Author Topic: “ศตวรรษ” หน่าย “เมียเก่า” ใช้ลูกขุดอดีตเข้าวงการ แฉหมดไส้ไม่เคยทิ้ง  (Read 740 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




    “เจค ศตวรรษ” ยันไม่ได้ทอดทิ้ง “ภีม” ลูกชายที่เกิดกับ “แอน กัญญารัตน์” ไปค้นภาพข่าวเก่าๆ ดูได้ว่า ยอมรับและส่งเสียเลี้ยงดูอยู่หลายปี ทั้งที่ตอนนั้นอดีตภรรยาจดทะเบียนสมรสกับคนอื่นอยู่ แถมภายหลังยังหอบลูกหนีทำเอาตนเสียใจ แฉ “วู๊ดดี้” ติดต่อให้ไปออกรายการกับลูก แต่ไม่ไป เพราะรายการต้องการให้ไปสร้างภาพเพื่อปั้นภีมเข้าวงการ ลั่นไม่อยากไปทำอะไรที่ดรามาหลอกลวงคนอื่น จวกภรรยาเก่าไม่คิดจะทำมาหากินบ้างหรือไงถึงให้ลูกเลี้ยงคนในบ้านอีกเป็นสิบ
       
       กลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีกแล้วกับกรณี “เจค ศตวรรษ ดุลยวิจิตร” อดีตพระเอกและนักแสดงชื่อดัง ที่เคยตกเป็นข่าวทิ้ง “แอน กัญญารัตน์ บ่อสันเที๊ยะ” กับลูก “ภีม ภาคิน จิกิตศิลปิน” เมื่อ 20 ปีก่อน ผ่านไป 20 ปี ภีมก็มาออกรายการให้ข่าวว่าชีวิตลำบากต้องเลี้ยงแม่ที่ป่วยและคนในบ้านอีกเป็นสิบชีวิต รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย งานนี้เจค ศตวรรษ ก็เลยโดนพาดพิงว่าทิ้งลูกไม่ใส่ใจดูแล
       
       ที่ผ่านมา เจค ศตวรรษ ปิดปากไม่พูดไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับใคร พึ่งจะยอมเปิดใจครั้งแรกว่า อดีตก็คืออดีต และมันก็ผ่านมา 20 ปีแล้วจะมาอะไรอีก เผยตอนที่แอนท้องก็ยอมรับส่งเสียเลี้ยงดู ทั้งที่ขณะนั้นแอนจดทะเบียนสมรสกับคนอื่น ไม่เคยคิดจะให้ไปทำแท้ง แต่ฝ่ายหญิงกับหอบลูกหนีในวันพ่อ สร้างความเสียใจให้ตนเป็นอย่างมาก แต่ต้องตัดใจไม่งั้นชีวิตเดินต่อไม่ได้ และหลายครั้งแล้วที่อีกฝ่ายออกมาพูดเรื่องเดิมๆ ที่ผ่านมา 20 ปีแล้ว แจงเหตุไม่ไปออกรายการของ “วู๊ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” เพราะทางรายการต้องการให้ไปสร้างภาพเพื่อจะปั้นภีมเข้าวงการเหมือนไปหลอกลวงประชาชนไม่อยากไป ขอให้เห็นใจด้วย เพราะตนก็มีครอบครัวใหม่แล้ว อยากให้คิดถึงความรู้สึกตรงนี้บ้าง
       
       “กับเรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ อันนั้นมันคืออดีต อดีตก็คืออดีต แล้วอันนี้มันคือปัจจุบัน เพราะฉะนั้นคนเราต้องแบ่งว่าเราจะอยู่กับอดีตหรือว่าจะอยู่กับปัจจุบัน คนเราจะอยู่กับอดีตตลอดไปมันคงเป็นไม่ได้ เพราะว่าเราต้องเดินหน้าแล้วเราอยู่ตรงนี้เรามาสร้างชีวิตใหม่ เราผ่านตรงนั้นมาตั้ง 20-30 ปี เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไปอยู่ตรงนั้น”
       
