“ฟิล์ม รัฐภูมิ” กลับถึงเมืองไทย น้ำตาซึมสวมกอดพ่อกับแม่ ท่ามกลางแฟนคลับที่มารอรับคับคั่ง เตรียมสะสางคดีความกับ "แอนนี่ บรู๊ค" ไม่มียอมความเพราะต้องการพิสูจน์ความจริง เผยอาร์เอสป้อนละครให้ 3 เรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ "บันทึกรักซูเปอร์สตาร์" ที่ดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของฟิล์ม ซึ่งละครเรื่องนี้จะมีเรื่องจริงที่ฟิล์มไม่สามารถพูดได้แต่ถูกถ่ายทอดลงในละคร
หลังจากที่หลบข่าวฉาวทำ “แอนนี่ บรู๊ค” ตุ๊บป่องจนกลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมา “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ก็ประกาศบวชก่อนจะบินไปเรียนต่อด้านภาษายังสถาบัน EC London ประเทศอังกฤษ แต่กระนั้นตลอดก็ยังมีข่าวว่า "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" นางเอกคนดังของช่อง 3 ตามไปหาถึงอังกฤษ ล่าสหนุ่มฟิล์มก็ได้เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้วโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 0917 มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมี “นายเสริมศักดิ์ โตคงทรัพย์” และ “นางโคมมนต์ ทองมั่ง” พ่อและแม่มารอต้อนรับพร้อมด้วยบรรดาแฟนคลับอีกนับร้อยชีวิต โดยมีการชูป้ายให้กำลังใจฟิล์มมากมาย อาทิเช่น “Welcome Back Film Rattapoom with Love by FilmFamily" และป้าย "เราสัญญาจะอยู่เคียงข้างฟิล์มตลอดไป" ม
พอเจอพ่อกับแม่และแฟนคลับมาต้อนรับเต็มที่แบบนี้ทำเอาฟิล์มถึงกับน้ำตาซึมเลยทีเดียว ก่อนจะเปิดใจให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรกหลังจากหายจากวงการไปหลายเดือนว่า......
“ความรู้สึกของผมพอลงจากเครื่อง ก็รู้สึกตื่นเต้นมากเสียงยังสั่นอยู่เลย เพราะคนมารับเยอะมาก(ยิ้ม) ผมคิดว่าจะมาน้อย ผมทวิตตอนอยู่บนเครื่องว่าไม่รู้จะมีคนมารับผมเยอะหรือเปล่า เมื่อกี้ร้องไห้เลยเจอแม่กับป๋า แต่หลังจากนี้คงไปทานข้าวกับครอบครัวก่อน วันนี้รู้สึกดีใจมากเพราะไปอยู่ที่โน่นเหมือนไม่มีใครรู้จักเลย นานๆ จะได้เจอคนไทยสักที ถามว่าหลังจากนี้จะวางแผนชีวิตอย่างไร ส่วนตัวผมก็อยากอยู่กับครอบครัวก่อน แต่เรื่องงานคงต้องกลับไปคุยกับทางอาร์เอสด้วย เพราะได้แต่คุยทางโทรศัพท์ก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าที่ทราบก็มีละครอยู่ 3 เรื่องแล้วก็งานเพลง”
เผยเรื่องแรกที่ตั้งใจอยากสะสางคือเรื่องคดีความกับ “แอนนี่ บรู๊ค”
“เรื่องที่จะสะสางเรื่องแรกที่จะกลับมาก็ไม่มีอะไรนะนอกจากเรื่องคดี ผมเองก็คงไม่ไปคุยกับแอนนี่เขาอยู่แล้วครับไม่รู้จะคุยทำไม จริงๆ ผมก็อยากไปเยี่ยมน้องฑีฆายุนะแต่ผมอยากให้มันเคลียร์ก่อน ตอนนี้ผมไปอาจจะตกเป็นข่าวหรืออะไรได้ รูปน้องผมก็ไม่ได้เห็นเลย เรื่องของคดีกลับมาครั้งนี้ผมก็ตั้งใจจะสะสางให้เสร็จอยู่แล้ว แต่ในขั้นตอนนี้ผมไม่สามารถจัดการได้เพราะผมมอบเรื่องให้ทนายตั้งแต่ก่อนไปต่างประเทศ”
