอบสนองที่ดี และในขณะนี้ประเทศอื่นเริ่มเดินหน้าบรอดแบนด์แห่งชาติจนประสบความสำเร็จกันไปหลายประเทศแล้ว ดังนั้นไทยก็ควรจะก้าวไปอย่างจริงจังเพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้'
       
       นายเซบาสเตียน กล่าวว่า สำหรับตลาดในเมืองไทยปัจจุบันอัลคาเทล-ลูเซ่นมีอัตราการเติบโตประมาณ 20-30% ต่อปี และหวังว่าจะโตเพิ่มขื้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการลงทุนทางด้านโทรคมนาคมใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมไปถึงการเข้ามาของทีวีดิจิตอลยิ่งจะทำให้เมืองไทยมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นอีก อัลคาเทล-ลูเซ่น จึงวางไทยเป็นตลาดสำคัญ นอกจากนี้ในเมืองไทยยังไม่มีเทคโนโลยีอีกหลายอย่าง เช่น FTTX ทำให้อัลคาเทล-ลูเซ่น มองเห็นโอกาสเหล่านี้ และพร้อมที่จะรองรับการเติบโตดังกล่าว
       
       นอกจากนี้การที่เทคโนโลยี ไอพี เน็ตเวิร์กจะเติบโตมากขึ้นในอนาคต โดยเมื่อมีการใช้บรอดแบนด์เพิ่มมากขึ้น จะต้องมีการสร้างเครือข่ายไอพีเพื่อรองรับทราฟิกและการใช้งานคลาวด์ในอนาคตด้วย ซึ่งปัจจุบันมูลค่าตลาดเทคโนโลยีไอพีและออปติกทั่วโลกมีมูลค่าสูงขึ้น 33 พันล้านยูโรในปีนี้ และมีอัตราการเติบโตประมาณ 6 % ส่วนตลาดไอพีและออปติกในไทยยังมีมูลค่าเพียง 235 ล้านยูโรเท่านั้น ซึ่งนับว่ายังเติบโตได้อีกมากและสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับอัลคาเทล-ลูเซ่นเพิ่มขึ้น
       
       เช่นเดียวกับคลาวด์ที่ถือได้ว่าเป็นแหล่งเก็บรวบรวมข้อมูลขนาดใหญ่นั้น การเข้ามาของบรอดแบนด์จะทำให้การเชื่อมต่อง่ายขึ้นไปอีก และในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีใหม่อย่างอัลตร้าบรอดแบนด์ที่จะทำให้การสื่อสาร รวดเร็วเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งจะเป็นเทรนด์ใหม่ที่สำคัญในอนาคตต่อจากการใช้งาน 3G และ LTE โดยจากรายงานBroadband Commission for Digital Development ระบุว่า LTE มีส่วนในการผลักดันให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้น 30 % ซึ่งอัลคาเทล-ลูเซ่นก็มีเทคโนโลยีเหล่านี้รองรับสำหรับตลาดไทยแล้วเช่นกัน
       
       Company Related Link :
       Acatel

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)