       “อย่างผมเมื่อก่อนเล่นเป็นพระเอก แต่ตอนนี้ผมเล่นเป็นพ่อ บทบาทเมื่อก่อนกับตอนนี้มันก็ต้องต่างกัน ตอนนี้ผมอยู่กับครอบครัวผม ผมมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข คือไม่ใช่ว่าผมเคยผ่านมาแค่คนเดียว ผมก็ผ่านมาหลายคน กว่าจะเจอคนรู้ใจคนเข้าใจในบั้นปลายชีวิตผม แล้วผมก็เจอแล้ว บางคนอาจจะมีชีิวิตคล้ายๆ ผม แต่อันนั้นมันเป็นอะไรที่ผ่านพ้นมาแล้วผมไม่อยากไปพูดถึง แต่ถ้าลูกผมเขาไปได้ดีผมก็ดีใจใครบ้างจะไม่ดีล่ะ”
       
       “ตั้งแต่แรกผมไม่ได้ทอดทิ้งเขานะครับ เพราะว่าตั้งแต่แรกแล้วผมจะเอามาเลี้ยงแล้วเขาไม่ให้ เขาพยายามหนีเราตลอด พยายามหนีจนมีเรื่องกัน พอมีเรื่องกันแล้วเขาเลี้ยงได้ผมก็ให้ไป แล้วเราก็ตัดใจเพราะถ้าเราไม่ตัดใจผมก็ทนมาตั้ง 25 ปี วันที่เขาไปคือวันพ่อ วันนั้นคือวันที่เสียใจที่สุดแล้ว หลังจากนั้นก็พยายามตัดให้ได้ ถ้าตัดไม่ได้เราก็จะอยู่ไม่ได้ เราต้องเดินหน้า”
       
       ไม่สามารถจะกลับไปหาอดีตได้ เพราะถ้ากลับไปก็โดนกระแสสังคมต่อว่าอยู่ดี ฉะนั้นจะต้องอยู่กับปัจจุบัน
       “ถ้าผมกลับไปสังคมก็ด่าผมเหมือนกัน ผมยอมอยู่ตรงนี้ดีกว่า ผมอยู่กับปัจจุบันดีกว่า เพราะตรงนั้นถ้าผมกลับไปจะโดนหนักกว่าอีก ตรงนั้นคือว่ามันเป็นเรื่องที่มันกลับมาไม่ได้ เพราะตอนนี้คือว่าเราต้องอยู่กับอนาคต เราต้องอยู่กับความเป็นจริง เพราะความเป็นจริงมันคือคนเราแยกกันมาแล้ว”
       
       “เอาจริงๆ ตอนนี้ผมไม่กลัวผลกระทบอะไรเลย เพราะว่าเมื่อตอนนั้น 20 ปีที่แล้วเรื่องมันแรงกว่านี้ ยิ่งตอนนั้นผมเล่นสายโลหิตด้วย สายโลหิตเข้ามาเลย ตอนนั้นผมยอมรับก็โดนไม่ยอมรับก็โดน ตอนนั้นผมยอมรับผมเหมือนกับตายทั้งเป็น กลายเป็นว่าผมยอมรับให้เขาท้องผมผิดด้วยเหรอที่ไม่ได้ฆ่าเขา ไม่ได้ให้เขาไปทำแท้ง”
       
       “เขาบอกว่าผมไม่ยอมรับ ไม่ยอมรับยังไง หลักฐานก็มี รูปถ่ายปกหนังสือก็เห็นอยู่ ผมยังเอาลูกคนนี้ไปถ่ายแบบขึ้นปกด้วย และไม่ได้ถ่ายเล่มเดียวด้วย แล้วจะมาบอกได้ไงว่าผมไม่รับ ถ้าผมไม่รับแล้วเขาจะท้องได้ยังไง แล้วผมดูแลเขาตั้งสองสามปี จนส่งเข้าเรียนหลังจากพ่อแม่แยกกันไปแล้ว หลังจากนั้นโอเคเราก็ไม่ได้เจอกัน เขาอยากจะเลี้ยงดูก็เลี้ยงดู พอเลี้ยงไม่ไหวก็มาบอกผมมาประกาศ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง”
       
