Author Topic: “กรพินธุ์” จูงมือ “ดีเจเอก” เข้าประตูวิวาห์ หลังคบ 14 ปี ลั่น ไม่มีคำสัญญา แต่พิสูจน์ด้วยการ  (Read 1150 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




อดีตนักร้องสาวอาร์เอส “กรพินธุ์” เข้าสู่ประตูวิวาห์แล้ว กับ “ดีเจเอก” แห่งเอไทม์ หลังคบกันยาวนาน 14 ปี เจ้าบ่าวเผย ขอแต่งงานถึง 3 ครั้งกว่าจะสมหวัง สุดแฮปปี้ที่มีวันนี้ บอก ไม่มีคำสัญญา แต่พิสูจน์ด้วยการกระทำ ด้านเจ้าสาวแย้ม ประทับใจที่ความเสมอต้นเสมอปลาย และเป็นทุกอย่างในชีวิต ลั่น ยังไม่พร้อมมีลูก ส่วนสินสอดมีทั้งแหวนเพชร ทอง และเงินสด รวมมูลค่าล้านกว่า
       
       จูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ไปเรียบร้อยสำหรับ “พิน กรพินธุ์ พ่วงโพธิ์” อดีตนักร้องค่ายอาร์เอสวัย 34 ปี และ “ดีเจเอก กฤษณาวารินทร์” ดีเจหนุ่มจากเอไทม์ มีเดีย วัย 40 ปี หลังคบหาดูใจกันมายาวนาน 14 ปี ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำคืนที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ทั้งคู่ก็ถือฤกษ์ดีจัดงานฉลองวิวาห์ขึ้นที่ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ถนนวิทยุ ท่ามกลางครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนพ้องทั้งในและนอกวงการ เดินทางมาร่วมอวยพรอย่างอบอุ่น อาทิ ว่าน ธนกฤต พานิชวิทย์ ที่ควงมากับหวานใจ พิมพ์ พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร, เก๋ ชลดา เมฆราตรี ฯลฯ โดยมี เจ๊ฉอด สายทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา บิ๊กบอสเอไทม์ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี ซึ่งก่อนที่พิธีต่างๆ จะเริ่มขึ้น ทั้งคู่ก็ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนด้วยใบหน้าชื่นมื่นว่า...
       
       กรพินธุ์ : "ตอนแรกที่เจอกัน พินเป็นคนที่ชอบประกวดร้องเพลงอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ก็ไปประกวดโครงการนัทมีเรีย ซิงกิ้ง คอนเทส ได้รับรางวัลชนะเลิศ แล้วก็ได้มีโอกาสไปโชว์ในรายการที่พี่เอกเป็นพิธีกร ก็เลยได้เจอกันเป็นครั้งแรก"
       
       ดีเจเอก : "ตอนแรกก็ยังไม่ค่อย เขาดูเรียบๆ อย่างภาษาพูดก็เป็นบ้านๆ ตอนนั้นเขายังเด็กมาก ยังเรียนไม่จบเลยก็มาประกวดแล้วก็ชนะแล้วก็มาออกรายการ รายการเป็นรายการเพลงอยู่แล้ว เป็นแขกรับเชิญ มีศิลปิน ดารา แล้ววีคก็มีแขกพิเศษเพิ่มมา เขาชนะซิงกิ้งของนัทมีเรีย เลยมาโชว์ในรายการ เห็นครั้งแรกก็ประทับใจเลยครับ ยิ้มให้แล้วไม่ยิ้มตอบ สุดยอดเลย"
       
       กรพินธุ์ : "ตอนนั้นมองไม่เห็นค่ะ แต่ว่าพอหลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสไปโชว์อีกครั้งนึง ครั้งที่สองนี้ก็เลยได้คุยกัน พี่เอกบอกว่าร้องเพลงเพราะเหมือนเดิมเลยนะครับ ก็คบกันก่อนจะเป็นนักร้องที่อาร์เอส ยังเรียนอยู่ ปี 2 ปี3 อยู่เลย"
       
       ดีเจเอก : "ประทับใจตรงที่เขาเป็นคนง่ายๆ มองโลกในแง่ดี สบายๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรแบบลึกๆ ในใจ มันไม่ซับซ้อน แล้วก็เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วคนรอบตัวผมไม่อึดอัดเพราะรู้สึกว่าเขาอยู่ด้วยเขาก็อยู่กับเราได้"
       
