“โย” ทุ่ม 6 ล้าน เปิดโรงเรียนสอนเดินแบบชื่อ “FEVER RUNWAY” หวังสร้างรากฐานให้ตัวเอง บอกเป็นความฝันนานแล้ว มั่นใจเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเป็น 10 ปี ตอนนี้มีความพร้อมเต็มร้อย
ยึดอาชีพนางแบบมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ล่าสุด “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” หันมาจับธุรกิจเต็มตัวเป็นครั้งแรก งานนี้ได้หุ้นกับพี่สาว “เอ อัญชลี” และหุ้นส่วนอีก 1 คน เปิดโรงเรียนสอนเดินแบบ ภายใต้ชื่อ “FEVER RUNWAY” ที่เกษตรนวมินทร์ ซึ่งในครั้งนี้สาว “โย” ทุ่มเงินลงทุนไปกว่า 6 ล้านบาทเลยทีเดียว
โย : “ก็ตื่นเต้นนะคะ เมื่อคืนก็นอนไม่หลับเลย เหมือนกับว่าวันนี้ทุกคนก็จะได้รู้แล้วว่าโรงเรียนเราพร้อม และก็เสร็จสมบรูณ์แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ แล้วก็หวังว่าหลังจากวันนี้ ก็จะมีคนเข้าสมัครเยอะขึ้น ก่อนจะมีโรงเรียนนี้ขึ้นมาเราเตรียมงานกันหลายปีเลยค่ะ”
เอ : “จริงๆ ก็เป็นความฝันของเอกับโยเลย ที่อยากจะเปิดโรงเรียนสอนบุคลิกภาพ แล้วก็ได้จังหวะพอดีที่โยเขามีศักยภาพพร้อมแล้ว แล้วก็ทำงานมาหลาย 10 ปีแล้ว แล้วก็คิดว่าความฝันมันน่าจะเป็นความจริงแล้ว ประกอบกับว่าเอทำออแกไนซ์มา เราก็มีความรู้มากขึ้น แล้วก็คิดว่าเราพร้อมแล้ว”
“แล้วอีกอย่างเรา 3 คนชอบถูกเชิญไปเป็นวิทยากรพิเศษค่ะ ไปปรับบุคลิกภาพของเด็ก จนพอเราไปสอนเขาแล้ว นักเรียนก็อยากจะเรียนกับเราต่อ แล้ววันนี้เราก็พร้อมแล้ว ที่จะสอนอย่างเต็มรูปแบบ จริงๆ แล้วเอก็ทำออแกไนซ์มา 7 ปีแล้ว หลายๆ คนก็ไม่ค่อยทราบ แล้วตอนนี้ก็ได้เปิดตัวบริษัท ก็ขอได้กลับมาอยู่เบื้องหน้าบ้าง”
“เราก็อยากจะผลักดันคนที่มีศักยภาพที่พร้อมจริงๆ แต่ถ้าน้องคนไหนคิดว่าตัวเองอยากมาปรับบุคลิกอย่างเดียว ไม่ได้ต้องมาเป็นนางแบบ เราก็ช่วยน้องได้เหมือนกัน จริงๆ แล้วเรายังไม่ได้เปิดตัวนางแบบเลย เพราะเราก็จะมีนางแบบที่จะมาเป็นวิทยากร เพื่อแชร์ประสบการณ์”
เผยควักไปกว่า 6 ล้าน ในการลงทุนทำธุรกิจครั้งนี้
โย : “ก็ขอฝากไปเลยนะ อย่างโพลแดนซ์ ก็เห็นอยู่ว่าโยเต้นอยู่ แล้วก็ค่อนข้างเร็วนะคะ สำหรับการเปิดสตูดิโอนี้เลย แต่โยคิดว่าการเต้นนี้กำลังจะเป็นที่นิยม ที่คิดทำ หนึ่งก็เพราะพี่บอยนะ(หุ้นส่วน) ที่เขาถามเราว่าพร้อมหรือยัง แล้วก็ยังได้สถานที่ ซึ่งเราก็ลงทุนกัน แต่ก็ไม่อยากจะบอกว่าไม่ได้หมดกระเป๋า แต่ก็เหมือนเราลงทุนซื้อบ้านทั้งหลังมาทำสตูดิโอ และออฟฟิศด้วย ตอนนี้ทุอย่างก็เลยพร้อม”
“ตอนนี้ใช้ทุนไปทั้งหมด รวมแต่งตัวบ้านด้วย ตอนนี้ก็จะ 6 ล้านแล้วค่ะ โยคิดว่าการทำแบบนี้มันเป็นการต่อยอดนะ แล้วก็เพื่อชีวิตที่มันมั่นคงมากขึ้น ถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วมันก็จะได้เป็นผลกับครอบครัวในทางที่ดีขึ้นอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ใกล้แล้วสำหลับสตูดิโอของเรา”
ที่มา: manager.co.th
