นายนวมินทร์ ประสพเนตร (ขวา) - นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ (ซ้าย)
นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทองของเอ็มไทยดอทคอมในเครือโมโนกรุ๊ป ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งในตลาดตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ แต่ก็สามารถขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2ซึ่งถือว่า บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อดูจากจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการที่มีถึง 650,000 คนต่อวัน ห่างจากอันดับหนึ่งประมาณ 1 แสนกว่าคนเท่านั้น แต่ถ้าดูจากเวลาที่ใช้ไปในเว็บของเอ็มไทยของแต่ละคนมีถึง 10.22 นาที โดยมีจำนวนเพจวิวที่เข้ามาดูในแต่ละครั้งอยู่ที่ 7 หน้า
สิ่งที่เอ็มไทยทำในปีที่แล้ว มีตั้งแต่การโฆษณาบนวิดีโอคลิปที่สามารถโฆษณาเป็นภาพเคลื่อนไหวซึ่งได้รับความนิยมมาก ทำให้รายได้ค่าโฆษณาในส่วนนี้ของเอ็มไทยโตขึ้นถึง 302% ขณะที่โฆษณาในส่วนที่กราฟิกโอเวอร์เลย์ก็ยังโตได้ถึง 218% เมื่อรวมกับการปรับเปลี่ยนวิธีการทำตลาดจากเดิมแค่การทำเว็บไซต์หันมาเป็นผู้แนะนำด้านการตลาดออนไลน์ร่วมกับเอเจนซี่ให้กับลูกค้า ทำให้ได้รับความไว้วางใจหลายแคมเปญ จนประสบความสำเร็จด้านยอดรายได้โฆษณา
'รายได้ค่าโฆษณาปีที่แล้วโตถึง 35% แต่ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 50% ซึ่งน่าจะทำได้ เนื่องจากเอ็มไทยจะก้าวเข้าสู่โทเทิ่ล ออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง เห็นได้จากกิจกรรมต่างๆ ที่ทำร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจโดยตรง รวมไปถึงการเป็นที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ ซึ่งปีนี้จะเห็นการใช้โฆษณาออนไลน์เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว'
ปีนี้เอ็มไทยยังเดินแผนเดิมแต่จะเข้มข้นมากขึ้น ไฮไลต์กิจกรรมสำคัญครึ่งปีแรกจะอยู่ที่การเปิดเนื้อหาใหม่ 'เอ็มไทย โปรโมชัน' เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลส่วนลด สิทธิพิเศษสำหรับสินค้าชอปปิ้ง ท่องเที่ยว ภัตตาคาร และอิเล็กทรอนิกส์ เสริมรูปแบบการโฆษณาแนวใหม่ ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ข้อมูลส่วนลดบนเว็บไซต์จะทะลุเข้าไปยังแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยเฉพาะบนโมบายล์และแท็บเล็ตของเอ็มไทยด้วย ลูกค้าไม่ต้องวางแผนประชาสัมพันธ์ส่วนลดแบบออนไลน์และโมบายล์แยกกันอีกต่อไป
'เว็บโปรโมชันของเอ็มไทยจะเป็นลักษณะของศูนย์รวมโปรโมชันมากกว่าจะเป็นแบบคูปอง จุดเด่นอยู่ที่สามารถใช้งานได้ฟรี และที่สำคัญสามารถกระจายไปพร้อมๆ กันทั้งเว็บไซต์และสมาร์ทดีไวซ์'
