Author Topic: ดับบลิวดีลุยไทยมั่นใจตลาดโต  (Read 1169 times)

0 Members and 3 Guests are viewing this topic.

Offline Webmaster

  • Nick Computer Services
  • Administrator
  • Full Member
  • *
  • Posts: 168
  • Karma: +999/-0
  • Gender: Male
  • Love Me Love My Services
    • Computer Service



ดับบลิวดี เดินหน้ารุกตลาดทั่วโลก หลังปรับลดคนลง 5% มั่นใจคุณภาพสินค้า จะรักษายอดขายอันดับ 2 ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟได้

 นางสาวมาร์กาเร็ต โค้ ผู้อำนวยการฝ่ายประจำภาคพื้นเอเชียใต้ บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล (เอส.อี.เอเชีย) พีทีอี จำกัด หรือดับบลิวดี กล่าวว่า บริษัทยังคงกลยุทธ์การทำตลาดลักษณะเดิม แม้นโยบายทั่วโลกประกาศปรับลดขนาดองค์กรลง 5% หรือ 2,500 คน จากพนักงานกว่า 4 หมื่นคน แต่เธอระบุไม่ได้ว่าประเทศใดๆ จะลดจำนวนลงเท่าไร เพราะนอกเหนือความรับผิดชอบ


 ส่วนการสื่อสารในองค์กรเป็นหน้าที่ของฝ่ายพัฒนาบุคลากรแต่ละประเทศที่เข้าใจวัฒนธรรมของคนในชาติ ทำหน้าที่ส่งข้อมูลที่ถูกต้องไปยังพนักงานให้เข้าใจสภาพเศรษฐกิจ หรือความจำเป็นของบริษัทที่ต้องปรับลดขนาดองค์กรลง


 “ทีมขายยังคงทำงานตามปกติ ไม่ได้ปรับลดลง อย่างในไทย ก็ยังจำนวนเช่นเดิม ซึ่งการขายเน้นทั่วประเทศ ทั้งรัฐ และองค์กร เพราะยังมีช่องว่างที่ทำตลาดได้ และผลิตภัณฑ์ก็มีทั้งระดับขนาด 2.5 นิ้วไปถึงขนาดใหญ่ๆ ล่าสุดมีความจุระดับ 2เทราไบต์ ที่รักษาสภาพแวดล้อม เป็นรายแรกในอุตสาหกรรม Caviar Green ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่นิยม เพราะเก็บไฟล์กราฟฟิกได้ ทั้งประหยัดพลังงานสอดคล้องกับแนวโน้มโลก”


 ขณะที่กลยุทธ์การตลาดที่ยังสานต่อ ได้แก่ การเน้นคุณภาพสินค้า การผลิตสินค้าให้เหมาะสมต่อความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของตลาด ทั้งยังคงเน้นลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถรักษาเป้าหมายการเป็นผู้นำผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ อันดับ 2 ของโลกไว้ได้


 ทั้งนี้ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นโอกาสการตลาดของบริษัทประเทศหนึ่ง เนื่องจากตลาดยังเติบโต การใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บข้อมูลมีจำนวนมาก ทั้งระดับองค์กร และครอบครัว ต่อไปเมื่อดาต้า คอนเท้นต์ ได้รับความนิยมขึ้น ความต้องการฮาร์ดดิสก์ ไดร์ฟที่มีคุณภาพ หรืออุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลก็เติบโตตามไปด้วย


 นอกจากนี้ หลังไทยมีรัฐบาลก็มีทิศทางชัดเจนที่จะส่งเสริมให้เกิดโครงการใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงโครงการภาคการศึกษา ซึ่งเป็นโอกาสหนึ่งทำให้ตลาดอุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลนี้เติบโตเช่นกัน


 เธอ กล่าวอีกว่า คาดว่า ไตรมาส 2 ปี 2552 บริษัทจะมีรายได้ทั่วโลกลดต่ำลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยรายได้ประมาณ 1.8 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการลดลงมาจากกำไรเฉลี่ยต่อหน่วยต่ำลง ไม่ใช่จำหน่ายลด เพราะยอดการสั่งสินค้าอยู่ที่ 35.5 ล้านดอลลาร์ หรือเติบโตกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 4% กว่า 65% ของรายได้มาจากลูกค้าตลาดใหม่ และจะมีกระแสเงินสดหมุนเวียนประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ ยอดขายเป็นอันดับ 2 ของโลกเช่นเดิม


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)