Author Topic: “ไมค์” รับฉีดดั้งโด่ง บอก ไม่ได้อยากเสริมดวงเพราะดั้งเดิมก็ดังอยู่แล้ว  (Read 1749 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


      “ไมค์” รับ ฉีดฟิลเลอร์ให้ดั้งโด่ง แต่ไม่ถึงขั้นศัลยกรรม บอก ไม่อยากเอาชื่อเสียงและหน้าตามาเสี่ยง พร้อมโว ไม่ได้อยากเสริมดวงเพราะดั้งเดิมก็ดังอยู่แล้ว ยัน ภาพหลุดนั่งแท็กซี่กับ “วิว” มีแม่ฝ่ายหญิงอยู่ด้วย ย้ำ ตอนนี้ความสัมพันธ์ไม่มีอะไรคืบหน้า อยากโฟกัสเรื่องงานมากกว่า ส่วนเรื่องเกณฑ์ทหารเจ้าตัวลั่น เรียนจบเมื่อไหร่รับใช้ชาติแน่นอน เพราะอยากใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาดูบ้าง
       
       เป็นอีกหนึ่งหนุ่มฮอตที่โดนจับตามองตลอด สำหรับนักร้องจากค่ายแกรมมี่ “ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็เป็นข่าวได้ซะหมด ล่าสุดตั้งแต่แยกตัวจากพี่ชาย “กอล์ฟ พิชญะ” ออกมาทำอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง ก็มีคนสังเกตว่าหนุ่ม “ไมค์” ดูหน้าตาเปลี่ยนไป โดยเฉพาะจมูกที่แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด เลยเป็นเรื่องเม้าท์กันให้แซดว่าไปทำหน้า เหลากราม เสริมคางมาแน่นอน ซึ่งล่าสุดได้เจอเจ้าตัวในงานเปิดตัว ตู้เย็นซัมซุง ณ ลานอีเดน ชั้น G เซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า นักร้องหนุ่มก็เผยถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ได้ไปทำศัลยกรรม แค่ไปฉีดฟิลเลอร์(Filler)ที่จมูกให้ดั้งโด่งเท่านั้น
       
       “ก็ทราบกระแสข่าวนี้ที่หาว่าผมไปศัลยกรรมนั่นนี่ ผมก็ไม่ได้คิดว่าหน้าตาดีขึ้นหรือว่าหน้าตาดีอยู่แล้วหรืออะไร จริงๆ จมูกของผมพูดได้เลยว่ามันเป็นฟิลเลอร์ แล้วก็อยู่ได้ 6 เดือน แล้วผมก็ดังด้วยดั้งปกติของผมอยู่แล้ว จริงๆ ก็มีหลายคนบอกว่าผมไม่ต้องไปเติมแต่งอะไร ไม่ต้องไปทำศัลยกรรม เพราะศัลยกรรมจริงๆ แล้วมันคือการผ่าตัด และการผ่าตัดมันก็ 50-50 อยู่แล้ว ซึ่งถ้าคุณยอมที่จะเอาตัวเองไปเสี่ยงตรงนั้น และคุณมีชื่อเสียงอยู่แล้ว 50-50 ก็คือถ้าดีก็ดีมากไปเลย แต่ถ้าไม่ดีคุณก็อยู่อย่างนั้น คนก็จะด่าว่าซ้ำ”
       
       “ซึ่งผมคิดว่าถ้าอยากจะลองสิ่งใหม่ๆ หรือว่าอะไรที่มันอยู่ในเทรนด์ เราลองอะไรที่มันไม่ถาวรดีกว่า เราลองอะไรที่มันอยู่แป๊บเดียวแล้วก็ไปดีกว่า เพราะเราก็ไม่ได้หน้าแย่ขนาดต้องไปแก้ขนาดนั้น ก็ยอมรับว่าแค่ไปทำฟิลเลอร์แค่ที่จมูกครับ ส่วนอย่างอื่นไม่มีแน่นอน อย่ามาบอกว่าผมฉีดคาง เพราะคางยาวมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ เป็นปมด้อยของผมด้วยซ้ำไป แต่ถามว่าทำแล้วพอใจไหม ผมก็อยากจะถามเหมือนกันว่าทำแล้วมันต่างกันตรงไหนเหรอ เพราะว่าปกติจมูกผมพอหันข้างมันก็ดูโด่งอยู่แล้ว พอไปทำมามันก็แค่อาจจะเติมเต็มบางส่วนที่มันขาดหายไป เช่นจมูกอาจจะหักลงนิดหน่อย ซึ่งมันก็ไม่ได้เยอะมาก”
       
