Author Topic: Nvidia มั่นใจอีก 4 ปีตลาดชิปอุปกรณ์มือถือโตกระฉูด  (Read 1562 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


ชิปประมวลผลจิ๋ว Tegra สำหรับอุปกรณ์พกพาของ Nvidia


ความสามารถของ Tegra

เอ็นวิเดีย (Nvidia) ยักษ์ใหญ่ตลาดชิปกราฟิกระดับไฮเอนด์ มั่นใจธุรกิจจำหน่ายหน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาของบริษัทจะเติบโตเกิน 10 เท่าตัวในอีก 4 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน ธุรกิจดั้งเดิมอย่างหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกก็เชื่อว่าจะขยายตัวอีก 75% เป็นคิดเป็นยอดเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2015
       
       การประเมินธุรกิจชิปของเอ็นวิเดียนั้นถูกเปิดเผยโดยซีอีโอ เจน-ฮซุน ฮวง (Jen-Hsun Huang) โดยซีอีโอเอ็นวิเดียระบุว่า ภายในปี 2015 ธุรกิจชิปสำหรับอุปกรณ์พกพาของเอ็นวิเดียจะสามารถทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท ซึ่งเอ็นวิเดียจะทุ่มเทกำลังเพื่อให้สามารถรองรับเป้าหมายดังกล่าว
       
       ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่เรื่องโคมลอย เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เอ็นวิเดียมีผลงานจับต้องได้ในเรื่องการขยายฐานจากตลาดชิปคอมพิวเตอร์มาสู่ตลาดชิปอุปกรณ์พกพาด้วยฝีมือสินค้าชูโรงตระกูล Tegra ปัจจุบันชิปตระกูล Tegra ถูกติดในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตหลายรุ่น เช่นสมาร์ทโฟน Galaxy S II ของซัมซุง เป็นต้น
       
       ซีอีโอเอ็นวิเดียประเมินว่าภายในปีนี้ โลกมีอุปกรณ์พกพาที่ต้องใช้ชิปประมวลผลราว 100 ล้านเครื่องอยู่ในตลาด โดยตัวเลขนี้สามารถขยายเป็น 1 พันล้านเครื่องได้ในอนาคตเพราะความต้องการ 3 อุปกรณ์พกพาทั้งสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตที่สามารถทำงานได้ดีกว่าหน่วยประมวลผล ARM และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบางเฉียบที่จะกลายเป็นโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ในท้องตลาดบนราคาที่ต่ำลง
       
       ปัจจุบัน ซีอีโอเอ็นวิเดียคาดว่าชิปตระกูล Tegra ถูกใช้ในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ระดับสูงมากกว่าครึ่งหนึ่งในตลาด โดยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตได้สูงเกิน 70% ในขณะนี้ ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจจะเป็นตลาดหลักที่เอ็นวิเดียเชื่อว่าจะมีโอกาสขยายตัวก้าวกระโดดในอนาคต
       
       โดยเฉพาะเมื่อเอ็นวิเดียสามารถควบรวมกิจการกับ Icera ซึ่งทำให้เอ็นเวิเดียสามารถผลิตชิปหน่วยประมวลผลที่สามารถรับสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้ จุดนี้จะทำให้เอ็นวิเดียสามารถผลิตชิปแก่ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนที่เป็นแมสโปรดักต์ได้มากขึ้น และจะทำให้ Tegra สามารถแข่งกับชิป Snapdragon ของควอลคอมม์ (Qualcomm) ซึ่งสามารถผลิตชิปลูกผสมนี้อยู่แล้วได้ดีกว่าเดิม
       
       ทั้งหมดนี้ เอ็นวิเดียยอมรับว่าคู่แข่งของบริษัทในตลาดชิปอุปกรณ์พกพานั้นมีอยู่รายเดียวคือควอลคอมม์ แต่ก็เชื่อว่าเอ็นวิเดียสามารถแข่งขันได้ดีโดยเฉพาะในตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์ซึ่งเติบโตช้าในช่วงแรก เบื้องต้นคาดว่าภายใน 4 ปีนับจากนี้ ตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์จะขยายตัวก้าวกระโดด และมีส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่งหนึ่งของตลาดแท็บเล็ตทั้งหมด
       
       นอกจากนี้ ซีอีโอเอ็นวิเดียยังมองว่ายักษ์ใหญ่ไอทีอย่างเอชพีและอินเทลไม่ใช่คู่แข่งในธุรกิจอุปกรณ์พกพา โดยระบุว่าการตัดสินใจของเอชพีที่จะแยกธุรกิจพีซีออกไปและปิดตัวแผนกที่เกี่ยวข้องกับ webOS แสดงถึงความไม่ชัดเจนในการทำธุรกิจอุปกรณ์โมบาย ขณะที่ชิป Atom ของอินเทลไม่ได้อยู่บนสถาปัตยกรรม ARM ซึ่งออกแบบมาเพื่อการประหยัดพลังงานและเหมาะกับการทำงานบนอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟนมากกว่า
       
       สำหรับปัจจัยที่ทำให้เอ็นวิเดียมองว่าชิปกราฟิกจะยังเป็นตลาดที่เติบโต คือตลาดยังมีความต้องการประสิทธิภาพการทำงานด้านกราฟฟิกที่ดีขึ้นในเครื่องคอมพิวเตอร์ จุดนี้ซีอีโอเอ็นวิเดียย้ำว่ากล้องดิจิตอลในโทรศัพท์มือถือนั้นไม่ได้ทำให้ตลาดกล้องดิจิตอลสำหรับมือโปร digital-SLR อวสานไป ทำให้ผู้บริโภคยังต้องการความสามารถในการประมวลผลภาพที่สูงขึ้นอยู่
       
       ซีอีโอเอ็นวิเดียยังเผยถึงแผนการพัฒนาชิป Tegra ในอนาคต ระบุว่าจะดึงความสามารถในการปิดการทำงานชิป Tegra เมื่อไม่ใช้งาน ไปใช้ในชิปกราฟิกสำหรับคอมพิวเตอร์รุ่นอื่นของบริษัทในอนาคต
       
       หลังการเข้าซื้อกิจการบริษัท Icera ด้วยมูลค่า 367 ล้านเหรียญเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เอ็นวิเดียระบุว่าจะยังไม่มีแผนเข้าซื้อกิจการใด บนตัวเลขเงินสดสำรองที่บริษัทมีอยู่ 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะนี้
       

สมาร์ทโฟน Galaxy S II ของซัมซุง

       Company Related Links :
       Nvidia

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
3138 Views
Last post October 18, 2011, 01:54:18 PM
by Nick
0 Replies
1655 Views
Last post January 27, 2012, 03:57:01 PM
by Nick
0 Replies
2130 Views
Last post February 26, 2012, 04:35:10 PM
by Nick
0 Replies
1281 Views
Last post February 29, 2012, 03:38:12 PM
by Nick
0 Replies
2404 Views
Last post July 15, 2014, 01:50:46 PM
by Nick
0 Replies
2096 Views
Last post July 23, 2014, 01:37:16 PM
by Nick
0 Replies
1286 Views
Last post August 13, 2014, 01:19:47 PM
by Nick
0 Replies
1683 Views
Last post August 03, 2015, 02:39:29 PM
by Nick
0 Replies
1559 Views
Last post October 13, 2015, 02:09:00 PM
by Nick
0 Replies
1381 Views
Last post September 04, 2016, 09:56:19 AM
by Nick