       เผย “วู๊ดดี้” ติดต่อให้ไปออกรายการ เพื่อสร้างภาพและต้องการดันให้ “ภีม” เข้าวงการบันเทิง
       “คือจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ความเป็นพ่อไม่ว่าจะโดนเหยียบยังไงก็ต้องยอม ที่ผมไม่ไปพูดไม่ไปอะไรไม่ไปออกรายการวู๊ดดี้อะไรเนี่ย เขาขอให้ไปออกอะไรจะให้สร้างภาพผมไม่ทำ ผมทำไม่ได้ เพราะว่าผมมันเปลี่ยนไปแล้ว จากอดีตจนถึงปัจจุบันผมมีครอบครัว ถ้าผมอยู่คนเดียวก็โอเคไปออกได้ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียวผมออกไม่ได้”
       
       “เขาก็บอกว่าเดี๋ยวภาพพจน์จะเสียนะ ผมก็บอกว่าผมไม่สนใจหรอก ก็บอกว่าผมอยู่กับครอบครัวปัจจุบันดีกว่า ถ้าเกิดมันมีการหย้าร้างเกิดขึ้นมาอีกมันมีเด็กสองคนที่ต้องรับกรรมเราต้องคิดถึงตรงนี้เราจะไปคิดถึงตรงนั้นอย่างเดียวไม่ได้ เพราะตรงโน้นเราพยายามเต็มที่แล้วมันไม่ได้”
       
       “ถ้าเราไม่ให้เขาเกิดสิ ผมรู้ตั้งแต่วันแรกที่เขาท้องเหมือนว่าผมจ้างให้เขาท้องนะ เพราะว่าเรามีอะไรกันแล้วหายไป 3 เดือนแล้ว โผล่มาบอกว่าท้องผมก็รับ แล้วผมก็ไม่ให้ทำแท้ง ผมบอกว่าผมพร้อมทุกอย่างทั้งชื่อเสียงทั้งอะไร ผมก็ยอมให้ท้องแล้วบอกว่าโอเค ผมไม่คิดเรื่องที่เราเล่นบทพระเอกอะไรก็โอเคให้ท้องเลย เพราะตอนนั้นพระเอกต้องขาวสะอาดผมไม่สนใจ ยังเอาลูกคนนี้ไปถ่ายแบบถ่ายอะไรด้วยตลอด ผมไม่เคยปิดบังครับ”
       
       “คือบอกตรงๆ เลยว่ารายการเขาเรียกมาคุยเพื่อจะสร้างกระแส เขาบอกว่าผู้ใหญ่เขาขอดันเด็กอะไรแบบนี้ ผมเลยบอกว่าจะเอาผมไปเป็นแบบนั้นผมไม่เอา ผมอยากให้เขาสร้างชื่อเสียงด้วยผลงานดีกว่าแล้วจะให้ผมไปนั่งตรงนั้น เพื่อจะมาดันลูกตัวเองผมทำไม่ได้ ให้ผมไปออกรายการ ผมก็บอกว่าผมทำไม่ได้ โอ้โห..ผมนะโดนอะไรที่เลวร้ายยังไงก็ตามแต่ว่าขออย่าสร้างภาพหลอกลวงคน”
       
       “เพราะว่าผมอยู่ในนี้มา 20 กว่าปี ผมกลัวตาย เพราะถ้าปรารถนาจะให้ผมไปพูดแรงๆ พูดโจ๊ะๆ เกินไป มันไม่ดี คือมีอะไรก็พูดๆ ไปไม่ชอบพูดอะไรดรามา มันเป็นเหมือนต้มตุ๋นคนดู ผมเล่นละครผมอาศัยประชาชนผมมีข้าวกินจากเขา ครอบครัวผมก็ได้เงินจากตรงนี้ ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ผมบอกกับรายการแบบนี้ เขาติดต่อมาเป็นสิบรอบแล้ว”
       
       “ที่รายการมาบอกว่า ผมไม่ไปออก เพราะไม่อยากเจอภีม ไปเอามาพูดต่อหน้าก็ได้ เอารายการมาพูดต่อหน้ากับผมว่าผมไม่ไปเพราะอะไร ผมมีเหตุผลของผม เหตุผลผมก็บอกไปหมดแล้วว่าเรื่องของกฎหมายจดทะเบียนผมก็ไม่ได้เป็นคนจด แต่เขามีสามีอีกคนหนึ่งที่จดทะเบียนอยู่แล้ว เรื่องมันมีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่เราคิดนะครับ คือแอนเขามีสามีอยู่แล้วจดทะเบียนอยู่แล้วก่อนที่จะมาเจอผม”
       
