“ไมร่า” สาวน้อยมหัศจรรย์ เผยชีวิตหลังคว้าแชมป์ “ก็อตทาเลนต์” ฝันอยากจะเป็นนักร้องอาชีพ มี “ดา เอ็นโดรฟิน” และ “ทาทา ยัง” เป็นไอดอล บอก เงินรางวัลที่ได้จะเก็บเป็นทุนการศึกษา พร้อมปันอีกส่วนช่วยเหลือเพื่อนที่ติดเชื้อ HIV ที่เคยเล่นละครด้วยกัน
ได้ผู้ชนะเลิศจากเวทีประกวด “ไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนต์” พรสวรรค์บันดาลชีวิต คนแรกของประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ก็คือสาวน้อยวัย 13 ปี “ไมร่า มณีภัสสร มอลลอย” ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่คว้าเงินรางวัลสูงสุดร่วม 10 ล้านบาทไปครอบครองได้สำเร็จ ซึ่งในขณะนี้สาวน้อย “ไมร่า” กำลังเป็นที่จับตามองอย่างมากทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ติดตามรายการนี้อยู่ด้วยเช่นกัน โดยเธอได้เผยถึงความรู้สึก รวมไปถึงชีวิตที่เปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืนให้ฟังว่า….
“ที่ตัดสินใจไปสมัครเพราะหนูเคยเห็นรายการของประเทศอื่น ก็เลยอยากจะลองมาสมัครของไทยบ้าง เพราะชื่นชอบแต่ไม่มีโอกาสที่จะไปของประเทศอื่น พอมีของประเทศไทยก็อยากลอง ก็เลยไปสมัครที่เซ็นทรัลลาดพร้าวเลยค่ะ(หัวเราะ) หนูรู้สึกอยากลองทำบ้าง มันน่าสนุกดี แต่ตอนแรกที่สมัครไม่ได้คิดเลยว่าจะถึงรอบลึกขนาดนี้ แค่อยากไปลอง คิดในใจว่าคงไม่ถึงลึกๆ หรอก เพราะมีคนเขามาสมัครเยอะมาก และมีคนเก่งๆ เยอะแยะมากมาย คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุนค่ะ เขาให้กำลังใจว่าถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าได้ก็ดีใจด้วย แต่หนูไม่เคยคาดหวังถึงกับต้องชนะ อาจจะคิดบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ได้คิดว่าจะได้”
“ซึ่งบรรยากาศรอบคัดเลือกคนเยอะมาก ตื่นเต้นมากๆ ค่ะก่อนขึ้นเวที(หัวเราะ) รอบนั้นหนูร้องเพลง Time to say goodbye ตอนนั้นกรรมการพูดว่าเสียงซาบซ่านเหมือนกินซุป(หัวเราะ) แล้วทุกคนก็ให้ผ่านหมดค่ะ พอผ่านหนูก็โล่ง เซอร์ไพรส์ ดีใจมาก แล้วก็คิดตลอดว่าโชว์ต่อไปจะทำยังไง คิดแล้วเปลี่ยนใหม่ตลอดเลยเพราะว่ามันยาก ต้องคิดอะไรใหม่ๆ เพิ่มตลอด เพราะถ้าร้องเพลงเฉยๆ อาจจะดูนิ่งๆ ก็เลยต้องคิดว่าถ้าเราร้องเพลงเดียวมันอาจจะน่าเบื่อ ก็เลยลองเอามาผสมผสานกัน”
“พอถึงรอบก่อนสุดท้ายหนูได้เข้ารอบเป็นคนแรก เพราะคะแนนโหวตสูงสุด เข้าพร้อมกับพี่อัจฉ์ แซ็กโซโฟนค่ะ ก็ยังเซอร์ไพรส์อยู่ค่ะ เซอร์ไพรส์ทุกรอบเลย(หัวเราะ) แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมคนถึงโหวตให้เรา แต่คิดว่าเขาคงชอบเราเพราะเราเป็นตัวของตัวเอง และทำดีที่สุดแล้วค่ะ แต่ยอมรับว่าตอนโชว์ทุกครั้งตื่นเต้นมาก อาจจะมีความผิดพลาดบ้างเล็กน้อยเพราะช่วงนั้นไม่ค่อยสบายด้วยก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่”
