Author Topic: วิวาห์แบบไทยๆ ของ “ไก่ มีสุข” กับแฟนช่างภาพ สุดหวานหอมแก้มกันทุกวัน  (Read 1337 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




      “ไก่ มีสุข” แต่งงานแล้วกับแฟนช่างภาพ สุดหวานบอกรักและหอมแก้มกันทุกวัน พร้อมเผยเรียกแทนกันว่าพ่อ-แม่จะได้รู้สึกรักและให้เกียรติกัน เตรียมฮันนีมูนที่ลาว ไม่คิดมีลูกเพราะไม่อยากมีห่วง ด้านเจ้าบ่าวมีธรรมะอยู่ทุกลมหายใจเข้า-ออก
       
       หลังจากเซอร์ไพรส์ออกมาประกาศแต่งงาน ทั้งที่คบหากันได้เพียง 2 เดือน ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันนี้(15 ก.พ.) พิธีกรคนเก่ง “ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข” ก็ ได้ฤกษ์จูงมือแฟนหนุ่ม  “คิม พงศกร กุลดิลงชัยพัฒน์” ช่างภาพโฆษณา เข้าสู่ประตูวิวาห์เป็นที่เรียบร้อย ที่บ้านก้ามปู ซอยโยธินพัฒนา 3 เลียบทางด่วนเอกมัยรามอินทรา ท่ามกลางบรรยากาศที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแบบไทยๆ มีครอบครัวและญาติผู้ใหญ่ในวงการมาร่วมอวยพรอย่างอบอุ่น อาทิ ประวิทย์ มาลีนนท์, หน่อง อรุโณชา, ไก่ วรายุฑ, จิ๋ม มยุรฉัตร, จ๋า ยศสินี, กาละแมร์ พัชรศรี และเพื่อนผู้ประกาศข่าวช่อง3 โดยมีฤกษ์สวมแหวน 10.00 น.และผูกข้อไม้ข้อมือบ่าว-สาว หลังจากพิธีการต่างๆ เสร็จสิ้นลง บ่าว-สาวได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า…
       
       ไก่ : “จากใจเลยงานนี้เราคุยกันสองคนว่าเราไม่ได้จะตั้งใจจัดงานหรูหราอลังการอะไร เราไม่ได้ตั้งใจจะเชิญใครเยอะ การ์ดเราก็พิมพ์กันน้อยมาก แต่สุดท้ายทุกคนก็มากันเยอะ งานเรานี่แทบได้รับความช่วยเหลือทั้งนั้นเลย ขอบคุณเจ้าบ่าวด้วยที่มารับเจ้าสาวคนนี้ตั้งแต่ตี4 เป็นคนที่ตามใจหมดทุกอย่าง อยากได้อะไรได้หมดทุกสิ่ง เขาเหนื่อยมากกว่าเรา เพราะเราจะออกคำสั่งให้เขาทำนั่นทำนี้ พอทำไม่ได้ดั่งใจเราก็จะนะ… แล้วเขาก็จะหันมาดุเราอีกทีว่าใจเย็นๆ ก็ขอบคุณเขามากที่สุด”
       
       คิม : “ก็มีความกังวลอยู่ว่างานที่ออกมาคนที่มาร่วมงานจะเบื่อกันไหม เพราะส่วนมากเราสองคนก็จะอยู่กับบรรยากาศแบบนี้ แบบธรรมชาติ แต่ห่วงคนที่มาร่วมงานจะเบื่อ”
       
       ไก่ : “ก็จะกังวลว่าที่นั่งจะพอไหมอะไรแบบนั้น อาหารจะพอรึเปล่าเพราะคนมาเยอะมาก ไก่ตื่นเต้น กลัวดูแลแขกมาร่วมงานไม่ทั่วถึง เมื่อคืนนอนตี 1 แล้วไม่ใช่คืนแรก เป็นอย่างนี้มา 2-3 อาทิตย์แล้ว เราไม่เคยได้เข้าคอร์สบ่าวสาวอะไรเลย ขัดผิวบำรุงผิวก็ไม่มี จะมีก็แต่ไปนวดสมุนไพรเพื่อสุขภาพ เพราะป่วยติดต่อกันมานานมาก นอกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเลย”
       
