Author Topic: "มือถือแอลจี"คางเหลือง ?  (Read 1072 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


สมาร์ทโฟนแบรนด์ LG กำลังเผชิญวิกฤติ !?

หลังจากขาดทุนในธุรกิจโทรศัพท์มือถือต่อเนื่อง 5 ไตรมาส นักวิเคราะห์เชื่อแอลจีกำลังถูกกดดันให้จำหน่ายธุรกิจโทรศัพท์มือถือทิ้งไป เพราะยิ่งทิ้งไว้หุ้นของแอลจีก็ยิ่งดิ่งเหว บนต้นทุนค่าใช้จ่ายที่คิดเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในบรรดาธุรกิจอื่นๆของแอลจี ด้านแอลจียังประกาศชัด พร้อมสู้ไม่มีถอยแต่ขอตัดเป้ายอดขายสมาร์ทโฟนปีนี้ลง 20%
       
       สำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างคำวิเคราะห์ของแฮร์ริสัน โค (Harrison Cho) นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัย KB Investment & Securities ว่าการจำหน่ายธุรกิจที่ขาดทุนนั้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนทุกคนต้องการ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับแอลจีในขณะนี้ คือการผจญกับความกดดันให้จำหน่ายธุรกิจโทรศัพท์มือถือซึ่งขาดทุนต่อเนื่อง 5 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยขณะนี้ ธุรกิจสมาร์ทโฟนของแอลจีคือปัจจัยหลักที่ทำให้แอลจีมีมูลค่าตลาดลดลงเหลือ 7,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่าเพียง 1 ใน 3 ของมูลค่าตลาดคู่แข่งอย่างเอชทีซี (HTC) ทั้งที่แอลจีมีธุรกิจทีวีและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านซึ่งครองส่วนแบ่งไม่น้อยในตลาดโลก
       
       "หากแอลจีเลือกขายธุรกิจโทรศัพท์มือถือจริง แอลจีก็จะไม่ได้ผลดีจากการขายเท่าที่ควร เพราะแอลจีควรจำหน่ายในช่วงก่อนหน้าที่ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนยังไม่สะท้อนภาพติดขัดเท่านี้ ทำให้เห็นชัดเจนว่าแอลจีพลาดโอกาสไป" โคระบุว่านักลงทุนไม่ได้คล้อยตามกับคำที่แอลจียืนยันมาตลอดว่า มีความมุ่งมั่นกับธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และกำลังสามารถฟื้นตัวได้อย่างน่าพอใจ
       
       ก่อนหน้านี้ แอลจีเคยร่วมทุนฟิลิปส์ (Philips) และนอร์เทล (Nortel) ในการกระจายความเสี่ยงธุรกิจผลิตหน้าจอชนิดแบนและอุปกรณ์โทรคมนาคม จุดนี้โคมองว่าการร่วมทุนก็ยังเป็นไปได้ยากสำหรับธุรกิจโทรศัพท์มือถือของแอลจี เนื่องจากจะมีพันธมิตรไม่กี่รายที่ยอมร่วมทีมกับธุรกิจที่ขาดทุนเช่นนี้
       
       ***ลดเป้าสมาร์ทโฟน
       
       แอลจีซึ่งมีดีกรีเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออันดับ 3 ของโลก ประกาศลดเป้าหมายจำหน่ายสมาร์ทโฟนในปี 2011 ลงจากเป้าหมายเดิม 20% เหลือ 24 ล้านเครื่อง แปลว่าแอลจีรู้ดีว่าสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้น้อยกว่าที่ตั้งใจไว้ และไม่ตอบคำถามว่าแอลจีจะกลับมามีกำไรได้เมื่อไร
       
       การปรับเป้าหมายครั้งนี้ถูกวิเคราะห์ว่าเป็นผลมาจากสมาร์ทโฟนตระกูล Optimus ของแอลจีไม่สามารถสร้างกระแสในตลาดเท่าที่ควร ที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ของแอลจีทั้งรุ่น Optimus 2X และ Optimus 3D ยังไม่สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างที่ Galaxy ของซัมซุง หรือ iPhone ของแอปเปิลทำได้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้แอลจีเสียหลัก เพราะผู้บริหารแอลจีเคยย้ำว่าจะดำเนินนโยบายลดความสำคัญสินค้าฟีเจอร์โฟนซึ่งทำกำไรได้น้อยกว่า ไปให้ความสำคัญกับธุรกิจสมาร์ทโฟนซึ่งทำกำไรได้มากกว่าแทน
       
       นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่าแอลจีต้องเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการที่คู่แข่งในตลาดโทรศัพท์มือถือต่างมีทางออกของตัวเองแล้ว ทั้งโนเกีย (Nokia) ที่ประกาศจับมือกับไมโครซอฟท์ (Microsoft) ไปก่อน และโมโตโรลาโมบิลิตี้ (Motorola Mobility) ก็ขายกิจการให้ยักษ์ใหญ่กูเกิล (Google) เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดนี้เชื่อว่าจะเป็น 2 ขั้วอำนาจที่จะบีบให้แอลจีต้องดิ้นเพื่อหาทางออกให้ตัวเองในเร็ววัน
       
       'สิ่งที่แอลจีทำได้ในตอนนี้คือการรักษาข้อดีของตัวเองไว้ต่อไป ทั้งการเพิ่มฮาร์ดแวร์คุณภาพดีให้สินค้า การสร้างความต่างให้ผลิตภัณฑ์แอลจี และพยายามสร้างความหลากหลายไม่ผูกติดกับ Android อย่างเดียว โดยหันมาหา Windows อีกทาง' จุง กุน-ซิก (Jung Kyun-sik) ผู้จัดการกองทุนบริษัทวิจัย Eugene Asset Management ในกรุงโซลวิเคราะห์ไว้
       
       แอลจีนั้นมีดีกรีเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับที่ 6 ในตลาด มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5.6% ในช่วงไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือตลอด 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย. 54) รวมมีมูลค่าทั้งสิ้น 3.2 ล้านล้านวอน (ราว 9 หมื่นล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของยอดขายรวมแอลจี
       

LG Optimus 3D สมาร์ทโฟน 3 มิติรูปแบบใหม่ แต่ไม่โดนใจตลาด


ไม่เพียงเฉพาะรุ่น 3D รุ่น 2X ก็ไม่สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้

       Company Related Link :
       LG

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
6244 Views
Last post October 21, 2010, 05:59:35 PM
by Nick
0 Replies
7881 Views
Last post October 23, 2010, 12:51:34 PM
by Nick
0 Replies
4440 Views
Last post January 11, 2011, 01:45:43 PM
by Nick
0 Replies
7616 Views
Last post January 13, 2011, 04:29:26 PM
by Nick
0 Replies
5317 Views
Last post February 27, 2011, 11:13:31 PM
by Nick
0 Replies
6767 Views
Last post March 11, 2011, 04:59:35 PM
by Nick
0 Replies
3159 Views
Last post April 16, 2011, 03:17:14 PM
by Nick
0 Replies
3172 Views
Last post May 03, 2011, 02:41:58 PM
by Nick
0 Replies
3536 Views
Last post July 03, 2011, 09:25:17 AM
by Nick
0 Replies
3398 Views
Last post July 08, 2011, 03:26:19 PM
by Nick