Author Topic: “เฉินหลง” ยอมรับ เมื่อก่อน วงการบันเทิงฮ่องกง “เถื่อน”  (Read 607 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


     “เฉินหลง” อาจมีสิทธิ์ซวยหนักถึงขั้นติดคุกได้ หลังออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเขาเคยต้องพกปืนเพื่อป้องกันตัวจากความเถื่อนขององค์กรผิดกฎหมายในฮ่องกง ที่มักจะมาเอาเปรียบดารา อย่างไรก็ตาม กลับมีเสียงอีกด้านว่า หากมีการสืบสวนย้อนหลังการกระทำของ “เฉินหลง” เอง ก็อาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดกฎหมายได้
       
       ในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ เฉินหลง ได้เปิดเผยว่า ในอดีตเมื่อหลายปีแล้ว เขาเคยโดนพวกสมาชิกแก๊งมาเฟียจำนวนร่วม 20 คนล้อมเอาไว้ แถมแต่ละคนมีมีดอยู่ในมือด้วย นอกจากนั้น ยังมีเหตุการณ์ต่างๆ ทำนองนี้เกิดขึ้นมากมาย เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง เขาถึงขั้นต้องซื้อปืน 3 กระบอก และระเบิดมืออีก 6 ลูก มาเก็บเอาไว้กันเลยทีเดียว
       
       ดาราบู๊ชื่อดังยอมรับว่า ในอดีตวงการบันเทิงฮ่องกงเคยมีพวกองค์กรอิทธิพลเข้ามาจุ้นจ้าน และควบคุม จนการเป็นดาราก็ถือว่าเป็นเรื่องอันตรายกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะโด่งดังมีชื่อเสียงแค่ไหนก็หนีไม่พ้น ... “ในตอนนั้นพวกเขาถึงขั้นเคยเอาปืนจ่อ หลิวเต๋อหัว และอีกหลายๆ คนมาแล้วนะครับ คุณอาจกำลังถ่ายหนัง แต่อยู่ๆ ก็มีพวกนักเลงถือปืนเดินเข้ามาแล้วพูดว่าคุณต้องมาถ่ายหนังให้เรา”
       
       “ถึงคุณจะมีค่าตัวซัก 100,000 เหรียญ แต่เขาอาจจะจ่ายให้คุณแค่ 2,000 เหรียญ ก็ได้ นั่นเป็นวิธีที่เขาเคยทำกับเราครับ” เฉินหลง กล่าว พร้อมยอมรับว่า ในฐานะพี่ใหญ่ของวงการบันเทิงคนหนึ่ง เขาจึงต้องแข็งกร้าวเพื่อปกป้องนักแสดงอย่าง จางม่านอวี้, หวังจู่เสียน และ จางเซียะโหย่ว ที่ในช่วงนั้นมีโอกาสร่วมงานกัน “ทุกวันผมต้องมีปืนไปด้วย ไม่ว่าจะไปไหน”
       
       อย่างไรก็ตาม คำให้สัมภาษณ์ของ เฉินหลง กลับก่อให้เกิดผลกระทบในอีกด้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มสงสัยว่า การครอบครอง และพกปืนของนักแสดงบู๊รุ่นใหญ่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย
       
       โดยมีรายงานว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้เริ่มทำการสืบสวนหาข้อมูลแล้ว เพราะตามกฎหมายฮ่องกง หากผู้ใดพกปืนโดยไม่มีเหตุผลอันควร ก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมายร้ายแรง และอาจโดนโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกกันเลยทีเดียว

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)