       เจ้าสาวขอบคุณเจ้าบ่าวที่ทุ่มเทสินสอดให้ทั้งหมดที่มี
       ไก่ : “ขอบคุณเจ้าบ่าวมากที่ทุ่มเททั้งหมดเท่าที่มี ไม่รู้ว่าจะทั้งหมดรึเปล่านะ คือเราคุยกันมาตั้งแต่ต้นว่าคุณพ่อคุณแม่พี่คิมกับคุณพ่อคุณแม่ไก่คุยกันว่าเราจะไม่เบียดเบียนกันนะลูก ฉะนั้นพ่อก็บอกคิมในลักษณะที่คิมมีความสุข แล้วเราต้องให้เกียรติกัน ส่วนแหวนนี่ไก่เลือกเอง ไก่เป็นคนชอบทองคำเกลี้ยงๆ ตอนแรกจะเป็นทองคำขาว แต่พี่คิมบอกว่าเป็นทองคำดีกว่า ตอนแรกเขาก็กังวลว่าจะต้องเป็นแหวนเพชร ไก่ก็บอกว่าถ้าพี่คิมซื้อแหวนเพชรไก่ก็คงต้องใส่ๆ ถอดๆ แต่ถ้าเป็นทองคำเกลี้ยงมันใส่ได้ตลอด เพราะเราอยากจะไม่ถอดเลย ถามว่าเท่าไหร่มันประมาณค่าไม่ได้ค่ะ มันมากมายในความรู้สึกไก่มากเลย”
       
       “ส่วนเรือนหอ ตกลงกันว่าจะย้ายไปอยู่บ้านไก่ที่วัชรพล ส่วนพี่คิมมีบ้านอยู่ที่คลอง4 ก็เดี๋ยวจะขาย แล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันกลางปี มาอยู่กับไก่เนอะ (หันไปชวน) บ้านไก่มีน้องสาวกับน้องเขยอยู่ด้วย ปกติเราพี่น้องจะอยู่ด้วยกันตลอด ก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากแยกกัน ก็เลยให้พี่เขาเข้ามา”
       
       คิม : “ความอิสระหายไปโดยไม่รู้ตัว (หัวเราะ) มันมาจากคุณพ่อเขาอยากให้พี่สาวน้องสาวไม่แยกจากกัน เพราะเขารักกันมาก ผมก็เลยต้องเป็นกาฝากเข้าไป”
       
       สำหรับคำมั่นสัญญา ทั้งคู่บอกว่า…
       คิม : “พูดตรงๆ เลย เวลาที่เราคุยกันก็จะบอกว่าเราจะทำทุกวินาทีให้ดีที่สุด เพราะตัวเราทุกคนมีความตายอยู่ในทุกลมหายใจ ความแก่อยู่ในทุกลมหายใจ มันเป็นของไม่เที่ยง แต่ถ้าเรามีสติ เวลารักกันอย่าใช้อารมณ์ ให้ใช้ธรรมะเข้าช่วย มันจะแก้ปัญหาได้ ธรรมะคือธรรมชาติ ฉะนั้นเวลาเกิดปัญหายังไงก็ช่าง ให้เรามีสติไว้แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”
       
       ไก่ : “แล้วเขาก็ใช้อย่างนั้นจริงๆ เนอะพ่อ เรามองหน้ากันแล้วไม่เหมือนตอนแรกที่เรารู้จักกัน เราจะหอมแก้มกันทุกวัน บอกรักกันทุกวัน แม่รักพ่อนะ แต่พอช่วงงานมันใกล้เข้ามาทุกที ทุกอย่างมันเกิดเปลี่ยนไปเพราะความเร่งรีบ จนเขาต้องเป็นฝ่ายถามว่าวันนี้หอมแก้มพ่อรึยัง ด้วยเราขี้หงุดหงิดเขาก็จะนิ่งเลย แล้วก็จะบอกว่าให้ทิ้งอารมณ์ไปกับงาน เราก็จะคิดได้ แล้วเขาก็จะต่อเลยว่าเราเจอกันก็ช้าแล้ว อายุเราก็มากขนาดนี้แล้ว แล้วถ้าเรายังมีอารมณ์หงุดหงิด แล้วถ้าเราตายไปเลยตอนนี้ เสียดายไหม ไก่ก็จะหายสนิทเลย เขาจะเป็นอย่างนี้ตลอด”
       
       คิม : “ถ้าเกิดเราตายไปตอนที่เราโกรธ นรกจะถามถึงทันที แต่ถ้าจิตขณะเราได้ จิตเราบริสุทธิ์ มีความสุขเราก็จะไปสวรรค์”
       
       ไก่ : “พี่คิมเขาเป็นอย่างนี้จริงๆ พี่คิมเขาก็จะคอยสอนไก่แบบนี้ ที่เรียกแทนกันว่าพ่อกับแม่เพราะพี่เขาบังคับ”
       
       คิม : “มันมีที่มาครับ พี่คิมว่าคำว่าพ่อกับแม่เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ เวลาถ้ามีปัญหาอะไรกัน ถ้าเรียกว่าพี่ จะรู้ล่ะ จะแสดงล่ะ แต่ถ้าเรียกพ่อกับแม่เราก็จะหยุด”
       