นอกจากนี้ เอ็มไทยดอทคอมจะกลายเป็นผู้นำด้านสื่อโฆษณาออนไลน์ ที่มีลูกเล่นหลากหลายเหนือเว็บไซต์อื่นๆ และเมื่อกล่าวถึงเอ็มไทยดอทคอม สื่อนิตยสาร สื่อโทรทัศน์ดาวเทียมและสื่ออื่นๆ ในเครือธุรกิจโมโน กรุ๊ป ทั้งหมดนี้จะประกอบเป็นภาพใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็นสื่อโฆษณาครบวงจรที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกช่องทาง และตอบสนองการรับรู้ให้กับสินค้าของลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ขณะที่นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ผู้อำนวยการเอ็มไทยดอทคอมในเครือโมโนกรุ๊ป กล่าวว่า ทุกๆ ปี กลยุทธ์การตลาดของเอ็มไทยจะสอดคล้องกับกระแสเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งปีนี้เอ็มไทยตั้งเป้าที่จะพัฒนาคอนเทนต์และสร้างแอปพลิเคชันสำหรับสมาร์ทดีไวซ์ที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทั้ง 4 หน้าจอ ครอบคลุมตั้งแต่คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ตทีวีไปจนถึงแท็บเล็ต เรียกได้ว่าเอ็มไทยดอทคอมจะตามไปอยู่ในทุกๆ หน้าจอให้ใช้งานทุกที่ทุกสถานการณ์
'กระแสตอบรับจากการที่เปิดให้ทดลองดาวน์โหลดแอปฯช่วง 2 เดือนปลายปีที่แล้ว มียอดถึง 6 หมื่นดาวน์โหลด ซึ่งมีทั้งเป็นแอปฯบนแอนดอยด์และไอโอเอส และกำลังอยู่ช่วงพัฒนาแอปฯ บนโนเกีย โดยเตรียมงบลงทุนด้านเทคโนโลยีในปีนี้เอาไว้ที่ 30 ล้านบาท และงบการตลาดทั้งปีประมาณ 25 ล้านบาท'
จุดเด่นของเอ็มไทยดอทคอม น่าจะเป็นพื้นที่อัปเดทเทรนด์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าว บันเทิง โดยเอ็มไทยมีทีมข่าว ทีมเนื้อหา ถือลิขสิทธิ์ในเนื้อหาของตนเอง และมีบริษัทคู่ค้าหลายรายไว้วางใจเอ็มไทยเซ็นสัญญาเผยแพร่ลิขสิทธิ์เนื้อหากับเอ็มไทยดอทคอมเพียงผู้เดียว ขณะที่คอนเทนต์ที่เป็นจุดเด่นอย่างด้านวิดีโอได้เปิดบริการดิจิตอลคอมเมิร์ซ ภายใต้บริการ Doonung.mthai.com เป็นบริการดูหนังออนไลน์ที่ถูกลิขสิทธิ์ ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์หนังต่างพึงพอใจที่มีเอ็มไทยช่วยทำตลาดสู้กับแผ่นผี
ปัจจุบันบริการดูหนังมีผู้สมัครเป็นสมาชิก 4,918 ราย หลังจากเปิดให้บริการมาแล้ว 2-3 เดือน โดยตั้งเป้าที่จะมีสมาชิกตอนสิ้นปีประมาณ 55,000 และจะมีหนังที่เข้ามาให้บริการประมาณ 2,500 กว่าเรื่อง และปีนี้มีค่ายหนังอย่างเอ็ม39 และสารคดีเกี่ยวกับศิลปินเข้ามาให้บริการเพิ่ม
'ปีนี้การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก เราต้องทำให้คนเยี่ยมชมรักเราให้ได้ จดจำจุดเด่นของเราที่มีเหนือกว่าเว็บไซต์อื่น และแม้ไม่เข้ามาหาเรา แต่เราจะเข้าไปหาคุณในทุกๆหน้าจอเอง ผมเชื่อว่าด้วยกลยุทธ์การตลาดที่เข้มข้นเหล่านี้จะทำให้เห็นการเติบโตด้านผู้เยี่ยมชมที่เป็นรูปธรรม และทะยานสู่ ความเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งเร็วๆ นี้'
ทั้งนี้เอ็มไทยดอทคอม มีรายได้จากค่าโฆษณาในปีที่แล้วประมาณ 80% ที่เหลือ 20% เป็นรายได้จากการทำกิจกรรมการตลาดออนไลน์ รวมไปถึงค่าบริการดูหนัง ซึ่งปีนี้สัดส่วนค่าโฆษณาจะยังคงเหมือนเดิมแต่จะเห็นรายได้จากค่าบริการดูหนังเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15%
Company Related Link :
Mthai
ที่มา: manager.co.th
