Author Topic: “เปิ้ล” ร้องไห้ โดนเขี่ยฟ้าผ่า เผยฟางเส้นสุดท้าย เพราะอีกฝ่ายปิด “ลักษ์ฟิล์ม” ที่ตนบริหาร  (Read 936 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai








      “เปิ้ล” เปิดใจเป็นครั้งแรกที่ร้องไห้เพราะ “วิลลี่-หอย” ยันเข้าใจ แค่เสียใจไม่ทันได้ลาทีมงานและคนดู บอกเสียดายชื่อ “สาระแน” ที่สุดในโลก เพราะตนก่อตั้งมากับมือ แต่เอามาไม่ได้ เพราะเป็นลิขสิทธิ์ บ.ลักษ์ฯ พร้อมเผยฟางเส้นสุดท้าย เพราะอีกฝ่ายปิด “ลักษ์ฟิล์ม” ที่ตนบริหาร จนหุ้นส่วนอีกคนต้องลาออก ปฏิเสธเปิด บ.สร้างหนังทับทางกัน
       
       หลังจากหลบทำใจมาหลายวัน ล่าสุด วันนี้ (24 ก.ย.) “เปิ้ล นาคร” ก็พร้อมออกมาเปิดใจ กรณีโดนเพื่อนรัก “วิลลี่ แมคอินทอช” และ “หอย เกียรติศักดิ์” ปลดพ้นรายการ “สาระแน” แบบฟ้าผ่า ในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง “สูบคู่กู้โลก” ของค่ายสหมงคลฟิล์ม ที่หนุ่มเปิ้ลร่วมแสดงอยู่ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยในวันนี้เจ้าตัวมีอาการซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเปิดปากเคลียร์ทั้งเรื่องถอนหุ้นจากบริษัท ลักษ์ 666 ซึ่งเป็นชนวนสำคัญของการแตกคอ รวมไปถึงประเด็นโดนเด้งออกจากรายการที่ตัวเองก่อตั้งมากับมือ
       
       “เหตุผลที่ถอนหุ้นอย่างที่เคยบอกไว้ว่า เราอยากใช้เวลาทำงานน้อยลง เพื่ออยู่กับลูก อีกประเด็นนึงที่หอยบอกไว้ว่าไม่เห็นด้วยกับระบบบริหารเลยถอนตัวออกมา องค์กรใหญ่ขึ้น เราเองก็ต้องพาลูกไปโรงเรียน แล้วต้องลางาน ส่วนสาเหตุสุดท้ายที่ผมลาออก คือ เขาบอกว่าจะปิดบริษัท ลักษ์ฟิล์ม เราก็บอกว่าอย่าปิดเลย เราขอทำให้เต็มความสามารถเราก่อน ก็ขอร้องว่าอย่างเพิ่งปิด จนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น”
       
       “คือ ผู้บริหารค่ายลาออก (เป้ นฤบดี เวชกรรม) เราเลยคิดว่าเราเอาไม่อยู่ที่ดูแลน้องๆ ไม่ได้ เราเลยขอถอนหุ้น แล้วเขาก็แถลงต่อพนักงานว่าจะปิดบริษัท ลักษ์ฟิล์ม เขาพิจารณาว่าอาจไม่ทำตามเป้า ทางบริษัทจ้างผมในพิธีกรทีแรก เราคุยกันว่าในทางนี้ ซึ่งเราก็โอเค”
       
       ปฏิเสธเป็นเพราะลูกน้องที่ลาออกเป็นคนของตนเองจึงเหมือนโดนหักหน้า
       
       “มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ แต่มันเป็นที่ระบบ เราเองก็เลยขอออกตามน้องๆ เราหุ้นกันแล้ว 4 คน มันก็ต้องฟังความเห็นส่วนใหญ่เป็นหลัก ทีแรกเขาให้ผมและเป้ ดูแลฟิล์ม วิลลี่ หอย ดูทีวี”
       
       พร้อมโต้เตรียมสร้างหนังเอง
       
       “ไม่ครับผม ไม่เกี่ยวกับที่ผมเปิดบริษัทแล้วทับไลน์กัน เพราะบริษัทผมยังไม่มีหนังสักเรื่องเลย ผมเปิดบริษัท แพนกวินสตูดิโอ เป็นบริษัทที่ผมเปิดรับงานเองครับ ผมรักงานตรงนี้”
       
