Author Topic: “พจน์” ไม่แคร์ “แอนนี่” ถอนฟ้องทุกคน ยกเว้นตน บอกเรียก 1 ล้าน เยอะไป ใครจะไปให้  (Read 977 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“พจน์ อานนท์” ไม่สน “แอนนี่” ถอนฟ้องทุกคนยกเว้นตน เผยไกล่เกลี่ยกันมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ไม่เป็นผล ซัดแอนนี่เรียกเงิน 1 ล้าน เยอะไปใครจะไปให้ เพราะตนไม่ผิด ศาลนัดอีกครั้ง 1 ก.ค.นี้ เตรียมดึง “ฟิล์ม” เป็นพยาน ยันไม่รู้ใครคือพ่อ “ฑีฆายุ” ตัวจริง เจ้าตัวบอกดีใจที่ฟิล์มหลุดพ้นออกมาได้ พร้อมโต้ไม่ได้ด่า “เคน ภูภูมิ” ว่าวัวลืมตีน แค่เตือนว่าอย่าลืมตัว
       
       ขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาข้ามปี สำหรับกรณีนักปั้นและผู้กำกับชื่อดัง “พจน์ อานนท์” ถูกดาราสาว “แอนนี่ บรู๊ค” ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท หลังจาก พจน์ อานนท์ ออกโรงปกป้องเด็กปั้นอย่าง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” กรณีลูกใครหว่า จนทำให้สาวแอนนี่ลุกขึ้นมาฟ้องเนื่องจากรู้สึกว่าคำพูดของพจน์ทำให้ตนเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้หนุ่ม “ฟิล์ม” กับ “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ต่างก็เพิ่งได้รับข่าวดีเพราะสาวแอนนี่ยอมถอนฟ้องไปแล้ว เรียกว่างานนี้ทุกคนรอดหมดยกเว้นผู้พจน์คนเดียว เมื่อสอบถามไปเจ้าตัวก็บอกไม่ได้แคร์ จะขอสู้กันในศาลเพราะมั่นใจว่าไม่ผิด
       
       “คดีความกับแอนนี่อย่างทีรู้กันอยู่ครับ ว่าจะขึ้นศาลกันวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ ตอนแรกไกล่เกลี่ยกันแล้ว 3ครั้ง แต่ไม่รู้ตัวครั้งหน้าก็จะเบิกตัวเบิกพยาน เราก็รอมาเป็นปี แต่ผมไม่รู้เขาเรียกว่านัดอะไรนะ ภาษาศาล (หัวเราะ) ผมไม่ค่อยรู้ กับแอนนี่ผมก็ไม่เคยไกล่เกลี่ยหรือคุยกันนอกรอบเลย”
       
       “ข้อเสนอที่เขาบอกผมคือตอนแรกเขาจะเอาเงินล้านนึง ผมว่ามันเยอะไป ผมก็ไม่ยอมเพราะว่ามันเยอะไป แล้วเจตนาของเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะหมิ่นประมาทหรือทำร้ายเขา เราพูดตามข่าวที่ได้ยิน ประชาชนรู้เท่าไหนผมก็รู้เท่านั้น พอดีผมเป็นคนดังมีคนรู้จัก นักข่าวสัมภาษณ์ผมก็พูดที่รู้มา อย่างที่พูดไปเรื่องเฮียฮ้อผมก็บอกว่าสิ่งที่เฮียพูดอาจจะเป็นความจริงก็ได้ เอาไมค์มาจี้ผมก็ต้องพูดเพราะผมเป็นคนของประชาชน อีกอย่างฟิล์มมันก็เด็กของผม แค่นั้นเองไม่มีอะไรมาก”
       