“พอถึงรอบสุดท้ายยิ่งกดดันมากขึ้นอีกว่าเราจะเข้ารอบไหม เราจะผ่านเข้าไปไหม กดดันค่ะ(ยิ้ม) และหนูคิดว่าทุกคนก็คงกลัวว่าจะไม่ผ่านอยู่แล้ว คงกลัวกันหมด ซึ่งแต่ละครั้งที่เขาประกาศชื่อเหมือนตัวเองจะต้องเข้าโรงพยาบาล(หัวเราะ) คือแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนเสียงดนตรี อันไหนเสียงหัวใจ แต่หนูก็มองภาพไม่ออกว่าใครจะได้ มันลุ้นมาก ทุกคนก็ลุ้น ทุกทีมเก่งจริงๆ ดูไม่ออกว่าใครจะเข้า ใครไม่เข้าค่ะ”
“วินาทีที่ประกาศรางวัลตอนนั้นตื่นเต้นมากค่ะ พอเขาประกาศก็ตกใจมาก ไม่รับรู้อะไรอีกเลย(หัวเราะ) ตอนแรกก็ไม่นึกว่าเราจะได้หรอกค่ะ เพราะมีทีมอื่นที่เก่งกว่าเราเยอะแยะเลยค่ะ คือเขาสร้างสรรค์มาก เราเห็นก็ชื่นชอบและชื่นชม แต่ก็ไม่ถึงกับว่ากลัวใครเป็นพิเศษค่ะ แต่ถ้าถามว่าชอบทีมไหน หนูชอบทีมคิดบวกสิบค่ะ เพราะความสร้างสรรค์ของเขา การเล่นเงาหนูคิดว่าเท่ห์มากเลยค่ะ”
“ตอนที่หนูคิดเรื่องการโชว์ หนูคิดในทางที่เราถนัดมากที่สุด และแสดงความเป็นตัวเองให้มากที่สุด นั่นก็คือการร้องเพลงแนวคลาสสิค ไมร่าได้เรียนการร้องเพลงคลาสสิคนี้ที่โรงเรียนประจำตั้งแต่ประมาณ 10 ขวบ ก็ประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ แต่ไม่ใช่เป็นวิชาหลักนะคะ เป็นการเรียนเพิ่ม คือถ้าเราอยากเรียนเขาก็จะสอนให้ แต่ถามว่าชอบแนวคลาสสิคมากกว่าเพลงป๊อบทั่วไปไหม ก็นิดนึงค่ะ แต่เพลงป๊อบก็ชอบร้องนะคะ แต่ที่เลือกร้องเพลงคลาสสิค เพราะหนูรู้สึกว่าแนวนี้หนูถนัดที่สุด และหนูชอบร้องแนวนี้มากเลยค่ะ”
เผย ไม่กลัวต่อกระแสข่าวต่างๆ เหมือนที่หลายๆ คนในเวทีนี้ค่อยๆ ทยอยมีออกมา และบอกอนาคตต่อจากนี้อยากเป็นนักร้องอาชีพ
“เรื่องกระแสข่าวต่างๆ ก็ไม่ค่อยกลัวนะคะ แล้วหลังจากนี้หนูก็คงจะร้องเพลงต่อไป อยากเป็นนักร้องอาชีพค่ะ ก็คงต้องฝึกฝนต่อไปค่ะ หนูอยากเป็นนักร้องแนวป๊อบ แล้วคนที่เป็นต้นแบบที่หนูชอบก็คือพี่ดา เอ็นโดรฟิน กับพี่ทาทา แต่ก็ยังนึกภาพตัวเองไม่ออกเหมือนกัน(หัวเราะ) แต่ก็ยังไม่รู้จะไปเรียนอะไรเพิ่มเลยค่ะ เพราะยังตั้งใจกับการเรียนปกติอยู่ เพราะหนักเหมือนกัน แต่คิดว่าจะเรียนไปพร้อมกับการเป็นนักร้องได้ ไหวค่ะ สู้ตาย(หัวเราะ)”
“ตอนนี้เซ็นสัญญากับโซนี่แล้วค่ะ แต่เซ็นหมดทั้ง 48 ทีมสุดท้ายเลยค่ะ ส่วนเงินรางวัลส่วนหนึ่งก็คงเป็นทุนการศึกษาค่ะ อีกส่วนหนึ่งก็จะให้เพื่อนๆ ที่ติดโรค HIV ที่เคยแสดงละครด้วยกันค่ะ หนูคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิท หนูก็เลยอยากช่วย”
ที่มา: manager.co.th