“โกวิท” ร่ำไห้ ใจจะขาด “น้องมายด์” ลูกสาวคนเล็ก ประสบอุบัติเหตุรถเบนซ์ตกสะพานข้ามแยกรัชวิภา เสียชีวิต เผยลูกเป็นเด็กดี ตนวางแผนอนาคตเรื่องหน้าที่การงานไว้ให้หมดแล้ว แต่ไม่คิดว่าลูกจะจากไปเร็วขนาดนี้ พร้อมบอกอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์สอนทุกคน หลังประสบอุบัติเหตุรถเบนซ์ ตกสะพานข้ามแยกรัชวิภา เมื่อช่วงสายที่ผ่านมาของวันนี้ (9 ส.ค.) กระทั่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเปาโล สะพานควาย ล่าสุด มีรายงานว่า ทางด้านของ “มาธวี วัฒนกุล” หรือ “น้องมายด์” ลูกสาวคนเล็กของ “โกวิท วัฒนกุล” น้องสาวของ “มิ้นท์ มิณฑิตา” หรือ “มิ้นท์ เอเอฟ3” ได้เสียชีวิตลงแล้ว
โดยนอกจากลูกสาวของนักแสดงชื่อดังจะเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้แล้ว ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 1 คน นั่นก็คือ “พิชชี่ จักรพงศ์” ซึ่งในส่วนของความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น “โกวิท วัฒนกุล” พร้อมด้วย “มิ้นท์” ได้เปิดแถลงข่าวการเสียชีวิตของน้องมายด์ ขึ้นที่โรงพยาบาลเปาโล สะพานควาย โดยมี นายแพทย์ ตุ๋ย รุ่งเจริญ แพทย์ประจำศูนย์โรคประสาทและสมอง ร่วมแถลงด้วย
นายแพทย์ ตุ๋ย รุ่งเจริญ : “น้องมาถึงโรงพยาบาล เวลาประมาณ 06.00 น.เสียชีวิตประมาณ 10.15 น.ซึ่งอาการเริ่มแรกที่มาอยู่ในห้องฉุกเฉินเท่าที่ตรวจดู กะโหลกแตกยุ่ยหมด เหมือนแตงโม ที่หลุดลงพื้น ก้านสมองก็ดูไม่ออกว่าเป็นก้านสมอง เพราะเละไปหมด ตรวจแอลกอฮอลล์แล้วไม่พบ ก็พบมีความดันต่ำลงมามาก มีเลือดไหลอย่างรุนแรง มีไหปลาร้าหัก ปอดฉีกขาด มีเลือดออกมาตามเยื่อหุ้มปอด”
“ก็ได้เอาเครื่องมือสอดเข้าไปในช่องเพื่อระบายเลือดที่ออกแล้ว หลังจากนั้น ก็มีการให้เลือด พอเลือดออกมาผู้ป่วยก็หัวใจหยุดเต้น เราก็มีการให้ยากระตุ้นหัวใจอยู่ตลอดเวลา ในขนะที่มีชีวิตอยู่ เลือดก็ออกมาตามจมูกและตาอยู่ตลอดเวลา ก็เป็นสัญญาณให้รู้ว่าผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนกะโหลกทางสมองอย่างรุนแรง”
“ตอนนั้นตามสัญญาณของก้านสมองเหลือน้อย หัวใจยังเต้นอยู่ เพราะใส่เครื่องช่วยหายใจ ทางทีมแพทย์ก็ได้มีการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ก็ได้มีการคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ว่า เราคงไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตได้แล้ว เวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ผู้ป่วยก็จากไปอย่างสงบ”
โกวิท : “ขอบคุณทุกคนที่กรุณามาให้เกียรติ ผมพูดอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าอยู่ข้างนอกในยามวิกาล ยังไม่กลับบ้าน พ่อแม่จะทุรนทุรายอยู่ตลอดเวลา ลูกตนไม่ว่าจะออกไปทำงานออกไปเที่ยว หรือออกไปเรียน ตราบใดที่ยังไม่กลับถึงบ้าน จะไม่มีความสุขเลย เวลาที่อยู่ภาวนาอยู่ตลอดเวลาอย่าให้มีเหตุการณ์ใดๆ ที่ไม่ดี เหตุการณ์เลวร้ายใดๆ เกิดกับลูกของตน”
