“ณเดชน์” ไม่รู้ตัวเองฮอตถึงขนาดมีหนังแย่งตัวกว่า 20 เรื่อง ลั่น ยังไงก็ไม่รับอยู่ดีเพราะยังไม่พร้อมเล่นหนัง บอก ละครก็ยังเอาตัวไม่รอด พร้อมแจง แผลเป็นที่ท้องมาจากการผ่าตัดไส้ติ่ง ไม่ใช่โดนแทงหรือไปดูดไขมัน
เป็นดาวรุ่งหนุ่มที่ฮอตขึ้นหิ้งที่สุดในตอนนี้ก็ว่าได้ สำหรับหนุ่มหล่อ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ที่โด่งดังแค่ข้ามปีค่าตัวก็ทะยานเทียบเท่าซุปเปอร์สตาร์ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” เสียแล้ว ล่าสุดผู้จัดการส่วนตัว “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ได้ออกมาเผยว่าณเดชน์มีคิวงานแน่นมาก ทั้งสินค้าหลายแบรนด์ดังแย่งตัวไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ แถมยังมีภาพยนตร์กว่า 20 เรื่องจ่อขอคิว โดยหนึ่งในนั้นมีภาพยนตร์ของผู้จัดการสุดฉาว “ชิ อนุชา ลังประเสริฐ” อดีตผู้จัดการส่วนตัว “นาธาน โอร์มาน” ที่แว่วว่ากำลังจะสร้างหนังชีวิตนาธาน แต่พอสอบถามไปเจ้าตัวก็บอกว่ายังไม่พร้อมที่จะรับงานภาพยนตร์
"ไม่รู้ว่ามีหนังติดต่อมารึเปล่า เพราะพี่เอก็ไม่เคยคุยเรื่องหนังเลย จริงๆ ผมก็ไม่กล้าเล่นหนังเท่าไหร่ ละครก็ยังไม่ค่อยโอเคเลย คุยงานพวกนี้ผมจะไม่ค่อยทราบเท่าไหร่ พี่เอก็ไม่เคยบอกว่ามีหนังติดต่อมาเลย แต่ก็ได้ข่าวเหมือนกันว่าพี่ชิติดต่อให้เล่นเป็นนาธาน ถามว่าอยากเล่นไหม จริงๆ เรื่องหนังก็เป็นประสบการณ์ที่ดี แต่ผมยังไม่พร้อมหรอกครับ เอาละครให้รอดก่อนดีกว่า ถามว่าเสียดายไหม ก็เสียดายครับ แต่ผมคิดว่าคงไม่ถึง 20 เรื่องหรอกครับ"
“ไม่ใช่ว่ายังไม่เจอบทที่ถูกใจ แต่มันขึ้นอยู่กับความพร้อมของผมมากกว่า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มั่นใจ เพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม อาจเพราะผมคงยังไม่เคยเล่นหนัง ไม่รู้ว่าศาสตร์ด้านหนังเป็นยังไง คิดว่าละครก็ยากอยู่แล้ว แล้วก็คิดว่าอยากเอาละครให้ดีก่อนค่อยไปเล่นหนัง ตอนนี้จริงๆ คิวงานผมก็ไม่ได้แน่นอะไรมากมาย คิวละครก็จันทร์-อังคาร-พุธ แค่นั้นครับ ตอนนี้กำลังถ่ายละครเรื่องเกมร้ายพ่ายเกมรัก แล้วผมก็เรียนด้วยครับ ลงไป 3 ตัวก็หนักพอสมควร"
ยัน ภาพหลุดแผลเป็นบริเวณหน้าท้องมาจากการผ่าตัดไส้ติ่ง ไม่เกี่ยวโดนแทงหรือไปดูดไขมันมา
"ผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เด็กแล้วครับ ตั้งแต่ป.2-ป.3 ไม่ใช่ถูกแทงมาครับ ก็ไม่เคยมีใครมาสังเกตรอยแผลนะครับ คงจะเพิ่งเห็น เพราะปกติถูกรีทัชออกไป ไม่ใช่รอยแผลจากการถูกแทงอะไร ผมไม่เคยมีเรื่องกับใครครับ เป็นเด็กดีครับ ไม่ทำให้พอแม่เสียใจ ยิ่งที่บอกว่าผมไปดูดไขมันมานี่ยิ่งไปกันใหญ่ ดูดไขมันใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ไปถามพี่เอดีไหมว่าดูดไขมันยังไง(หัวเราะ)"
ที่มา: manager.co.th
