“ชาคริต” เตรียมขุน “วุ้นเส้น”ให้อ้วนขึ้นเพราะปีหน้าตั้งใจจะปั๊มลูก บอกภูมิใจคนชมวุ้นเส้นสวยวันสวยคืน หยอดทำหน้าที่ภรรยาได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เผยชีวิตหลังแต่งงานสุดแฮปปี้ วุ้นเส้นมาเติมเต็มชีวิตให้มีจุดหมายมากขึ้น ยิ่งแต่งงานยิ่งดูสวย สำหรับสาว “วุ้นเส้น วิริฒิพา” แต่ช่วงหลังๆ เจ้าตัวกลับผอมเอาๆ ล่าสุด วุ้นเส้นพร้อมสามีหนุ่ม “ชาคริต แย้มนาม” ทั้งคู่ก็เลยควงกันมาชี้แจงกับสื่อมวลชน โดยหนุ่มชาคริตเผยกำลังขุนให้ภรรยาอ้วนขึ้นเพราะมีแพลนจะมีลูกในปีหน้า
ชาคริต “วุ้นเส้นก็ทานเยอะนะ แต่ทำงานหนักวิ่งวันละ 3 งาน ผมชอบบึ๊บบั้บๆ เมื่อคืนเที่ยงคืนยังตื่นมาทำแซนด์วิชกินกันอยู่เลยนะ ผมกลัวเขาผอมไปมากกว่านี้ แต่คงไม่ได้หรอก คงเป็นกรรมพันธุ์เขา ตอนนี้เบบี้แฟตหมดแล้ว ตอนนี้จะเข้ารูป สักพักจะเริ่มออกด้านข้าง”
วุ้นเส้น “อีกหน่อยก็คงอ้วนแหละ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงทำงานวิ่งไปวิ่งมา แต่ดึกๆ เราก็ยังกินอยู่เลยนะ ก่อนหน้านี้ก็อวบๆ เพิ่งจะมาผอมตอนนี้เอง เดี๋ยวก็อ้วนขึ้นเพราะปีหน้าตั้งใจจะมีน้องนะ แต่ก็ยังไม่แน่เหมือนกัน ตอนนี้ขอเร่งทำงานเก็บตังค์สร้างบ้านก่อน”
ชาคริต “มาก็มาครับ ถ้าไม่มาแล้วค่อยพบแพทย์ ผมก็มั่นใจในน้ำยาตัวเอง ลองดูกลางปีหน้าแล้วค่อยมาคิดอีกที เพราะช่วงนี้เราก็ทำอะไรกันเยอะ เราพยายามทำงาน และเที่ยวเต็มที่ อิ่มจากการเที่ยวก็ค่อยมาดูชีวิตครอบครัว เรื่องงานเรายังกำหนดไม่ได้ ครอบครัวเราเพิ่งเริ่มต้น เลยไม่ได้ซีเรียส เรื่องมีลูกต้องปรึกษากันก่อน แต่ไม่ใช่ไม่อยากให้เขามา เราอยากให้มาตอนพร้อม มาตอนที่ชีวิตสุขสบาย ไม่ใช่กระเตงลูกไปกองถ่าย เรื่องบ้านก็เริ่มดูๆ บ้างแล้ว เพราะเราอยากมีลูกเราเลยกำลังเร่งทำบ้าน ส่วนแพลนเที่ยวตอนนี้ก็กำลังดูกันอยู่ กำลังเคลียร์งาน ขอลางานไปเที่ยวเลย”
วุ้นเส้น “จริงเหรอ วุ้นก็อยากเที่ยวใกล้ๆ หรือไม่ก็ไปไกลๆ อย่าง นิวยอร์กเลย”
ฟุ้งภูมิใจคนชมภรรยาสวย ยันไม่หวงเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง
ชาคริต “เรื่องความเซ็กซี่ไม่ค่อยห่วงเขา เพราะเขารู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่แล้ว ถามว่าหวงขึ้นไหม ไม่นะ รักเท่าไหร่ก็เท่านั้น ก็ภูมิใจนะมีคนมาชมเมียเรา เขาดีมากครับ ดูแลดี มีอาหารทานทุกมื้อ ไม่เคยบกพร่อง ให้เราออกกำลังกาย เขามาเติมเต็มทำให้ชีวิตเรามีจุดหมายมากขึ้น ทำให้เราอยากดูแลตัวเอง ชีวิตเราก็ดีขึ้นทุกวัน เริ่มจากศูนย์แล้วค่อยขึ้น เหมือนใหม่ทุกวัน เรื่องเติมความหวาน ไม่มีวิธีนะ มันเป็นตามธรรมชาติ ผมก็ไม่รู้ว่าคู่เราหวานหรือเปล่า”
ที่มา: manager.co.th