“ผมทำงานในวงการบันเทิง ช่วยเหลือเพื่อน ช่วยเหลือคนมาหลายคนในวงการมาหลายคนมากมาย อธิษฐานจิตอยู่ตลอดเวลาให้กลับบ้านมาอย่างปลอดภัย เป็นเด็กดีเป็นคนที่มีชีวิตที่อนาคตที่ดี มีความสุขดี บุญที่ทำมาทุกภพทุกชาติให้มาช่วยให้ลูกปลอดภัยให้พ้นวิกฤตจากครั้งนี้ ก็ตั้งใจอธิษฐาน ผลสุดท้ายปาฏิหาริย์ก็ไม่มี ครั้งนี้หัวใจจะหลุดออกจากร่างกาย ใจจะขาดครับ ลูกคือแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ บอกคนเป็นพ่อเป็นแม่คงเข้าใจนะครับ ว่าเหตุการณ์อย่างนี้ คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ช้ำใจ ชีวิตลูกผู้ชายไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว (ร้องไห้อย่าพรั่งพรู)”
“ผมอยากให้เหตุการณ์ของลูกสาวผมในครั้งนี้ เป็นอุทาหรณ์สอนน้องๆ ต่อไปว่า ค่ำมืดจะอ่านหนังสือ จะดูหนังสืออยู่ที่บ้านดีที่สุดครับ อย่าชวนกันไปที่อื่น อย่าออกไปร้านกาแฟ ร้านอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้โทษอะไรนะครับ เหตุการณ์ร้ายๆ จะไม่เกิดขึ้น พ่อแม่ก็จะสบายใจด้วย เป็นสิ่งที่ดีที่สุดได้ผลที่ดีที่สุด ผมยังเตรียมการให้ลูกคนนี้ ผมยังคุยกับท่านนายกสมาคมการท่องเที่ยวและกีฬา อยู่เลยว่า ถ้าลูกผมเรียนจบ จะให้ไปทำงานกับทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพิ่งจะคุยกันไม่กี่วันนี้เองครับ”
“เตรียมให้เขาเล่นเป็นมัคคุเทศก์พูดภาษาอังกฤษทั้งเรื่อง เตรียมโปรโมตไปทั่วประเทศ ให้เขาเดินตามพี่สาว แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วครับ และบทหนังอะไรก็เตรียมไว้แล้วที่เขาจะเล่น เตรียมสร้างหนังให้เขาเป็นนางเอกครับ ปกติเขาจะทำงานเป็นล่ามอยู่แล้ว เขาก็ช่วยหารายได้ให้กับพ่อแม่อยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะเอาหัวใจที่ไหนไปทำ มืดมนไปหมดแล้วครับ ข้างบนคงจะรักลูกสาวผม อยากเอาลูกสาวผมไปอยู่ด้วย”
มิ้นท์ : “ต้องขอขอบคุณทางโรงพยาบาล เพราะเห็นแล้วว่าช่วยชีวิตอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ ก็ช่วยทุกอย่างให้น้องมีชีวิตอยู่ แต่ว่าจากอาการยังไงสุดท้ายเขาก็ต้องจากเราไปสักวันหนึ่ง และวันนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะว่าถ้าเรายื้อเขาไว้ เขาก็จะทรมาน ก็ต้องปล่อยให้เขาไป เขาไปสบายแล้ว ให้เขามีชีวิตอยู่ เขาก็ต้องจากเราไปสักวัน”
“สุดท้ายแล้วก็อยากจะบอกกับทุกคน ว่า คนเราสุดท้ายมันก็ไม่มีอะไร เกิดแก่เจ็บตายเท่านี้จริงๆ ขับรถก็ระมัดระวัง และที่สำคัญ เรื่องรถถ้าง่วงก็อย่าขับ รักษากฎจราจร มันจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ที่มันน่าสะเทือนใจ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้วก็ขอให้มีสติ”
ที่มา: manager.co.th