ทอม เครือโสภณ นายทอม เครือโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก ดาต้าเซ็นเตอร์กล่าวว่า ได้ลงทุนทำธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ใจกลางเมือง เนื่องจากมองว่าสถานที่ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปรียบเสมือนเป็นเมืองเมืองหนึ่ง ที่มีการวางโครงสร้างพื้นฐานภายในครบถ้วนทั้งในแง่ของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พื้นที่ว่าง สถานที่จอดรถ และเดินทางสะดวกซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้องค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถใช้บริการของบริษัทได้ในช่วงที่เกิดภัยพิบัติไม่ว่าจะน้ำท่วม ไฟไหม้ และแผ่นดินไหว
'ในช่วงอุทกภัยที่ผ่านมา หลายบริษัทไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในบริษัท บางบริษัทไม่มีที่ให้บุคลากรไปประจำการเพื่อทำงาน การตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ที่ศูนย์สิริกิติ์ฯ สามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้ ทั้งสถานที่ทำงานสำรอง อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน'
อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกศูนย์สิริกิติ์ฯ เป็นที่ตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ เพราะสถานที่ตั้งของศูนย์สิริกิติ์ฯอยู่ในจุดที่เป็นที่สูงของกรุงเทพฯ และเป็นเขตพื้นที่สำคัญที่เชื่อว่าภาครัฐจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาภัยพิบัติต่างๆ ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องกังวลถึงอุทกภัย และศูนย์สิริกิติ์ฯ ยังเป็นสถานที่เดียวที่ลูกค้าสามารถเลือกผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากมีการเดินไฟเบอร์ออปติกจากทั้ง บริษัท ทีโอที บริษัท กสท โทรคมนาคม และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชันดังนั้นจึงไม่มีข้อจำกัดในเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ การลงทุนของบริษัท บางกอก ดาต้าเซ็นเตอร์ในการเปิดให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในศูนย์สิริกิติ์ฯ เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท เคิร์ซ (kirz.com) กับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งแต่เดิมพื้นที่นี้จัดไว้สำหรับเป็นที่เก็บของ และเปิดให้เช่าใช้ได้ ซึ่งรูปแบบการเช่าพื้นที่จะเป็นรูปแบบการต่อสัญญาแบบอัตโนมัติทุกๆ 3 ปี โดยใช้วงเงินลงทุนทั้งหมดสำหรับธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ประมาณ 200 ล้านบาท
นายกันต์ เกิดแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคิร์ซ กล่าวว่า การวางโครงสร้างของดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่นี้ จะใช้อุปกรณ์โครงข่ายจากซิสโก้ ระบบควบคุมอุณหภูมิและจัดการพลังงานจาก ชไนเดอร์ อิเล็กทรอนิกส์ จากฝรั่งเศส และตู้ดาต้าเซ็นเตอร์จากริททอล (Rittal) สัญชาติเยอรมัน โดยให้ บริษัท กนกสิน เอ๊กซปอร์ต อิมปอร์ตเป็นผู้วางระบบให้
'เป้าหมายหลักของเราคือการตั้ง พรีเมียม ดาต้าเซ็นเตอร์ จึงเลือกใช้โซลูชันจากผู้ผลิตระดับโลก โดยมีระบบพลังงาน 3 ชุด ระบบสำรองไฟ 3 ชุด และระบบเครื่องปรับอากาศ 3 ชุด มากกว่าดาต้าเซ็นเตอร์แห่งอื่นๆ จึงทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการแบบ 24 ชั่วโมง 7 วัน และมีราคาใกล้เคียงกับรายอื่นในตลาด เบื้องต้นมีพื้นที่เปิดให้เช่า 1,400 ยู ค่าเช่าประมาณ 4 พันบาทต่อ 1 ยู'
นายทอม กล่าวเสริมว่า การให้บริการในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ เปรียบเสมือนการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่เปลี่ยนจากการสร้างคอนโดให้ลูกค้าซื้อ มาเป็นสร้างคอนโดให้ข้อมูล หรือเป็นการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์สำหรับเก็บสำรองข้อมูล ซึ่งนับวันข้อมูลยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นในส่วนของธุรกิจโรงพยาบาล นิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจบันเทิงในส่วนของผู้ผลิตคอนเทนต์
นอกจากนี้ ยังวางแผนขยายการให้บริการในรูปแบบดาต้าเซ็นเตอร์เคลื่อนที่ซึ่งนำเทคโนโลยีและโซลูชันของ ซิสโก้ มาใช้ควบคู่กับตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้สามารถนำไปตั้ง หรือวางได้ในทุกๆพื้นที่ และความสามารถเคลื่อนย้ายได้ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน โดยต้องรอดูความต้องการของตลาดก่อน
ที่มา: manager.co.th
