Author Topic: ซัมซุงทุ่มทุน 4 หมื่นล้านดอลล์ ลุยตลาดชิป-หน้าจอปี 2012  (Read 1861 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


      กลุ่มซัมซุง (Samsung Group) ประกาศงบลงทุนประจำปี 2012 มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทุบสถิติที่ 4.14 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.28 ล้านล้านบาท เชื่อซัมซุงต้องการตอกย้ำภาพเบอร์ 1 ในตลาดชิปอุปกรณ์พกพาและสินค้ากลุ่มหน้าจอแบนหรือแฟลตสกรีนต่อไป
       
       การลงทุนครั้งนี้ของซัมซุงถูกวิเคราะห์ว่าเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติซึ่งซัมซุงมักจะเทเงินทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ให้นำหน้าคู่แข่ง โดยงบประมาณ 4.14 หมื่นล้านเหรียญนั้นคิดเป็นเงิน 47.8 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นจาก 42.8 ล้านล้านวอนเมื่อปี 2011 ราว 12% สวนทางกับคู่แข่งร่วมชาติอย่างแอลจี (LG Electronics Inc) ที่ปรับลดเม็ดเงินลงทุนลง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐเพราะพิษเศรษฐกิจโลกตั้งเค้า
       
       แม้ซัมซุงจะไม่เปิดเผยรายละเอียดการลงทุน แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเงินทุนมหาศาลนี้จะถูกนำไปยกระดับธุรกิจชิปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่และหน้าจอ OLED หน้าจอพันธุ์ใหม่ถัดจาก LCD ที่ครองตลาดหลักในปัจจุบัน โดยข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า ในงบลงทุนทั้งหมดของซัมซุง เงินราว 31 ล้านล้านวอนจะเป็นการลงทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์มาใช้ในการดำเนินงานของบริษัท (capital spending) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 11% จากปีที่แล้ว โดย 25 ล้านล้านวอน หรือ 80% ของ capital spending ของซัมซุงจะทำในนามบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นบริษัทไอทีที่มียอดขายสูงที่สุดในโลกขณะนี้
       
       นักวิเคราะห์ ลี ซุน-เท (Lee Sun-tae) จากบริษัทเงินทุน NH Investment & Securities ให้สัมภาษณ์ว่าเงินลงทุน 47.8 ล้านล้านวอนที่ซัมซุงประกาศนั้นเหนือกว่าบริษัทไอทีรายอื่น ผลคือซัมซุงจะมีโอกาสเติบโตและทิ้งห่างคู่แข่งมากกว่าเดิม โดยเฉพาะธุรกิจชิปซึ่งมีแนวโน้มว่าซัมซุงจะใช้เงินไม่ต่ำกว่า 7.5 ล้านล้านวอนในการลงทุนพัฒนาชิปที่เป็นหน่วยประมวลผลและระบบเซ็นเซอร์สำหรับใช้ในสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และกล้องดิจิตอล
       
       จุดนี้นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตัวเลข 7.5 ล้านล้านวอนนั้นสูงกว่าการลงทุนในการพัฒนาชิปหน่วยความจำทั่วไปถึง 1 ล้านล้านวอน ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การลงทุนของซัมซุงที่เม็ดเงินในการพัฒนาชิปประมวลผลนั้นสูงกว่าชิปหน่วยความจำ
       
       นอกจากชิป นักวิเคราะห์เชื่อว่าซัมซุงจะลงทุนในการพัฒนา OLED ราว 7 ล้านล้านวอนในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ลงทุนไป 5 ล้านล้านวอน โดยทุนส่วนนี้เชื่อว่าจะถูกแบ่งให้การพัฒนาจอ LCD, แบตเตอรี่ชาร์จใหม่ได้ และหน้าจอ LED ไปพร้อมกัน
       
       ทุนพัฒนาชิปและหน้าจอนี้คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนผลประกอบการบริษัท Samsung Electronics ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปประมวลผลให้ไอโฟน (iPhone) ไอแพด (iPad) ของแอปเปิล และผลิตภัณฑ์กลุ่มแกแล็กซี่ (Galaxy) ของซัมซุง รวมถึงบริษัท Samsung Mobile Display ซึ่งเป็นผู้ผลิตหน้าจอ OLED แก่ผู้จำหน่ายอุปกรณ์พกพาหลายแบรนด์
       
       จุดนี้คาดว่าซัมซุงจะได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของตลาด OLED อย่างเต็มที่ โดยบริษัทวิจัย DisplaySearch พบว่ารายรับในตลาดหน้าจอ OLED จะทะลุ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2018 คิดเป็น 16% ของรายรับในตลาดรวมหน้าจอทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 4% ในปีนี้
       
       ซัมซุงนั้นเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีซึ่งมีบริษัทในเครือไม่ต่ำกว่า 80 บริษัท รายรับรวมของบริษัทนั้นคิดเป็น 20% ของจีดีพีประเทศ โดยหากรวมการลงทุนมากกว่า 47 ล้านล้านวอนในปีนี้ เท่ากับซัมซุงได้ลงทุนไปมากกว่า 148 ล้านล้านวอนแล้วนับตั้งแต่ปี 2009 (ราว 3.97 ล้านล้านบาท)
       
       ***รวม"บาดา"กับ"ทิเซน"
       
       นอกจากการลงทุน ซัมซุงยังเปิดเผยว่ากำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่อย่างอินเทล ในการรวมแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์พกพา 'บาดา (bada)' เข้ากับแพลตฟอร์ม "ทิเซน (Tizen)" ซึ่งอินเทลเป็นผู้สนับสนุนหลัก จุดประสงค์เพื่อจะไม่ต้องยึดติดกับแพลตฟอร์มของกูเกิลอย่าง "แอนดรอยด์ (Android)" แพลตฟอร์มเดียว
       
       ทั้งหมดนี้ โฆษกซัมซุงให้ข้อมูลยืนยันการร่วมกันพัฒนาทิเซนระหว่างอินเทลและซัมซุงอย่างเป็นทางการตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าแพลตฟอร์มมาตรฐานเปิดอย่างทิเซนจะช่วยให้ซัมซุงสามารถพัฒนาสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ทีวีอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และระบบฝังตัวในรถยนต์ได้ดีกว่าเดิม
       
       อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าการประกาศครั้งนี้จะมีผลต่ออุตสาหกรรมไอทีโดยรวมเมื่อใด เนื่องจากบาดานั้นเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกใช้งานเพียง 2.2% ของตลาดรวมสมาร์ทโฟนโลกเท่านั้น ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับแอนดรอยด์ที่มีสัดส่วนสูงถึง 53%
       
       Company Related Link :
       Samsung

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
3131 Views
Last post November 18, 2010, 10:11:57 PM
by Nick
0 Replies
2572 Views
Last post January 11, 2011, 02:01:15 PM
by Nick
0 Replies
2628 Views
Last post October 20, 2011, 02:55:18 PM
by Nick
0 Replies
3485 Views
Last post January 08, 2012, 10:14:32 AM
by Nick
0 Replies
1633 Views
Last post January 10, 2012, 03:10:08 PM
by Nick
0 Replies
1907 Views
Last post January 10, 2012, 04:59:42 PM
by Nick
0 Replies
1434 Views
Last post January 11, 2012, 02:29:43 PM
by Nick
0 Replies
1601 Views
Last post January 12, 2012, 12:24:42 PM
by Nick
0 Replies
1979 Views
Last post January 17, 2012, 01:16:06 PM
by Nick
0 Replies
2738 Views
Last post June 05, 2012, 09:11:27 PM
by Nick