Author Topic: ศาลยกฟ้อง “จอห์น นูโว” พ้นผิดคดีฟ้องเท็จ โวย ตนตกเป็นเหยื่อ แต่ให้อภัยทุกคน  (Read 947 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“จอห์น นูโว” พ้นมลทิน ศาลยกฟ้องคดีฟ้องเท็จบริษัทร่วมหุ้นข่มขู่จ่ายเงิน 2.2 ล้าน ศาลระบุไม่มีเจตนากระทำผิด เจ้าตัวเผยในที่สุดความจริงก็ปรากฏว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ลั่น ตนตกเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ดังกล่าว แต่พร้อมให้อภัยทุกคนที่เคยมองว่าตนเป็นคนไม่ดี
       
       ตกเป็นจำเลยของสังคมมานานหลายปี สำหรับนักร้องและพิธีกรหนุ่มชื่อดัง “นรศักดิ์ รัตนเวโรจน์” หรือ “จอห์น นูโว” หลังเจ้าตัวถูกคู่กรณีฟ้องในข้อหาฟ้องเท็จ โดยเช้าวานนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 612 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่บริษัทซีเคเอ เชียงใหม่ จำกัด โดยนายเสถียร วัฒนาวีรวงศ์ กรรมการมีอำนาจ นายเสถียร วัฒนาวีรวงศ์ นายมาร์ค เชน โทมัส และน.ส.มณินทร คำวงษ์ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-4 ฟ้อง บริษัท ทรัยคาสท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด และ “จอห์น นูโว” นักร้องนักดนตรีวงนูโว ในอดีต ซึ่งตกเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานฟ้องเท็จ
       
       โดยคดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2551 ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเอาความเท็จฟ้องโจทก์ทั้ง 4 กับพวกอีก 2 คนว่าร่วมกันกรรโชกทรัพย์และซ่องโจร โดยอ้างในบรรยายฟ้องคดีดังกล่าวว่า ระหว่างวันที่ 3-19 กันยายน 2550 จำเลยทั้ง6คนนั้นได้กระทำการอันเป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมหรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญจนผู้ถูกข่มขืนใจยอม ต่อมาวันที่ 26 สิงหาคม 2552 ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง โจทก์และเห็นว่าจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ทั้งสี่รับโทษทางอาญา เหตุเกิดที่แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
       
       ทางพิจารณาโจทก์ทั้ง 4 นำสืบว่า ตามที่จำเลยที่ 2 อ้างว่า โจทก์ทั้ง 4 บังคับข่มขู่ จำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ จนต้องออกเช็คจ่ายเงินจำนวน 2,200,000 บาท ให้แก่โจทก์ที่ 1 โดยไม่มีมูลหนี้ต่อกันนั้นไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีการบังคับข่มขู่แต่อย่างใด จำเลยที่ 2 ต้องชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ และซ่องโจรตามคำฟ้องของจำเลยที่ 2 จึงเป็นฟ้องเท็จ ขณะที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่า โจทก์ที่ 1 ร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 2 โจทก์ที่ 4 เป็นกรรมการของโจทก์ที่ 1 ลงนามร่วมกับตนสั่งจ่ายเช็คในนามบริษัท จำเลยที่ 1 คืนเงินกู้ยืมให้ตนจำนวน 1,100,000 บาท แต่หลังจากลงนามแล้ว โจทก์ที่ 4 เอาเช็คดังกล่าวไป ขณะที่โจทก์ที่ 3 เป็นหัวหน้าฝ่ายการเงิน ส่งอีเมล์มาต่อรองให้ตนสั่งจ่ายเช็คให้จำนวน 2,200,000 บาท แก่โจทก์ที่ 1 แล้วจะคืนเช็ค จำนวน 1,100,000 บาทให้ ตนไม่เห็นด้วย แต่ต้องจำยอมโดยให้กรรมการทั้งสองฝ่ายสั่งจ่ายเช็คให้ไป อันเป็นการบังคับและกรรโชกทรัพย์จากจำเลยที่ 2 ฟ้องของจำเลยที่ 2 จึงไม่ใช่การฟ้องเท็จ
       
       ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2 ไม่เห็นด้วยกับการจ่ายเงินจำนวน 2,200,000 บาท ให้แก่โจทก์ที่ 1 ทำให้จำเลยที่ 2 เข้าใจได้ว่าการจ่ายเงินนั้น ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่สัญญาไว้ นอกจากนี้จำเลยที่ 2 ยังส่งอีเมล์โต้ตอบโจทก์ และทวงเงินคืนแสดงถึงความไม่สมัครใจของจำเลยที่ 2 และไม่เห็นด้วยกับการสั่งจ่ายเช็ค จำนวน 2,200,000 บาท แก่โจทก์ตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงมีเหตุผลให้จำเลยที่ 2 เข้าใจโดยสุจริตตามที่บรรยายฟ้องดังกล่าว แม้ในคดีเดิมศาลพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โดยเห็นว่าไม่เป็นความผิดตามข้อกฎหมายที่อ้างมาในฟ้องก็ตาม แต่เป็นเพียงข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามข้อกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้วินิจฉัยว่าคำฟ้องของจำเลยที่ 2 เป็นการปั้นแต่งเรื่องขึ้น เพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ทั้ง4 กับพวกโดยไม่เป็นความจริง จำเลยที่ 2 ยื่นฟ้องกับพวกในคดีก่อนโดยบรรยายฟ้องข้อเท็จจริงตามเหตุที่ตนเข้าใจ มิได้บิดเบือนเรื่องราวให้เป็นเท็จ จึงขาดเจตนาในการกระทำความผิดฐานฟ้องเท็จ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
       
       ภายหลัง "จอห์น นูโว" มีหนังสือเปิดผนึกถึงสื่อมวลชน ระบุว่า เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ว่าในที่สุดความจริงก็ปรากฏแล้วว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่ใช่ผู้ร้ายในสายตาของประชาชนหรือนักข่าวทั่วไปที่เคยเข้าใจหรือลงข่าวตนผิด อยากบอกว่าสื่อมวลชนรายไหนที่เคยลงข่าวในเชิงลบเกี่ยวกับตนไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม ตนพร้อมจะยกโทษและให้โอกาสในการแก้ไขลบล้างสิ่งที่เคยทำกับตน รวมถึงครอบครัวของตนต้องเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน ตนไม่ต้องการรื้อฟื้นประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับคดีความ เพราะเคยชี้แจงรวมถึงแถลงข่าวไปหลายครั้ง
       
       แม้ว่าในที่สุดอาจจะไม่ได้ช่วยเยียวยาความเสียหายหรือความรู้สึกของตนกับครอบครัวได้เต็มร้อย แต่อย่างน้อยคงทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่า เราควรมีวิจารณญาณในการเสพข่าวจากสื่อ รวมถึงฟังความให้ครบถ้วนก่อนตัดสินตัวตนของคนคนนั้น ซึ่งถือว่าเป็น “เหยื่อ” ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้อภัยทุกคนสำหรับสิ่งที่ผ่านมา และจะลุกขึ้นเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่ประเทศชาติและคนไทยทุกคนต่อไป

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)