       “ตอนนั้นผมถ่ายละครเรื่องสายโลหิตอยู่ แต่ผมรู้ว่าเขาจดทะเบียน ผมเลยบอกว่าจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ ผมก็จะเหมือนกับชู้ชาวบ้านเขา หนังสือออกมากลายเป็นชู้ ถึงเขาจะมาอยู่กับผมจริงแต่คุณยังไม่ได้หย่า ก็ไปตรวจสอบดูได้ที่ชลบุรี แล้วผู้ชายคนนั้นก็เปิดร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างลองถามดูว่าจริงหรือไม่ แล้วถ้าผมเกิดเอาลูกไปออกคืออะไร ถ้าเกิดอีกฝ่ายหนึ่งเขาเกิดไม่พอใจขึ้นมา ถ้าอีกฝ่ายเขาบอกว่าลูกเขาล่ะ แล้วผมทำยังไงเพราะว่าผมไม่ได้ถูกต้องตามกฎหมาย ถึงผมจะดูแลเขาก็ตาม ถึงจะดูแลยังไงก็ตาม ถึงผมจะไปจดรับเป็นบุตรก็ตามมันไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเขาเป็นโดยปริยาย ผมบอกทุกคนตรงนี้มันไม่ดี”
       
       “แล้วสองผมมีครอบครัวใหม่แล้วมันทำไม่ได้ จะมาทำให้เขาเสียใจตรงนี้ได้ยังไง ถึงใครจะว่าแฟนคนปัจจุบันผมยังไงก็ตาม เราต้องเข้าใจเขาจะให้ผมไปยืนอยู่ตรงอดีตมันก็ไม่ได้ แล้วพ่อแม่ผมไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวตั้งแต่วันที่ ณ วันที่มีปัญหา”
       
       “คนเรามันผ่านมา 20-30 ปีแล้ว ยังจะต้องมาเคลียร์กันอีกเหรอ เราเคลียร์กันไปแล้วพอผมเคลียร์เสร็จผมก็ออกเดินทางของผมไปแล้ว อยู่ดีๆ คุณก็ออกมาผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะว่าคุณก็อยู่กับลูก ออกมากี่รอบผมก็เฉย คือเราทนเท่าที่เราทนได้ คือเราเป็นพ่อ มันยังไงละพ่อก็คือพ่อลูกจะทำยังไงก็ได้ แต่ถ้าให้พ่อไปทำลูกมันเป็นไปไม่ได้หรอก อยากทำอะไรทำเลยครับจะไม่ออกมาตอบโต้ทั้งสิ้น ผมยินดีด้วยถ้าเขาได้ดี แล้วก็ทุกอย่างผมส่งเสริมเขาถ้าเขามาขออะไรผม มาขอคำปรึกษาผมมาอะไรผม ผมยินดีให้ทุกเมื่อแต่ว่าเขาไม่มีมาขอครับ เราไม่ได้เจอกันเลยครับ ไม่ได้เจอมาหว่า 20 กว่าปีแล้วครับ ตั้งแต่แยกกันขึ้นศาลก็มาก็ไม่ได้เจอกันเลย”
       
       “แล้วผมขอฝากนิดหนึ่งว่า ผมสงสารภีมที่ต้องมาดูแลคนเป็นสิบเหมือนกับที่ผมเคยโดน อดีตเมื่อสมัยก่อน 20 ปีที่แล้ว ผมก็เคยโดนอย่างที่ภีมเจอ แล้วตอนนี้ภีมก็เจออย่างที่ผมคิด คือผมไม่รู้ว่าเขาไม่ทำมาหากินกันบ้างเลยเหรอ ชีวิตเขาต้องเกาะให้เด็กทำงานเลี้ยงแต่ละคน เลี้ยงแต่ละคนแต่ละคน ผมก็ไม่เข้าใจ ตั้งแต่สมัยผมแล้ว ขอตังค์ก็ต้องแอบๆ เข้ามาเจอแม่ก็วิ่งไปโน่นอันนี้ผมพูดความจริง คุณมาทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่รุ่นพ่อมารุ่นลูกให้ทำเลี้ยง คือสงสารภีมนะต้องมารับเคราะห์รับกรรมแทน ผมคิดแล้วว่าเขาต้องเอาภีมเข้าวงการถ้าเป็นผม ผมไม่เอา ผมสงสารเขาครับ”
       
