Author Topic: “ไทยคม” เข็น ”LTC” เข้า หลักทรัพย์ลาว  (Read 1176 times)

0 Members and 3 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


แฟ้มภาพ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)

“ศุภจี” เผยเตรียมนำบริษัทลาวเทเลคอม (LTC) เข้าตลาดหลักทรัพย์ครึ่งปีหน้า เล็งขยายสถานี 2G-3G อีก 108 แห่งในไตรมาส 4 ปีนี้ พร้อมเตรียมหารือบอร์ดทีโอทีขายบิ๊กล็อตไทยคม 4
       
       นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังงานสัมมนากลุ่มผู้ประกอบการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไทยคมวานนี้ (16พ.ย.) ว่าในตอนนี้บริษัทกำลังศึกษาแนวทางการนำบริษัท ลาว เทเลอคม (LTC) ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศลาว ซึ่งไทยคมถือหุ้นในสัดส่วน 49% และรัฐบาลลาวถือหุ้นในสัดส่วน 51% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าภายในครึ่งปีแรกของปี 56 จะได้เห็นความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากต้องมีการหารือกับรัฐบาลลาวก่อนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
       
       ทั้งนี้ ไทยคมมองว่าทางรัฐบาลลาวคงอยากให้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาวมากกว่าในช่วงแรก เนื่องจากตอนนี้มูลค่าตลาดและทรัพย์สินของ LTC อยู่อันดับที่ 3 รองจาก "เบียร์ลาว" และบริษัทที่ทำธุรกิจด้านพลังงาน ซึ่งถึอว่าเป็นบริษัทที่มีความสำคัญต่อประเทศในแง่ของรายได้
       
       “เราไม่ได้ตั้งเป้าเพิ่มยอดจำนวนผู้ใช้ LTC เพิ่มขึ้น แต่ต้องการให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมากกว่า เนื่่องจากที่ลาวจะมีการลงทะเบียนซิมการ์ดซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้ใช้ลดน้อยลง”
       
       ขณะเดียวกันภายหลังจากที่ไทยคมเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือระบบ 4G (LTE) ซึ่งในตอนนี้มีสถานีราว 20 สถานีฐาน บริษัทก็มีแผนจะขยายเพิ่มขึ้นอีก ส่วนการให้บริการระบบ 2G และ 3G บริษัทก็จะลงทุนขยายโครงข่ายเพิ่มในไตรมาส 4 อีก 108 แห่ง ซึ่งจะทำให้ในสิ้นปีนี้มีสถานีฐานให้บริการกว่า1,000แห่ง ซึ่งปัจจุบันไทยคมมีลูกค้าใช้บริการอยู่ 1.8 ล้านราย หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 45% จากจำนวนลูกค้าที่่ใช้บริการโทรศัพท์มือถือในตลาดรวมลาว 2.4 ล้านราย

นางศุภจีกล่าวว่ารายได้จากธุรกิจ LTC และธุรกิจโทรศัพท์มือถือในต่างประเทศของไทยคมมีมูลค่าประมาณ 266 ล้านบาทในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ส่วนการทำตลาดในปีหน้าบริษัทจะเน้นเพิ่มยอดลูกค้าที่มีอยู่แต่อาจจะเพิ่มไม่มากนัก โดยจะเน้นการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายมากกว่า
       
       ส่วนภาพรวมการทำตลาดดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ในตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจาขยายช่องสัญญาณแบรนด์วิธ และช่องรับส่งสัญญาดาวเทียม (ทรานสปอนเดอร์) ให้แก่ลูกค่ารายใหญ่ในไทยและอินเดียอยู่ ซึ่งปัจจุบันไอพีสตาร์สามารถขยายอุปกรณ์บอกรับสัญญาณปลายทาง (ยูที) ได้แล้ว 25-26% โดยบริษัทตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้ จะพยายามขายยูทีให้ได้ 30% โดยมีลูกค้าในไทยรายใหญ่ที่สำคัญคือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
       
       “หลังจากที่ทีโอทีมีคณะกรรมการ (บอร์ด) ชุดใหม่แล้ว บริษัทก็จะเร่งเข้าไปเสนอแผนงานการขยายแบรนด์วิธในไอพีสตาร์ให้แก่บอร์ดใหม่รับทราบเร็วๆนี้”
       
       ขณะที่การยิงดาวเทียมไทยคม 6 ในตำแหน่งวงโคจรที่ 78.5 องศาตะวันออกนั้น คาดว่าจะยิงขึ้นสู่วงโคจรได้ในเดือนมิ.ย.ปีหน้า ซึ่งขณะนี้สามารถขายช่องสัญญาณของดาวเทียมไทยคม 6 ล่วงหน้าได้เกินเป้าหมายอยู่ที่ 36% คิดเป็น 12 ทรานสปอนเดอร์ จากจำนวนความจุ (คาปาซิตี้) ทั้งหมด 33 ทรานสปอนเดอร์ เกินจุดคุ้มทุนที่ 30% แล้ว
       
       จุดนี้ดาวเทียมไทยคม 6 จะเข้าไปเปิดตลาดเพิ่มเติมในทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยใช้ชื่อทางการตลาดว่า แอฟริคอม-1 โดยในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าหมายเพิ่มการขยายช่องสัญญาณเป็น 39%
       
       อีกทั้งเมื่อเร็วๆนี้ ไทยคมได้ขายธุรกิจโทรศัพท์มือถือในประเทศกัมพูชาภายใต้แบรดน์ "เอ็มโฟน" ซึ่งไทยคมถือหุ้น 100% คิดเป็น 24 ล้านหุ้น ความเคลื่อนไหวนี้ได้รับการอนุมัติจากบอร์ดไทยคมเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขายให้แก่กลุ่มอินท์ แนแนจเม้นท์ เซอร์วิสส์ (ไอเอ็นที) มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากเอ็มโฟนทำให้ไทยคมขาดทุนไตรมาสละ 130 ล้านบาท
       
       Related Link :
       Thaicom

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)