“ครีม” ปัด ไม่ได้ด่า “จ๋า” หน้าปลวกลงในเฟซบุ๊ก อ้าง เขียนลอยๆ ไม่ได้เอ่ยชื่อใคร พร้อมโต้ ไม่เคยดักตบอีกฝ่ายเพราะเรื่องผู้ชาย บอก มีการศึกษาไม่ทำเรื่องแบบนั้น ที่สำคัญหนุ่มที่เป็นข่าวด้วยก็เลิกกันไปนานแล้ว ก่อนเผย ร่วมงานกับจ๋าได้ ไม่มีปัญหา
โดนตรีตราว่าเป็นผู้หญิงแรงมาครั้งหนึ่งแล้ว สำหรับสาว “ครีม เปรมสินี รัตนโสภา” ที่เคยมีภาพหลุดโชว์นิ้วกลาง เพราะมีเรื่องทะเลาะกับคนในลานจอดรถ จนมาถึงกรณีที่สาว “จ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี” มีภาพหลุดกับอดีตหวานใจนาม “โต้ง” เลยมีกระแสหลุดมา ว่าทั้งคู่เกิดเกาเหลาถึงขนาดตบตีกันเพื่อแย่งผู้ชายคนดังกล่าว ลากยาวมาถึงกรณีที่สาวครีม ทนไม่ไหวเขียนระบายในเฟซบุ๊กทำนองว่า คนที่แย่งแฟนตนไปหน้าเหมือนปลวก เลยทำให้หลายคนคิดว่าคนที่สาวครีม ด่าเป็นสาวจ๋า แต่พอสอบถามกับเจ้าตัวสาวครีม
“ไม่ได้พูดถึงชื่อใครนี่คะ ครีมก็แค่เขียนอะไรลงไป บางทีมันไม่ใช่เรื่องจริง บางทีเรารู้สึกว่า บางทีเราอยู่เฉยๆ แต่ว่าเรื่องก็มาเกี่ยวกับเราเอง มันเป็นแบบนี้ประจำ ทั้งๆ ที่ครีมอยู่เฉยๆ แต่มันก็เป็นแบบนี้ ทำงานครีมก็อยู่กับเพื่อนกลับบ้าน และมันก็มีข่าว บางทีมันก็งงๆ ว่ามันเกิดมาได้ยังไง เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราอยู่เฉยๆ จริงๆ แต่ไม่รู้ว่ามันมีข่าวมาจากไหน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด ใครเป็นคนเขียน”
“ถ้าใครคิดว่า เป็นพี่จ๋าก็ไม่ได้พูดถึงชื่อใครค่ะ แล้วที่มีกระแสข่าวว่าตบกัน ครีมก็ทำงานและครีมก็รู้สึกว่า เราไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปไหน ถ้าครีมไปทำแบบนั้นจริงๆ ครีมรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นต้องทำ โตกันแล้ว แล้วอีกอย่างนึงการศึกษาก็มี คงไม่ต้องไปทำอะไรขนาดนั้น ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอกค่ะ ก็เห็นข่าวว่าครีมก็ทะเลาะกับทุกคน แต่ไม่หรอก ครีมก็ร่วมงานได้กับทุกคน ครีมมีไม่ปัญหาอยู่แล้ว ไม่มีเกาเหลาไม่มีทะเลาะอะไรกันแน่นอน”
“และจริงๆ กับผู้ชายที่มีข่าว เรื่องมันก็นานมาแล้ว มันจบไปแล้วค่ะ ครีมไม่ได้รู้จัก ไม่ได้สนิทกับเขาแล้ว เขาจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขาค่ะ ไม่ได้อยากพูดถึง เขาก็ไม่ได้เป็นคนในวงการหรืออะไร ครีมก็เลยคิดว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะว่าโดยส่วนตัวจริงๆ เป็นคนไม่ได้อยากสร้างกระแส เราทำงานเราก็อยากให้คนดูที่ผลงานเราค่ะ”
ไม่หวั่นตอกย้ำภาพผู้หญิงแรง แจง ทุกคนทำอะไรมีเหตุผล
“ทุกคนทำอะไรมีเหตุผลของตัวเองกันหมด และดารานักแสดงก็คือคนธรรมดาคนนึง มันก็ต้องมีอารมณ์รักโลภโกรธหลงอยู่แล้วปกติค่ะ แต่ว่าบางทีที่มีเรื่องมันก็มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริงค่ะ บางทีมันอาจจะมีมูล คนก็เลยเขียนออกมา แต่บางทีเราอยู่เฉยๆ ก็มีคนเขียนออกมาได้ บางทีเราก็ต้องใช้วิจารณญาณและก็ต้องดูว่าอันไหนจริงไม่จริง”
ที่มา: manager.co.th