       เผยข่าวนี้มีผลกับครอบครัวปัจจุบัน
       “เขาก็เสียใจ ในสิ่งที่มันผ่านไปแล้วแล้วมันก็กลับมา ทำไมต้องมาเกี่ยวข้องกับชีวิตเขา ทำไมต้องมาเกี่ยวข้องกับปัจจุบันเขา คนเรามันต้องเดินหน้าจะให้ผมเป็นสามีเขาตลอดมันเป็นไปไม่ได้ คนเรามันแยกกันแล้วแล้วพ่อแม่ลูกที่แยกกันมีเยอะแยะที่ไปกันไม่ได้มันก็ต้องแยกกัน พอแยกกันก็เข้าใจว่าให้พ่อแม่ลูกมาเจอกัน ไม่สอนในสิ่งที่ไม่ดีให้เด็กเพราะเด็กมันขาวบริสุทธิ์”
       
       “ถึงยังไงก็ตามเราเป็นพ่อไม่ว่าลูกจะมาทำอะไรเราเราก็รับได้เพราะว่าเขาเป็นลูก ลูกควรจะมาหาพ่อหาบุพการีไม่ใช่ให้พ่อแม่ไปหาลูกมันทำไม่ถูก เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ก็ต้องไปดำหัวเด็กมันก็เป็นไปไม่ได้ คือเขาต้องรู้ว่าเราเป็นพ่อแม่เราก็ต้องอยู่ในฐานะที่เราเป็นพ่อแม่แล้วเราจะไปเหยียบย่ำลูกแบบนั้นมันก็ไม่ได้ ผมอยากจะให้เขามีผลงานมีอะไรก็ตามด้วยฝีมือเขา ผมอยากให้เขาสร้างผลงานโดยด้วยตัวเขามากกว่า”
       
       เผยขณะนี้ภรรยาท้องลูกคนที่สองได้ 5 เดือนแล้ว
       “ตอนนี้ในท้องก็มีอีกครับเป็นผู้ชาย ท้องได้ 5 เดือนแล้วครับ ตอนนี้ก็ต้องดูแลภรรยาด้วยแล้วก็ทำงานบ้าน เพราะว่าเขาทำงานบ้านไม่ค่อยไหวเราก็ต้องคอยดูแลช่วยเหลือ เวลาไปถ่ายละครก็ต้องเอาเขาไปด้วยตลอด เพราะเขาอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้เขาเป็นลมและอาเจียนบ่อย”
       
       “ส่วนเรื่องงานตอนนี้ก็ถ่ายละครอยู่ 5 เรื่องครับ ก็ถ่ายละคร 5 วัน ก็มีเวลาเหลือเฟือครับให้ลูก เหลือจากนั้นมันก็ว่างก็มีละครของหลายค่ายครับตอนนี้ก็เร่งถ่ายได้เยอะแล้ว ถ้าถามว่าแฮปปี้ไหมกับงานก็แฮปปี้ครับเพราะว่าตอนนี้ก็อยากได้งานเยอะๆ เพราะว่าเดี๋ยวก็ออกมาอีกคนมันก็จะเหนื่อยหนักกว่าเดิม แต่มีลูกมันก็ดีคือมันทำให้ผมเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ นานมาแล้วพ่อแม่ผมให้ผมหยุดกินเหล้าเที่ยวผมก็ยังไม่หยุด พอมามีลูกคนนี้ผมก็เปลี่ยนหมดเลยหยุดเที่ยวหยุดกินเหล้าแล้วก็อยู่กับเขา อาจจะด้วยวัยด้วยอายุด้วยครับ”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)