       “แต่จริงๆ ผมก็พอใจกับหน้าตัวเองอยู่แล้วตั้งแต่แรก เรื่องศัลยกรรมก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำนะครับ แต่ว่าเสี่ยงมาก ถ้าจะทำมันไม่คุ้มกับเรื่องชื่อเสียงของเราและสิ่งที่เราต้องทำอีกเยอะแยะมากมาย ผมก็คงไม่เอาไปเสี่ยงกับตรงจุดๆ นั้น แต่ที่บอกว่าหล่อขึ้น ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ เพราะเวลาเดินไปไหนก็ไม่เห็นมีใครมากรี๊ดกร๊าดเพิ่มเลย แล้วอย่างเมืองนอกก็ไม่ได้มีคนมาสนใจผมเลยนะ”
       
       “แต่ถามว่าท้อกับข่าวไหม ถ้าเป็นสมัยก่อนก็อาจจะมีบ้าง แต่คิดว่าสิ่งที่จำเป็นในตอนนี้สำหรับผมก็คืองาน และสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าก็เป็นงานของพวกพี่ๆ สื่อเหมือนกัน แล้วผมก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นอะไรที่ลบขนาดนั้น เพราะว่าผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งข่าวต่างๆ นานาสุดท้ายมันก็เป็นข่าว และผมผ่านจุดนั้นมาได้ 10 ปีแล้ว ซึ่งถ้าจะผ่านตรงนี้ไปได้อีกผมก็ผ่านไปได้แน่นอน คนรอบข้างผมคอยสนับสนุนผม คอยเป็นกำลังใจให้ผม และผมก็จะไม่ทำให้พวกเขาคิดหวัง”
       
       เผย ภาพปาปารัสซี่ที่โดนถ่ายขณะอยู่ในรถแท็กซี่กับนางเอกสาว “วิว วรรณรท สนธิไชย” ยืนยันว่ามีแม่ของฝ่ายหญิงอยู่ด้วย บอก ตอนนี้อยากเน้นเรื่องงานมากกว่า ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องความรัก
       
       “กับวิวที่มีภาพในแท็กซี่ ทุกรูปที่ลงคืออยู่ที่สยามหมดเลย ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้ขึ้นกับเขาสองคน แต่ว่าถูกตัดคุณแม่ออกไป ซึ่งไมค์กำลังคุยเรื่องงานกับคุณแม่เขาอยู่ข้างๆ ส่วนวิวก็ซื้อขนมกินอยู่ แล้วพอขึ้นรถกลายเป็นว่าไมค์นั่งขวา วิวนั่งกลาง คุณแม่นั่งซ้ายก็เลยไม่เห็นคุณแม่ ซึ่งทุกคนคงรู้นะครับว่าเป็นไปไม่ได้ที่วิวจะห่างจากคุณแม่ แม่เขาอยู่กับวิวและคอยดูแลตลอดเวลา ซึ่งวันนั้นไปกินข้าวตามปกติ แล้วก็นั่งรถไปคุยงานประชุมอีกที่นึงครับ”
       
       “ผมก็สนิทกับคุณแม่ของวิวครับ สนิทมาก เพราะจริงๆ รู้จักคุณแม่ก่อนที่จะรู้จักวิวด้วยซ้ำ แล้วก็คุยเยอะกว่าด้วย แต่ความสัมพันธ์ตอนนี้เรียกได้ว่าเฉยๆ นะครับ เพราะว่าผมโฟกัสเรื่องงานมากอย่างที่เห็น ทุกอย่างที่ผมพูดจะเป็นเรื่องงานหมดไม่ว่าจะเป็นกับคุณแม่หรือพูดกับวิว คือยังไม่ค่อยสนใจเรื่องของความสัมพันธ์ตอนนี้ครับ คิดว่าเราลุยเรื่องงานก่อนดีกว่า และยังมีคนอีกหลายๆ คนที่รอเราอยู่ รอผลงานของเรา แฟนคลับที่ยังรออยู่ และยังมีอีกหลายอย่างที่ไมค์อยากทำ ไมค์ยังไม่อยากเสียเวลาตรงนั้นตอนนี้”
       
