Author Topic: สงฆ์ศรีสะเกษ - อุบลฯ ร่วม ขีดเส้นตาย 12 ก.ค. “เณรคำ” ไม่โผล่ ขับพ้น ทั้ง 2 จังหวัด  (Read 882 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


ศรีสะเกษ - คณะสงฆ์ธรรยุตศรีสะเกษ - อุบลราชธานี ลงมติร่วมกันขีดเส้นตาย 12 ก.ค. “เณรคำ” ต้องมารายงานตัว หากไม่มาขับพ้นสังกัดจากทั้ง 2 จังหวัด ขณะสาวศรีสะเกษที่ออกมาเปิดเผยตัวเป็นเมีย เรียกร้อง “เณรคำ” แสดงความกล้าตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอพร้อมกันและรับผิดชอบลูกชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
       
       เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ ( 9 ก.ค.) ที่วัดประชารังสฤษฎิ์ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ พระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ฝ่ายธรรมยุต และ พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต พร้อมด้วย นายพยม ธารีชาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายวิรอด ไชยพรรณนา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ และคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์ พระวิรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ ของทั้ง 2 จังหวัด ได้มีการประชุมร่วมกัน
       
       ทั้งนี้เพื่อหารือ และหาข้อสรุปกรณี ที่ พระวิรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ ถูกกล่าวหาว่ากระทำการไม่เหมาะสมกับสมณเพศ และเสพเมถุน รวมทั้ง การกล่าวหาว่ามีการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งที่ประชุมได้นำเอาข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการกระทำผิดพระธรรมวินัยของพระวิรพล มาแจ้งให้ที่ประชุมทราบ เพื่อพิจารณาร่วมกัน และมีการพิจารณาแต่ละข้อกล่าวหา ตามคำให้การของพยานที่เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้นำเอามามอบให้กับเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี
       
       โดยที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า หากมีการปล่อยให้เรื่องนี้เนิ่นนานต่อไปอีก จะกระทบต่อความเชื่อถือ และความศรัทธาต่อพุทธศาสนิกชนชาว จ.ศรีสะเกษ และชาว จ.อุบลราชธานี รวมทั้งพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ และอาจมีคำครหาว่า คณะสงฆ์ทั้งสองจังหวัดไม่ร่วมกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ซึ่งใช้เวลาประชุมร่วมกันนานกว่า 3 ชั่วโมง
       
       นายวิรอด ไชยพรรณนา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ เปิดว่า การประชุมครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ที่ประชุมจึงมีมติร่วมกันว่า ให้กำหนดภายในวันที่ 12 ก.ค. นี้ หลวงปู่เณรคำ ต้องมารายงานตัวต่อเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี หากไม่มารายงานตัวภายในกำหนด ถือว่า หลวงปู่เณรคำ พ้นจากสังกัดของวัดทั้ง จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ซึ่งจะมีความผิดตามพระธรรมวินัย หากไม่มีวัดสังกัดจะต้องสละสมณเพศไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งคณะสงฆ์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ที่เป็นคณะกรรมการสอบอธิกรณ์ก็จะยังคงดำเนินการสอบสวนต่อไป โดยเน้นในเรื่องการเสพเมถุน ตามที่ได้รับรายงานจากดีเอสไอ
       
       ทั้งนี้คณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์จะรอผลการตรวจดีเอ็นเอของผู้ที่อ้างว่าเป็นเมียและลูกของหลวงปู่เณรคำ รวมทั้งการตรวจดีเอ็นเอจากพี่น้องของหลวงปู่เณรคำ หากได้ผลการตรวจออกมาแน่ชัดว่าผลการตรวจดีเอ็นเอออกมาเป็นเช่นไร ก็จะต้องดำเนินการตามผลของการตรวจดีเอ็นเอนั้น
       
       “หากดีเอ็นเอแสดงผลออกมาว่าหลวงปู่เณรคำเป็นพ่อของเด็กชายที่เป็นลูกของหญิงสาวที่อ้างตัวว่าเป็นภรรยา จะต้องมีความผิดปาราชิก และต้องถูกสึกจากความเป็นพระทันที” นายวิรอด กล่าว
       
       ทางด้าน น.ส. ญ. ชาว อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ที่อ้างตัวว่าเป็นมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหลวงปู่เณรคำและมีลูกชายด้วยกัน 1 คน กล่าวว่า การที่ดีเอสไอ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะนำตนไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น ตนและลูกมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ตนอยากให้หลวงปู่เณรคำแสดงความกล้ามาตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอพร้อมกันด้วย เพื่อแสดงให้คนทั้งประเทศได้รู้ว่า หลวงปู่เณรคำเป็นสามีและเป็นพ่อของลูกชายของตนจริง
       
       ที่ผ่านมา ตนยอมรับว่าน้อยใจมากที่หลวงปู่เณรคำไม่เคยสนใจใยดี ดูแลเลี้ยงดูตนและลูกไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่มีลูกด้วยกัน หลวงปู่เณรคำกลับดูแลปรนเปรอ ซื้อบ้าน ซื้อรถ และให้เงินใช้เหลือเฟือ แต่ตนกับลูกชาย ซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ ของหลวงปู่เณรคำ กลับมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก ไม่พอกินไม่พอใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกชายของหลวงปู่เณรคำ ซึ่งกำลังโตขึ้นเรื่อย ๆ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนมากเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
       
       “ จึงอยากให้หลวงปู่เณรคำได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบลูกชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้อยู่อย่างยากลำบากแบบนี้” น.ส. ญ.กล่าว


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)