Author Topic: ไอทีไทยหวังคอนซูเมอร์ ช่วยพยุงโค้งสุดท้าย  (Read 853 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Reporter

  • Moderator
  • Gold Member
  • *
  • Posts: 1093
  • Karma: +8/-0
  • Gender: Male
    • ซ่อมคอมเชียงใหม่

มรสุมความขัดแย้งทางการเมืองของไทย ส่งผลกระทบต่อหลายๆ กลุ่มธุรกิจ

ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมไอทีไทย ผลพวงดังกล่าวยังแพร่กระจายขยายวงกว้างสู่อุตสาหกรรมไอทีไทยโดยรวมยังซบเซาอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา เม็ดเงินการลงทุนระบบไอทีจากทุกภาคธุรกิจหดลง

สัญญาณร้ายที่บ่งบอกถึงอาการ ด้วยกระแสการปรับลดพนักงานฝั่งไอทีมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ไทยในฐานะฐานการผลิตชิ้นส่วนไอที ทำให้กลุ่มพนักงานโรงงานถูกเลย์ออฟ ก่อนใคร

แม้หลายสำนักคาดการณ์จะทำนายทายทักไว้ว่าอุตสาหกรรมไอทีเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต เพราะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่เมื่อผ่านพ้นไตรมาสแรกไป ผลปรากฏว่าการคาดการณ์แนวโน้มไอที ปรับลดการเติบโตลงเหลือ 5% จากเดิมตั้งไว้อาจจะโตจากปีก่อน 8-9% ด้วยเม็ดเงินราว 1.5-1.6 แสนล้านบาท

ผู้บริโภคคนไทยลดบทบาทความสำคัญเรื่องเทคโนโลยีใหม่ หันไปให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคาแทน ทำให้ผู้ค้าไอทีหันมาเล่นสงครามเลือดห้ำหั่นดัมพ์ราคาสินค้า การปรับแผนตลาด ด้วยการนำแบรนด์ใหม่ ในราคาประหยัดกว่า เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการตลาด พร้อมอัดโปรโมชัน ผ่อน 0% ผ่อนนาน 12-24 เดือน ช่วยกระตุ้นตลาดพีซี โน้ตบุ๊ก รวมไปถึงการเข็นสินค้าแบรนด์ใหม่เข้ามาเสริมทัพ โดยเน้นเข้าเจาะตลาดกลุ่มรากหญ้า กำลังซื้อต่ำ เพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าไอทีมากขึ้น

แต่เชื่อว่ากลุ่มสินค้าไอทีอย่างโน้ตบุ๊กนั้นยังหอมหวานสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการ เพราะล่าสุด ซัมซุงจะแถลงข่าวการเปิดตัวผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก ในวันพรุ่งนี้ (13 พ.ค.) โดยโน้ตบุ๊กที่จะเปิดตัวนั้นมีทั้งระดับไฮเอนด์ และระดับล่าง เพื่อเจาะตลาดที่ยังมีแนวโน้มเติบโตอยู่ โดย เชื่อว่ากลยุทธ์ราคายังเป็นกลยุทธ์หลักที่จะนำมาใช้

ขณะที่ภาพรวมของภาคธุรกิจเอกชน ยังเชื่อว่ามีการลงทุนด้านไอทีอยู่ ไม่ถึงกับหยุด แต่ส่วนใหญ่จะระมัดระวังตัวเพื่อความมั่นใจว่ามีเงินสดหมุนเวียนรองรับธุรกิจให้เดินไปได้

ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ตลาดสินค้าไอทีชะลอตัวอย่างแน่นอน เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว ตลาดไม่มีการซื้อขาย แต่ถ้าเปรียบเทียบตลอดทั้งปี ปีนี้แย่กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยลบที่มีผลกระทบมากสุดของตลาดไอทีมาจากนอกมากกว่าในประเทศ แต่หากรัฐบาลบริหารงานเป็นเรื่องเป็นราว ทำงานอย่างจริงจัง ก็จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นได้

ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้กำลังซื้อไอทีจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยได้แรงผลักดันจากกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป (คอนซูเมอร์) และจะส่งผลต่อมายังกลุ่มองค์กร ผ่านบริการหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาตอบสนองความต้องการของกลุ่มคอนซูเมอร์ ทำให้ตลาดโดยรวมเติบโต และขยายตัวมากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ออกใบอนุญาตการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในคลื่นความถี่ 3จี แล้วละก็ จะกลายเป็นตัวผลักดันให้เกิดการขยายตัวในตลาดสินค้าไอทีอย่างมาก

ทั้งนี้ เพราะจะมีสินค้าไอทีที่สามารถ ตอบสนองการให้บริการ 3จี อีกเพียบเข้าสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก พีดีเอ โฟน เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าฮาร์ดคอร์ ที่ชอบเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไร้สายแบบความเร็วสูงของจริง รวมถึงยังสร้างตลาดใหม่กับกลุ่มที่ชอบ ซื้อสินค้าไอทีเป็นแฟชั่น ที่มีอยู่เยอะมากในตลาดเมืองไทย

เห็นได้จากยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ I-PHONE 3G ของค่ายทรู ที่ดีวันดีคืน ทั้งๆ ที่บริการ 3จี ยังไม่มีให้บริการแต่อย่างใด แต่ลูกค้าก็แห่ซื้อกันใหญ่โต เพื่อให้ได้ชื่อว่า ถือ I-PHONE แม้จะใช้เพียงแค่โทร.เข้า-ออก เพียงเท่านั้นก็ตาม

แต่หากสังเกตให้ดี การขาย I-PHONE ของทรูนั้นยังใช้กลยุทธ์เงินผ่อน เพียงเดือนละไม่ถึงพันบาท เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีราคาเฉียด 3 หมื่นบาทได้มากขึ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มเงินผ่อนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ใช้ในลักษณะแฟชั่น มากกว่าใช้ฟังก์ชันของ I-PHONE

ขณะที่กลุ่มที่ใช้งานฟังก์ชันจริงๆ กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ซื้อเงินสด และซื้อ “เครื่องหิ้ว” จากต่างประเทศ ก่อนที่ทรูจะเปิดตัวนานหลายเดือนแล้ว

ทำให้เห็นได้ว่ากลยุทธ์ด้านราคา และเงินผ่อน รวมถึงสินค้าใหม่โดนใจแฟชั่น คือ 3 กุญแจหลัก ที่จะทำให้อุตสาหกรรมไอทีเมืองไทยเดินก้าวหน้าต่อไปได้ในภาวะวิกฤตอย่างที่เผชิญอยู่ในปัจจุบัน หากสินค้าโดนใจแฟชั่น และตั้งราคาจำหน่ายแพง สามารถขายได้จริงในช่วงแรก แต่ต่อไปยอดไม่ขยับแน่

การขายหลังจากนี้ต้องมีทั้งราคาเหมาะสม และความช่วยเหลือด้านการเงิน อย่างเช่นการผ่อนชำระเข้ามาช่วยเพื่อให้ยอดขายเดินไปได้อย่างที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าภาพการชะลอการลงทุนไปจนถึงปลายปี แล้วมาวัดดวงกันในช่วงโค้งสุดท้าย เพราะถ้าประชาชนทั่วไปซื้อสินค้า องค์กรธุรกิจโดยรวมก็จะเติบโตขึ้นตามไปได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้วิกฤตเศรษฐกิจย่ำแย่แค่ไหน การใช้จ่ายเม็ดเงินลดลงเพียงใด แต่ก็ยังมีธุรกิจที่อาศัยวิกฤตเป็นโอกาสได้ดีนั่นคือ ไร่ ดิจิตอล ออนไลน์ ที่เปิดกว้างรับการลงทุนทุกรูปแบบ โดยอาศัยต้นทุนถูกประหยัดมาเป็นจุดขาย ส่งผลให้โลกไซเบอร์ คือ ขุมทรัพย์ที่ยังคงไม่ได้รับผลกระทบ จากการล่มสลายบนโลกเศรษฐกิจ

ที่มา: posttoday.com


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)