       “ซึ่งงานเราก็ยุ่งอยู่แล้ว ถ้าสมมติคบกันไปแล้วไม่มีเวลาให้กันก็ต้องแยกกันอีก คบๆ เลิกๆ เหมือนฉายหนังซ้ำไปเรื่อยๆ มันก็น่าเบื่อ ผมคิดว่าทำอะไรที่มันสนุกกว่านี้ดีกว่า ทำอะไรที่มันเกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตแล้วก็แปลกใหม่ให้เราตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาดีกว่า แต่วิวเขาก็เข้าใจในสถานะนี้ครับ แล้วเขาก็บอกกับทุกคนว่าไมค์เป็นเพื่อน แต่ในอนาคตเราไม่สามารถรู้ได้ เพราะคนที่เราอยู่ด้วยก็แน่นอนว่าต้องมีความรู้สึกผูกพันขึ้น เราก็ไม่สามารถบอกอนาคตได้ ซึ่งผมก็บอกอะไรไม่ได้ในตอนนี้ แต่ถามว่าวิวเป็นกำลังใจสำคัญไหม จริงๆ ทุกคนก็เป็นกำลังใจสำคัญหมด แต่อยู่ที่ว่ามันเป็นพาร์ทส่วนไหนแค่นั้นเองครับ”
       
       บอก ขอผ่อนผันทหารเป็นปีที่ 2 แล้ว เพราะตอนนี้ติดเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ถ้าเรียนจบเมื่อไหร่พร้อมเกณฑ์ทหารแน่นอน เพราะอยากรับใช้ชาติ และอยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปบ้าง
       
       “เรื่องเกณฑ์ทหารตอนนี้ผ่อนผันไว้ก่อน เพราะตอนนี้ผมไปเข้าอักษร จุฬาฯ ครับ ก็มีสถานะของนักศึกษาด้วย ปี 1 ครับ เพิ่งไปสมัครมา แต่สำหรับการผ่อนผันปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้ว ซึ่งตอนนี้เราก็ติดภารกิจหลายอย่างอยู่ ไม่อาจหลีกเลี่ยงภารกิจเหล่านี้ได้ ก็ถือเป็นการทำเพื่อชาติเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเรียนจบก็คงจะเกณฑ์ครับ เพราะเราอยากลองไปใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาดูบ้าง อยากจะไปวิ่งออกกำลังกายหรือได้รับใช้ชาติด้วย ซึ่งผมก็รู้สึกว่าถ้าเรามีโอกาสใดโอกาสหนึ่งที่พอที่จะไปแตะตรงจุดนั้นได้ในสิ่งที่เขาเรียกกันว่าธรรมดา ผมก็จะลองดูครับ ถามว่ากลัวเหนื่อยไหม ทุกวันนี้ที่ทำอยู่ก็เหนื่อยอยู่แล้ว”
       
       “ตอนนี้งานก็ถือว่าโอเค คือผมตั้งใจไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วก็ถือว่าสำเร็จผล เพราะอัลบั้มก็ยังไม่ได้ออก แต่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็เป็นที่พอใจของผู้ใหญ่ทางแกรมมี่และเป็นที่พอใจของผู้ใหญ่ที่บ้านไมค์ด้วยครับ ก็รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีมากและรู้สึกดีใจที่เพลงใหม่ของผมมีแฟนๆ ร้องตามได้แล้ว และฟีดแบคดีขนาดนี้ จริงๆ เพลง AYO เพิ่งปล่อยไปตามคลื่นวิทยุ และมิวสิคก็เพิ่งออกไป ก็ตื่นเต้นกับฟีดแบคที่ได้กลับมา เพราะว่าลงทุนไปหลายล้านเหมือนกัน ก็ถ้าไม่ได้ฟีดแบคที่ดีอย่างนี้กลับมาก็คงเสียดายและคงขาดทุน แต่เป็นที่น่าพอใจจริงๆ ครับ”
       
       “แต่ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษด้วยถ้าไปงานไหนแล้ว อาจจะทำได้ไม่ดีพลาดหรืออะไร แต่ไมค์จะไม่ไปยึดติดกับตรงนั้น แต่จะคิดถึงอนาคตว่าจะทำยังไงให้มันดีต่อไป ก็ขอแรงสนับสนุนจากทุกคน แล้วก็ยังไงก็ขอบคุณมากครับ แต่วันงานคอนเสิร์ตที่พัทยาเต้นพลาดไปค่อนข้างเยอะ เพราะวันนั้นไมค์ใส่บู๊ทซึ่งมันหนักพอสมควร แค่ยกขาก็ขาสั่นแล้ว จริงๆ ไมค์คิดว่าโชว์นั้นน่าจะไปได้มากกว่านี้นะ แต่ก็อย่างที่บอกว่าขอโทษด้วยถ้าโชว์ไม่ดีหรืออะไรต่างๆ แต่จะทำให้ดีกว่านี้ในคราวหน้าแน่นอน จะพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก”
       
