ASTVผู้จัดการรายวัน - สคบ.ยังไม่เชือด “เมเจอร์ฯ กับเอสเอฟ” สองค่ายยักษ์ยันลดราคาไม่ได้เพราะต้นทุนสูง แนะใครอยากดูราคาถูกให้มาดูวันมีโปรโมชัน ย้ำป็อปคอร์นแพงเพราะนำเข้ามาจากอเมริกา วานนี้ (14 พ.ค.) มีการประชุมร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. กับผู้ประกอบการโรงหนัง ร่วมกับตัวแทนจากภาครัฐ เช่น กรมการค้าภายใน (คน.) กรมสรรพากร เพื่อหารือร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไข และจัดทำระเบียบใหม่ร่วมกัน
หลังจากที่ผู้บริโภคเป็นจำนวนมากร้องเรียนเข้ามายัง สคบ.เกี่ยวกับราคาค่าตั๋วหนังและราคาป็อปคอร์น เครื่องดื่มที่จำหน่ายหน้าโรงภาพยนตร์นั้นมีราคาสูงมาก รวมทั้งระยะเวลาของการฉายโฆษณาสินค้าบริการและภาพยนตร์ตัวอย่างก่อนฉายภาพยนตร์จริงนานเกินไป
ทั้งนี้ ตัวแทนจากผู้ประกอบการทั้งเมเจอร์ฯ และเอสเอฟ ต่างก็ให้ข้อมูลต่อทาง สคบ. ตลอดการร่วมประชุมหารือ
อย่างไรก็ตาม ทางเมเจอร์ฯ กับเอสเอฟยืนยันว่าไม่สามารถลดราคาตั๋วหนังลงมาจากเดิมได้ เนื่องจากสัดส่วน 50% ของราคาตั๋วหนังที่จำหน่ายนี้ต้องจ่ายเป็นค่าลิขสิทธิ์ของผู้สร้างหนัง ส่วนอีก 50% เป็นค่าการบริหารจัดการ ทั้งค่าเทคโนโลยี และค่าแรงงานของพนักงานโรงภาพยนตร์ โดยอ้างว่าต้องแบกรับภาระมากขึ้นกว่าเดิมอันเนื่องมาจากนโยบายขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทของรัฐบาล แต่ถ้าหากผู้บริโภคอยากดูหนังในราคาถูกให้มาดูในวันที่มีการจัดทำโปรโมชัน ซึ่งราคาตั๋วหนังจะถูกกว่าและมีหลายโปรโมชันให้เลือกด้วย
ส่วนนโยบายการฉายหนังโฆษณาสินค้าบริการในโรงหนังนั้น ทางด้านเอสเอฟก็อ้างว่าไม่เกิน 5 นาที ขณะที่เมเจอร์ฯ ก็ยืนยันว่าโฆษณาโดยเฉลี่ยประมาณ 6 นาที ส่วนที่สาขาพารากอนก็ไม่เกิน 6.5 นาที
ส่วนประเด็นการจำหน่ายป็อปคอร์นและเครื่องดื่มนั้น เมเจอร์ฯ กับเอสเอฟระบุว่า สาเหตุที่จำหน่ายป็อปคอร์นแพงเนื่องจากนำเข้าวัตถุดิบมาจากอเมริกาจึงมีต้นทุนสูง และที่ห้ามลูกค้านำอาหารเครื่องดื่มภายนอกเข้าโรงหนังถือเป็นหลักสากล เช่นเดียวกับโรงแรม ร้านอาหาร ที่ห้ามนำเข้าไปในร้านอยู่แล้ว
ที่มา: manager.co.th