       ไก่ : “ปกติจะเรียกเขาว่าพ่อ แต่ถ้าโมโหจะเรียกว่าพี่ (หัวเราะ) เขาบอกว่าเขาอยากให้เรียกพ่อกับแม่เพราะถ้าเราเรียกใครว่าพ่อแม่เราจะรู้สึกรักและให้เกียรติกัน”
       
       บอกถึงจะรักกันแบบผู้แต่มุมหวานก็มีเหมือนกัน
       คิม : “หวานเนี่ยมีอยู่แล้ว พี่คิมจะบอกเขาเสมอว่า เราพร้อมจะตายตลอดเวลา ขณะที่เรามีชีวิตอยู่เราเคารพซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด”"
       
       ไก่ : “เห็นอย่างนี้เขาตัวหวานเลยนะ เห็นมือไม้เขาปาดแบบนี้เพราะว่าเขาเรียบร้อย ตอนแรกๆ ก็แบบเฮ้ย…ชะนีรึเปล่าวะ รู้สึกย้อนกลับไปตอนถ่ายหนังยังไงไม่รู้ แต่มั่นใจเถอะ ไก่พิสูจน์แล้ว หอมแก้มไก่แต่ล่ะครั้งมันไม่ใช่....ไก่สัมผัสได้ว่ามันเป็นอารมณ์ผู้ชายหอมแก้ม เข้าใจนะคะ มันจะรู้สึกได้ว่าคนนี้ใช่นะ”
       
       ไปฮันนีมูนที่ลาว
       ไก่ : “หลังจากงานวันนี้แล้ว พรุ่งนี้เราก็จะไปทำบุญกัน วันอาทิตย์เราก็จะไปที่ประเทศลาว ตั้งแต่ไก่ตกลงเป็นแฟนกับเขาที่ลาว เขาก็ตามไก่มาอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งเขายังไม่ได้กลับไปเคลียร์งานของเขาเลย เขาก็เลยยังมีงานเขาอยู่ ก็เลยอาศัยช่วงเวลาฮันนีมูนให้พี่คิมเขาได้เคลียร์งาน แล้วไก่ก็ตามไปดูแลพี่คิมข้างๆ ที่นั่น ก็คงได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน ก็คงไปสักหนึ่งอาทิตย์ กลับมาก็จะกลับมาจดทะเบียนสมรสกันที่เขตวัฒนา”
       
       ส่วนเรื่องทายาทให้ฝ่ายชายตัดสินใจ
       ไก่ : “ให้พ่อตัดสินใจเลยค่ะ (หันไปหาคิม)”
       
       คิม : “คิดหนักนะครับ เพราะเราสงสารผู้หญิงที่ต้องอุ้มท้อง รู้สึกว่าผู้หญิงท้องน่าสงสาร ทำอะไรก็ไม่ถนัด ก็เดี๋ยวคงต้องคิดอีกที ยังไม่ได้วางแผน”
       
       ไก่ : “วันนี้คิดอีกทีนะ.... ถ้าไก่เองไก่บอกเขาตั้งแต่รู้จักกัน ว่าไก่ไม่อยากมีลูกนะ เพราะว่าพระพุทธเจ้ายังตั้งชื่อลูกที่แปลว่าห่วงเลย แล้วการมีลูกมันเป็นความรักที่มีความสุข ซึ่งมันเป็นการทรมานมากกว่าความเกลียด เพราะความเกลียดเราเลิกได้ หรือถ้ารักแล้วมาเกลียดเราก็ยุติหรือหนีได้ แต่กับลูกเราไม่สามารถมีทางเกลียดแล้วทิ้งเขาไปได้เลย นั่นหมายความว่านับจากนี้ที่ไก่อายุ 40 แล้ว ถ้าไก่ตายอายุ 80 อีก 40 ปีที่ต้องมีเขา ที่เราต้องดูแลประคับประคองให้ดีเลิศที่สุด เราก็จะกลายเป็นไม่เหลือเวลาทำอะไรเพื่อคนอื่นแล้ว เพราะไก่คิดว่าถ้าไก่มีลูกคงจะรักลูกมากๆ ลูกเป็นลมหายใจเข้าออก ก็เลยตัดไฟเสียแต่ต้นลมว่าจะไม่มีลูก เด็กเราก็รับเลี้ยงไว้อยู่บ้างแล้วที่มูลนิธิสุภนิมิต แต่ก็ไม่เหมือนกันหรอก มันไม่ได้เลี้ยงจริงๆ ทุกวันนี้ขนาดมีหมายังแทบจะไม่ไหวเลย เพราะรักเขามาก ถ้ามีลูกคงแย่เพราะเราเป็นห่วงเป็นกังวลกับเขาทุกอย่าง”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)