       “ซึ่งเรื่องของการเต้นจริงๆ ไมค์ก็เต้นเหมือนเดิมทุกอย่าง สไตล์เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ที่มีเพิ่มขึ้นมาคือข้างในของไมค์ สิ่งที่ไมค์ไปพัฒนามาหนึ่งปีนี้ก็คืออินเนอร์ครับ เหมือนกันการแสดงที่ต้องมีอินเนอร์ นี่ก็เช่นเดียวกันไม่ใช่แค่มาเต้นตามท่า หรือแค่ก็อปปี้ออกมา แต่มันคือการสื่อสารผ่านทางท่าเต้น ไม่จำเป็นต้องเต้นเยอะ เต้นเร็ว เต้นแรงเกินไป แต่ตราบใดที่คุณสื่อสารมันออกมามันจะออกมาเอง ทำให้การเต้นของไมค์ก็ดีขึ้นด้วย”
       
       “ท่าเต้นส่วนใหญ่จะเป็นการฟรีสไตล์ที่คิดสด แต่ที่เต้นพร้อมกันก็คือตอนที่เต้นกับแดนเซอร์ช่วงท่อนฮุค ซึ่งท่าเต้นก็ได้จากทางอเมริกาเลย ซึ่งรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ทำงานกับมืออาชีพขนาดนี้ เราก็จะได้ไปในระดับที่เขาอยู่ให้ได้ ซึ่งมันก็ต้องดิ้นรนกันนิดนึง ก็ค่อนข้างยากนะครับ เพราะก่อนถ่ายเอ็มวีผมซ้อมได้แค่ 2 วัน เนื่องจากว่าเวลาของเขาไม่ตรงกับของเราและยังมีอย่างอื่นอีกมากมาย ทำให้ไมค์มีเวลาซ้อมแค่ 2 วันเท่านั้น ก็เต้นประมาณ 4-6 ชั่วโมงโดยไม่หยุดเลยต่อวัน พอกลับบ้านก็มาเต้นต่อ และพอถึงเวลาก็ต้องมานั่งทวนท่ากันอีก หลายอย่างมาก”
       
       “ตอนแรกก็ลุ้นเหมือนกันว่าพอออกมาคนจะรับไหวไหม เพราะมีประเทศอื่นมากมายที่เอาเพลงเข้ามาในประเทศเรา แต่บ้านเราก็ยังรับได้ ก็พิสูจน์แล้วว่าบ้านเรารับสิ่งเหล่านี้ได้ ก็เลยคิดว่านี่คือสิ่งที่เราสามารถทำได้ คนไทยทำได้จริงๆ ครับ ถ้าเห็นเอ็มวีผมแล้วจะรู้ว่าคนไทยสามารถไปถึงระดับอินเตอร์เนชั่นแนลได้ แล้วผมก็เป็นคนตัดเอ็มวีร่วมกับผู้กำกับของผมด้วย ซึ่งเข้าไปนั่งในห้องตัดต่อเองเลยว่าจะเอาเท่านี้ๆ เป็นจังหวะนี้ เอารายละเอียดทุกอย่างเข้าไปเท่าที่ความสามารถเรามีพอครับ”
       
       “ปลื้มครับ แฟนคลับจากบราซิล จากสเปน ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นที่เป็นหลักๆ เลย ซึ่งตอนนี้เขาประสบภัยอยู่แล้วไมค์กำลังคิดว่าจะไปคอนเสิร์ตที่นู่น และจะไปดูไปช่วยเขาด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คอนเฟิร์มอะไรเท่าไหร่ แต่เท่าที่ทราบคือวันที่ 17 เมษายน พอเสร็จก็กลับเลย แต่ไมค์ขออยู่ต่อ คุยกับเอเจนซี่ที่นู่นว่ามีอะไรที่ไมค์พอจะช่วยได้ไหม ก็ขอเป็นอาสาสมัครคอยช่วย เพราะไมค์รู้สึกว่าประเทศญี่ปุ่นเขาจัดการเรื่องนี้ได้ดีมากกับเหตุการณ์ที่ร้ายแรงขนาดนี้ และรู้สึกว่าสิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือกำลังใจจากคนทั่วโลก และไมค์อยากจะโชว์ให้เห็นว่ายังมีประเทศเล็กๆ อย่างเราอยู่ที่จะไปเป็นกำลังใจให้เขาครับ ก็จะเป็นคอนเสิร์ตเหมือนงานจ้างครับ แต่ก็คิดว่าอยู่ต่อเลยดีกว่า เผื่อว่าจะทำประโยชน์ให้กับเขาได้บ้าง”







ที่มา: manager.co.th



 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)