       “ผมก็ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดหรือใช้เวลานานเท่าไหร่ ก็คงต้องแล้วแต่ศาล มันก็ต้องมีความจริง จบช้าเรื่องก็ยิ่งไปเรื่อยๆ ว่าตกลงมันลูกใคร มันก็ไปเรื่อยๆ อย่างน้อยมันก็ต้องอีก 3 ปี มันไม่จบ ลูกโตพอดี เราทำตามหน้าที่ เขาฟ้องมาเราก็หาทนายความแก้ต่าง ถามว่าจะจบลงด้วยดีไหม อันนี้ก็ต้องแล้วแต่เขา เพราะเขาเป็นโจทก์ผมเป็นจำเลย ซึ่งผมก็ดีใจมากที่ฟิล์มหลุดพ้นออกมาได้ มาใช้ชีวิตใหม่ มาทำหนัง ก็ดีใจกับเขาด้วย ผมเองก็ไม่เป็นไรที่ยังมีเรื่องคดีอยู่ เขาหลุดพ้นมาได้ก็สดใสอยู่ เป็นข่าวดีของเขา หลังจากที่มีปัญหาคาราคาซังเป็นปี แต่ฟิล์มไม่มีสิทธิ์พูด เห็นเขามีความสุขก็ดีใจกับเขา”
       
       “หรือจะให้ผมไปขอโทษเขาแล้วเรื่องจะจบ อันนี้จะให้ผมไปขอโทษเขาทำไม ผมไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ขอโทษ จะไปขอโทษทำไม หลายคนสงสารเด็ก ตัวเขาเองก็ต้องหยุดเพราะเด็กคือลูกเขา มีข่าวแบบนี้เด็กโตขึ้นก็มารู้ข่าวว่าแม่ทะเลาะกับคนนั้นคนนี้ ผมไม่ได้ก่อเรื่องผมไม่ได้ทำเขาท้องนะ (หัวเราะ) คดีของเฮียฮ้อยังยกให้เลย เขาก็ยกกันไปเขามีข้อแลกเปลี่ยนกัน เธอไม่ยกฉัน ฉันก็ไม่ยกเธอ แต่ของผมไม่ไง แล้วแต่ศาลท่านพิจารณาแต่เรายังยืนยันว่าเราไม่เจตนา”
       “ถามว่าหนักใจไหมก็ปกตินะเราเป็นจำเลย มันไม่น่าหนักใจเพราะเราไม่ได้ฆ่าคนตาย หรือขายยาเสพติด แค่คดีหมิ่นประมาท รับรู้มายังไงก็พูดไปอย่างนั้น ขึ้นศาลครั้งหน้าก็จะเอาฟิล์มไปเป็นพยานด้วย ว่าที่เราพูดไปไม่มีเจตนาที่จะหมิ่นประมาท ถามว่าผมมั่นใจแค่ไหนเรื่องคดี ผมมั่นใจไม่ได้เพราะไม่ใช่ทนายความ แต่ผมก็ต้องสู้เพื่อความถูกต้อง เพราะเราไม่มีเจตนาอย่างนั้น”
       
       ยันไม่รู้ใครคือพ่อของ “น้องฑีฆายุ”…“ถามว่าพ่อของน้องฑีฆายุคือใคร เรื่องนี้ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริงๆ ไม่รู้ ฟิล์มมันก็คงไม่รู้ (หัวเราะ)”
       
       พร้อมปัดไม่ขอพูดถึงกรณี “สมยศ ศรีสมบูรณ์” ที่ฟ้องตนเองเช่นกัน
       
       “ส่วนคดีของสมยศไม่ขอพูดถึงได้ไหม ผมให้ทนายความจัดการทั้งหมด ตอนนี้ผมจ้างทนายมาประกบผมเลย รู้สึกว่าตอนนี้ใครๆ ก็อยากจะมีเรื่องกับผม ผมก็เลยคิดว่าเราต้องมีทนายความประจำตัวแล้วล่ะ ใครด่าผมลับหลังฟ้องหมดจริงๆ(หัวเราะ) เราถือว่าเราเสียหายเพราะเราเป็นคนมีชื่อเสียง ผมสั่งทนายความฟ้องหมด”
       