       กรพินธุ์ : "พี่เอกตั้งแต่รู้จักจนถึงทุกวันนี้ เหมือนเดิมเสมอต้นเสมอปลาย เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นตลอด แล้วก็เราสามารถที่จะปรึกษาได้ทุกเรื่อง อยู่ด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่น เขาเป็นทุกอย่างจริงๆ ในชีวิต จริงๆ แล้วตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงทุกวันนี้ด้วยอาชีพการงาน จึงทำให้เราไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ เมื่อก่อนเป็นนักร้อง ก็จะเจอกันยากนิดนึง แล้วตอนนี้ได้เป็นแอร์โฮสเตสแล้วพอมีบิน ก็จะไปทีสิบกว่าวันค่ะ ก็นานๆ ที แต่เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ตอนที่ไปบินก็จะโทร.คุยกันตลอด ติดต่อกันตลอด เหมือนกับว่าเราก็ไม่ได้ห่างกันไปไหน"
       
       ดีเจเอก : "เราได้เรียนรู้ด้วยระยะเวลาที่ยาวพอสวมควร มันทำให้เราค่อยๆ เรียนรู้กัน อย่างที่น้องเขาบอก อาชีพเราสองคนมีโอกาสเจอะเจอคนอื่นบ้างแต่พอไปศึกษากันจริง ลองคุยแล้วมันก็รู้สึกว่าไม่ใช่ คนนี้แหละใช่ที่สุดแล้ว ไม่ใช่ว่าเราลงตัว มุมมองความคิดต่างๆ เหมือนกันหมด พื้นเพจริงๆ แล้วค่อนข้างแตกต่างกันด้วยซ้ำไป นิสัยต่างความชอบอะไรแตกต่างกัน แต่ปรากฏว่า ความแตกต่างของเรามันกลับมาเติมเต็มความแตกต่างของซึ่งกันและกัน มันก็เลยลงตัว คือเขาก็มีในสิ่งที่ผมไม่มี ผมก็มีในสิ่งที่เขาไม่มี พอมาอยู่ด้วยกันไม่รู้สึกว่ากดดันมาก เขาไม่ต้องการมาอยู่ในโลกส่วนตัวผมมากจนเกินไป เวลาผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องพยายามเป็นคนอื่น ไม้ต้องไปเอาใจ ไม่ต้องเป็นคนดีเพื่อที่จะเอาใจเขาเพื่อให้เขารัก เราสามารถเป็นตัวของเราเองได้ เราสามารถมีมุมแย่ๆได้ สามารถทำอะไรไม่ดีได้ ทำอะไรน่าเกลียดได้ เขาก็รับได้"
       
       กรพินธุ์ : "ก็เหมือนกับว่าเราสองคนก็มีโลกส่วนตัวเหมือนกัน แต่ด้วยความที่มีโลกส่วนตัว เราก็มีกันและกันตลอดเวลาได้"
       
       ดีเจเอก ลั่น ก่อนได้แต่ง ตนพยายามขอแต่งงานมาแล้วถึง 2 ครั้ง เผย ไม่มีคำมั่นสัญญา เน้นพิสูจน์ด้วยการกระทำ
       
       ดีเจเอก : "จริงๆ เรื่องแต่งงาน ผมพลาดมาสองรอบ ผมขอเขามาสองครั้งแล้ว มาสำเร็จครั้งที่สาม ครั้งแรกเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วได้ ครึ่งนึงพอดี ขึ้นหลักเจ็ดพอดีมันเป็นเลขอาถรรพ์หลายๆ คนบอกว่าเรียบร้อยแน่นอน ไม่น่าจะรอด แต่ว่าเราก็ผ่านมาได้ เลยลองแย็บๆ ถามเค้าแต่ก็ไม่ได้จริงจัง พูดแบบทีเล่นทีจริง ฟอร์มเยอะ เลยพลาดเลย แต่งงานกันไหม เขาก็ตอบว่า ฮือ...ยังไม่พร้อมอ่ะ คือตอนนั้นเขามีอะไรต้องทำเยอะ เขาดูแลคุณแม่ด้วย เขาอยู่กับคุณแม่สองคนต้องดูแล แล้วก็เพิ่งเปลี่ยนอาชีพ เพิ่งจะเริ่มต้นการเป็นแอร์ ก็เลยรู้สึกสนุกกับชีวิตในตอนนั้น ก็เลยยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวมากกว่า"
       