       เมื่อถามว่า “วิลลี่-หอย” ทำหนัง “สาระแนโอเซกไก” กับค่าย เอ็ม เธอร์ตี้ไนน์ (M39) แต่สั่งปิดลักษ์ฟิล์ม งงไหม? เจ้าตัวก็บอกว่า… “อันนี้ผมไม่ทราบครับ แต่ไม่แปลกใจ ส่วนผมรับจ้างเล่นอย่างเดียว (สูบคู่กู้โลก) ไม่ใช่ร่วมทุนเราเป็นแค่นักแสดงคนนึง”
       
       ส่วนกรณีที่โดนปลดจากพิธีกรสาระแนฟ้าผ่า “เปิ้ล” ยันเข้าใจ “วิลลี่-หอย” แต่แค่เสียใจที่ไม่ได้ลาทีมงานและคนดู บอกเสียดายชื่อ “สาระแน” ที่สุดในโลก เพราะตนเป็นคนก่อตั้งมากับมือ แต่เอามาไม่ได้เพราะเป็นลิขสิทธิ์บริษัท ลักษ์ 666
       
       “สิ่งที่เขาบอก เราเข้าใจนะ สิ่งที่เราเสียใจคือตั้งตัวไม่ทัน พูดไม่ออก ยังไม่ได้ลาน้องๆ เลย อย่างน้อยจะได้ถือดอกไม้ธูปเทียนลาคนดู แม่เราสอนให้ไปมาลาไหว้ เพราะเราทำมา 15 ปี ผมก็เข้าใจนะ แค่เสียใจที่ยังไม่ได้ลา ขอเบรกสุดท้ายก็ยังดี ทุกอย่างมันเร็วน้องๆ ที่ทำงานด้วยกันก็งง”
       
       “ถามว่า ความเป็นเพื่อนเหมือนเดิมไหม ก็ใช้คำนั้นได้ เรื่องธุรกิจอาจมองต่าง แต่คำว่าเพื่อนยังใช้กันได้ เราโตแล้วไม่ใช่เด็กๆ ถามว่า สบายใจเหมือนเดิมไหม ก็ใช่ครับ ก็เพิ่งเคยร้องไห้ เพราะวิลลี่-หอยครั้งนี้เป็นครั้งแรกครับ วิลลี่ไม่ได้โทร.ครับ ผมอยากลาคนดู ผมอยากกราบลาคนดู สิ่งที่ทำไปเพราะรัก ที่แกล้งก็เพราะรัก ผมอยากตายไปกับรายการแคนดิด วันนี้ต้องขอบคุณทุกคน ไม่อยากให้เห็นเปิ้ลเศร้า แต่ผมจะทำรายการต่อไป”
       
       “ถ้าให้บอกอะไร หอย-วิลลี่ คือ ไม่ได้อยากจะบอกแค่ วิลลี่-เปิ้ล-หอย อยากบอกถึงน้องๆ ว่าตั้งใจทำงานกันต่อไป อยากให้รักคนดูให้มากๆ”
       
       ปัดทะเลาะกันเรื่องเงิน
       
       “ไม่มีครับ ไม่มี ส่วนข่าวว่าผมปกป้อง เป้ นฤบดี ผู้ก่อตั้งบริษัท ลักษ์ฟิล์ม อีกคนว่า โกงเงิน เรื่องนี้คงไม่มีอะไรครับเป็นกระแสมากกว่า จิตใจตอนนี้ผมอยู่ด้วยฝัน ทีมงานใหม่ของผมจะต้องมีฝัน ผมอยากทำทีวีเป็นงานหลัก ถามว่ามีสิทธิ์ทำรายการแคนดิดอีกไหม ก็ทำได้นะครับ”
       
       “ผมยังสามารถเดินกลับไปที่ลักษ์ฯได้ครับ ถ้าเขาจ้าง น้องจ้างพี่ พี่จ้างน้องได้เสมอ เพราะลูกยังต้องกินนมครับ ผมเสียดายชื่อสาระแนที่สุดในโลก (สาระแนเปิ้ลเป็นคนต้นคิด) แต่ดึงกลับมาไม่ได้ เพราะเป็นลิขสิทธิ์ของเขา ลูกน้องเก่าที่อยากมาทำกับผมก็มีนะ แต่ผมบอกว่ากูยังเอาตัวไม่รอด เดี๋ยวให้ตั้งตัวได้ค่อยว่ากัน และก็อย่ามองว่าเป็นคู่แข่งกันเลยครับ เดี๋ยวจะมองว่าผมไปแข่งกับรายการยักษ์ใหญ่อีกหลายรายการ”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)