       “เรื่องนี้จะยังไงตัวเขาเองต้องไปคุยกับทนายความ ตามที่ผมสั่งให้ทำ ต่อไปนี้ทุกกรณีใครว่าผมหมิ่นผม ผมสั่งฟ้องหมด ผมชินกับการขึ้นศาลแล้ว แต่ถ้าพูดจริงๆ ผมมีคดีเดียวเองนะ ที่ตั๊ก บงกช คดีเดียว เพราะผมไม่ยอมคน ต่อไปจะแฉใครก็กลัวหน่อยๆ อาจจะเล่าเท่าที่รู้ๆ ก็คุยกันสนุกๆ เท่านั้นเอง ก็จะพยายามมีศัตรูให้น้อยลง ถ้าใครว่าเรา เราก็คอยมีทนายแล้ว”
       
       ส่วนที่มีข่าวว่า “พจน์” ไปว่า “เคน ภูภูมิ” ว่าเป็นวัวลืมตีน กรณีที่หนุ่มเคนเคยเล่นหนังเรื่อง หอแต๋วแตก2 กับตนมาก่อนที่จะดัง แต่อีกฝ่ายกลับไปให้สัมภาษณ์บิดเบือนว่า หนังเรื่องแรกในชีวิตคือเรื่อง 30 กำลังแจ๋ว ซึ่งไม่เป็นความจริงนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้พจน์เคลียร์ว่า ตนไม่ได้ต่อว่าอีกฝ่ายว่าเป็นวัวลืมตีน แค่เตือนว่าอย่าเป็นคนลืมตัว ดังแล้วหลงแสงสี แนะให้พูดความจริงต่อสังคมอย่าโกหก
       
       “ข่าวว่าผมไปว่าน้องเคน ภูภูมิ แล้ว เอ ศุภชัยจะโกรธไหม ผมไม่ได้ว่าน้องเคน หรือพี่เอ ศุภชัย เราแค่เตือนเฉยๆ ของคนในวงการในฐานะที่เราเคยร่วมงานกันมาก่อน เราไมได้ว่า เราว่าเบลเบล(ชื่อเก่าของเคน) ผมไม่ได้บอกนะว่าเขาเป็นวัวลืมตีน แค่บอกว่าอย่าเป็น เพราะว่าคนเราได้เป็นดารามีแสงสีเสียงมาจับ มันก็จะลืมตัวไปโดยไม่รู้ตัวว่าเราตกอยู่ในอาการนั้น เราก็แค่เตือนเขาเท่านั้น คนไทยชอบคนที่กตัญญู ผมแค่เตือนน้องเท่านั้นว่าอย่าเป็นคนลืมตัว อย่าให้คำนี้มาสิงในตัวเรา เราแค่ฝากไว้เท่านั้นเองไม่ได้มีจุดประสงค์อะไร”
       
       “คือเขาไม่ต้องบอกหรอกว่าเคยทำงานกับผม เขาก็บอกไปสิว่าเขาเป็นเด็กของเอ ศุภชัย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่างถ้าน้องเคยไปพูดว่าน้องเล่นหนังเรื่องแรกในชีวิตคือ 30 กำลังแจ๋ว ถ้าคนมันไปคุ้ยมาว่าไม่จริง เคยเล่นหอแต๋วแตกภาค2 มาก่อน เล่นทั้งเรื่อง เล่นเป็นเด็กในหอ ผมก็เตือนว่าพูดอะไรก็ต้องพูดความจริง อย่างณเดชน์ ทีแรกบอกลูกครึ่งญี่ปุ่น แต่ไปๆ มาๆ เป็นลูกครึ่งฝรั่ง ก็เลยเป็นข่าวอยู่พักนึง ผมก็แค่เตือนน้องในฐานะที่เขาเคยทำงานกับผม อย่างศัลยกรรมบอกว่าทำก็ทำ ดาราเกาหลียังทำกันทั้งประเทศ มันไม่ใช่เรื่องหน้าอายแล้วสมัยนี้พูดไปเถอะความจริงอยู่ได้”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)