Author Topic: ปีหน้าไมโครซอฟท์เลิกซับพอร์ต Windows XP คาดกระทบคอมพ์ไทย 5.7 ล้านเครื่อง  (Read 716 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


แฟ้มภาพ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์เมื่อครั้งเปิดตัวระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เอ็กซ์พี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2001 ในงานเปิดตัวที่ย่านไทมสแควร์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา


สถิติล่าสุดพบว่า ไทยมีคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็กซ์พี 5.7 ล้านเครื่อง

ไมโครซอฟท์เตือนคอมพิวเตอร์กว่า 5.7 ล้านเครื่องในประเทศไทยตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะทั้ง 5.7 ล้านเครื่องคือคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็กซ์พี (Windows XP) ที่ไมโครซอฟท์จะยุติการให้บริการในเดือนเมษายน 2014 หรืออีก 6 เดือนนับจากนี้ เตือนผู้ใช้อัปเกรดระบบปฏิบัติการเพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และปัญหาอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น
       
       คอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows XP ที่ติดตั้งในประเทศไทย 5.7 ล้านเครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 28% ของคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย จุดนี้ไมโครซอฟท์ระบุว่าได้แจ้งให้ธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไปในประเทศไทยที่มีคอมพิวเตอร์ที่ยังใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP ได้ทราบแล้วว่า ไมโครซอฟท์จะหยุดการสนับสนุนและการให้บริการ ระบบปฏิบัติการ Windows XP อย่างเป็นทางการในอีก 6 เดือนข้างหน้า หรือในวันที่ 8 เมษายน 2557
       
       "แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกแค่ครึ่งปีเท่านั้น แต่คอมพิวเตอร์จำนวน 3 ใน 10 เครื่องที่ใช้อยู่ในประเทศไทยยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP อยู่ ซึ่ง Windows XP เป็นระบบปฏิบัติการที่มีอายุ 11 ปีแล้ว และไม่สามารถรับมือกับการโจมตีที่ซับซ้อนผ่านระบบไซเบอร์ได้ รวมทั้งยังไม่สามารถสนองตอบต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่การปกป้องข้อมูลส่วนตัว และการเพิ่มประสิทธิผลอีกด้วย"
       
       ตัวเลขจาก StatCounter ประจำเดือนกันยายน 2556 ระบุว่าประเทศไทย คือหนึ่งในประเทศที่มีผู้ใช้ Windows XP สูงสุดในแถบเอเชียแปซิฟิก โดยประเทศไทยมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP อยู่ราว 28% คิดเป็นจำนวนคอมพิวเตอร์มากถึง 5.7 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าประชากรทั้งหมดของประเทศสิงคโปร์
       
       ไมโครซอฟท์ระบุว่า ตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 เป็นต้นมา ผู้บริโภคและธุรกิจในประเทศไทยได้เริ่มอัปเกรดไปเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่แล้ว โดย 57% ของคอมพิวเตอร์ไทยมีการอัปเกรดเป็น Windows 7 และ Windows 8 เรียบร้อย

       สำหรับการหยุดสนับสนุน Windows XP ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2014 ไมโครซอฟท์ให้รายละเอียดว่าจะหยุดอัปเดทระบบรักษาความปลอดภัย การซ่อมแซมระบบที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย หยุดให้บริการด้านเทคนิคทางโทรศัพท์ และจะไม่มีการอัปเดทข้อมูลด้านเทคนิคผ่านระบบออนไลน์สำหรับ Windows XP อีกต่อไป นั่นแปลว่าผู้ใช้จะไม่ได้รับอัปเดทต่างๆ ที่จะสามารถช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์จากไวรัสอันตราย สปายแวร์ และซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายอื่นๆ และผลที่ตามมาก็คือระบบอาจหยุดทำงานหรือพบปัญหาซอฟต์แวร์บางชิ้นไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
       
       เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ต้องพบปัญหาเหล่านี้ ไมโครซอฟท์จึงต้องการชักจูงให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะองค์กรน้อยใหญ่ที่ยังมีเครื่อง XP ในครอบครองได้อัปเดทระบบก่อนจะไม่ทันการณ์ จุดนี้นายรชฏ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจและการตลาดวินโดวส์ และ เซอร์เฟซ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าโดยปกติแล้ว ธุรกิจขนาดเล็กมักใช้เวลาประมาณ 3 ถึง 6 เดือนในการอัปเกรดระบบ ส่วนธุรกิจขนาดกลางต้องใช้เวลานานกว่า 6 เดือน
       
       "เราจึงมีความกังวลว่าบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยอาจตัดสินใจอัปเกรดในเวลากระชั้นชิดใกล้กับวันสิ้นสุดการให้บริการมากจนเกินไป ไมโครซอฟท์มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ในไทยให้สามารถอัปเกรดระบบได้อย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
       
       ข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์เก็บข้อมูลผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย "ทรูฮิตส์ (Truehits)" พบว่าระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ที่คนไทยใช้งานขณะท่องอินเทอร์เน็ตมากที่สุดในขณะนี้คือ Windows 7 (สัดส่วนการใช้งาน 40.7%) รองลงมาคือ Windows XP (26.52%) ตามมาด้วย iOS (16.58%), Windows 8 (3.5%), Linux (2.32%), Windows Vista (0.6%) และ Windows 2000 (0.01%) ทั้งหมดนี้เป็นสถิติประจำเดือนกันยายน 2013
       
       ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดการอัปเดทระบบปฏิบัติการได้ที่เว็บไซต์ Windows Upgrade Centre

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
4591 Views
Last post July 19, 2009, 02:33:58 PM
by IT
0 Replies
5381 Views
Last post June 11, 2010, 04:51:16 PM
by Nick
0 Replies
3926 Views
Last post June 11, 2010, 04:56:15 PM
by Nick
0 Replies
3729 Views
Last post June 11, 2010, 06:56:51 PM
by Nick
0 Replies
5549 Views
Last post July 02, 2010, 03:12:03 PM
by Nick
0 Replies
4918 Views
Last post July 03, 2010, 03:15:40 PM
by Nick
0 Replies
3120 Views
Last post March 08, 2012, 04:30:06 PM
by Nick
0 Replies
2482 Views
Last post July 05, 2012, 07:25:18 PM
by Nick
0 Replies
3046 Views
Last post September 23, 2012, 06:57:55 PM
by Nick
0 Replies
2620 Views
Last post November 15, 2012, 11:27:59 PM
by Nick