“พอถึงตอนนี้ผมคงต้องไปฟังความคืบหน้าก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในส่วนตัวของผมต้องการความกระจ่างอยู่แล้ว คิดว่าเดี๋ยวจะกลับไปคุยเลยแต่ไม่รู้จะจบลงอย่างไรผมต้องการความแน่ชัดว่าอย่างไร คงไม่มีการยอมความนะเพราะคนรู้ทั้งประเทศขนาดนี้ยังไงก็ต้องพิสูจน์ เรื่องนี้เฮียก็ไม่ได้แนะนำอะไรเพราะเรื่องอยู่กับทางทนายทางศาล ผมไม่ได้อัพเดทข่าวตัวเองที่เมืองไทยแค่ได้สัมภาษณ์สื่อไม่กี่ที่เอง”
ยอมรับ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ไปหาที่ประเทศอังกฤษจริง แต่ไปเที่ยวกับ “พอลล่า บัทเทอรี่” ยันอีกฝ่ายไม่ได้มานอนค้างด้วยอย่างที่เป็นข่าว
“เรื่องเจนี่ไปหาผมที่อังกฤษ เขาก็ไปจริงแต่เขาไปกับเพื่อนเขา เป็นงานฮันนีมูนของพอลล่า แต่จริงๆ คนอาจจะเห็นว่าเรามาเจอกันก็ได้ เราเป็นเพื่อนกันก็แค่มาเจอกัน ตามข่าวที่เห็นว่าไปนอนด้วยกันคือความจริงมันไม่ถึงขนาดนั้น ตั้งแต่เจอกันที่อังกฤษครั้งนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก เพราะผมก็เรียนหนักถ่ายรายการไปด้วย”
พอกลับมาถึงเมืองไทยปุ๊บ พรุ่งนี้เช้า "ฟิล์ม" ก็ต้องเปิดกล้องบวงสรวงละคร “บันทึกรักซูเปอร์สตาร์” ทัน ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่ามาจากชีวิตจริงของตัวเอง
“ส่วนละครที่ว่าจะได้เล่นคู่กับเจนี่ตอนนี้ก็ไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปหรือยัง หรืออย่างไรแต่เท่าที่รู้มาก็มีเรื่องหนึ่ง แต่ก็ต้องเข้าไปอัพเดทอีก แล้วก็จะมีละครกับทางอาร์เอสอีก 2เรื่อง คือคนึงหากับบันทึกรักซูเปอร์สตาร์ เรื่องหลังนี่เอามาจากชีวิตผมเลยครับแต่ว่าดัดแปลงนิดหน่อย แต่ไม่ถือเป็นการตอกย้ำข่าวนะมันดีเสียด้วยซ้ำจะได้รู้บางเรื่องที่ผมไม่สามารถพูดได้ก็จะได้รู้กัน แต่จุดจบอย่างไรก็ไม่รู้ครับ( หัวเราะ)”
“ไปอยู่ที่นั่นอย่างแรกคือชีวิตที่ประเทศไทยผมได้รับการดูแลอย่างดีมาก ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองสำคัญตลอด แต่พอไปอยู่ที่นั่นไม่มีใครรู้จักเลยไปไหนมาไหนก็จะด้อยเสมอ เวลาไปซื้ออะไรเขาถามว่ามาจากไหน ผมบอกว่ามาจากเมืองไทยเขาก็จะให้ของผมทีหลังตลอด เราก็จะคิดว่าเอ้า (เสียงสูง)ประเทศผมผิดตรงไหน หรือแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายที่นั่นเยอะมากครับ มากกว่าบ้านเรา 50 เท่า หรือในเรื่องของการเดินทางเมื่อก่อนเคยมีรถ แต่ไปที่นั่นต้องขึ้นรถเมล์รถไฟ แต่ทุกสิ่งก็คือประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นมองโลกในอีกมุมมองหนึ่ง ก็อยากจะบอกว่าผมคิดถึงทุกคนนะ ผมไม่รู้ว่าทุกคนยังรักผมมากน้อยแค่ไหน รู้อย่างเดียวว่าผมผ่านอะไรมาเยอะ อาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันหนักมาก ”
ที่มา: manager.co.th