       ขอแต่งครั้งที่สองประมาณ สามปีที่แล้ว
       กรพินธุ์ : "ได้ไปงานแต่งงานเพื่อนพี่เอก ก็จะประมาณว่า งานแต่งงานเราเมื่อไหร่ล่ะ"
       
       ดีเจเอก : "พอดีเขาพูดมาไงงานน่ารักนะ งานดูดีนะ ผมก็เสียบเลย เมื่อไหร่จะมีงานของเรา"
       
       กรพินธุ์ : "พินก็อึ้ง ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เขาก็หน้าสลดไปเลย"
       
       ดีเจเอก : “โดนตบหน้าเนตไปสองรอบ ก็เลยพลาดไป แล้วก็ล่าสุดคือหลังจากนั้นอีกสองปี เมื่อปีกว่าๆ ที่ผ่านมา เขาก็เริ่มลงตัวกับชีวิตมากขึ้น เขาก็มาแบบเห็นคนโน้นคนนี้แต่งงานกัน ก็เลยอยากมีอะไรแบบนี้บ้าง เขาก็เกริ่นมา เอ้อ..น่าแต่งงานเนอะ พร้อมแล้วนะ อยากมีงานแต่งงาน เขาก็พูดลอยๆ ตลอดเวลา ผมก็นิ่งบ้าง”
       
       กรพินธุ์ : “(หัวเราะ)เห็นเงียบไปแล้ว แล้วไมไม่พูดถึงอีกเลยเขาพูด หมดโปรโมชั่นแล้ว ฉันจะไม่ขออีกแล้ว เริ่มเล่นตัว”
       
       ดีเจเอก : “มันหมดโปรโมชั่นแล้ว เพราะว่าสองครั้งแล้ว แต่จริงๆ ก็แอบดีใจอยู่ลึกๆ ในใจ ผมจะแกล้งเขาคืน ก็เลยทำนิ่งๆ ไป ไม่สนใจ จนวันเกิดเขาปีที่แล้วเดือนมีนาคม ปกติผมจัดรายการตอนกลางจัดสองทุ่มถึงเที่ยงคืน แล้วเวลาที่ผ่านมาเวลาถึงช่วงสำคัญ วันเกิด วันวาเลนไทน์ วันปีใหม่ เขาจะติดบินตลอด ก็จะต้องมีบินไปเมืองนอก ไม่มีโอกาสที่จะอยู่ด้วยกัน ส่วนปีที่แล้วพอดีจังหวะมันเหมาะ วันคล้ายวันเกิดเขาได้อยุ่ที่กรุงเทพพอดี ซึ่งเป็นช่วงพักระหว่างการบินของเขา ผมก็วางแผนเลย คือปีนี้ไม่ได้ลาไว้เดี๋ยวไปจัดรายการตามปกตินะ เขาก็อยู่บ้าน เขาก็โอเคไม่เป็นไรเขาก็เข้าใจ ผมก็ไปซื้อเค้กอันนึงเป็นแยมโรล พินเขาชอบกินชาเขียวผมก็ไปซื้อแหวนเพชรวงนึง โอ้โหเหมือนในหนังเลย”
       
       “พอซื้อมาปุ๊บ แล้วก็เอาแหวนใส่เข้าไปในแยมโรลยัด แล้วก็แอบไปเซอไพรซ์ที่บ้านตอนประมาณเกือบสามทุ่ม เขาเห็นเขาก็ตกใจ ไหนบอกไปจัดรายการ ผมบอกก็ตั้งใจไว้ จริงๆ ผมเป็นคนชอบเซอไพรซ์เขาตลอดเวลา คือไม่ได้หวานแต่ชอบแกล้งมากกว่า ก็ให้เขาแปลกใจให้ตกใจ ดีใจก็นี่ซื้อเค้กมาแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ก็นั่งกินกัน พอเขาตักกินปุ๊บเขาก็เจอ เคี้ยวดังกรุบ หมดไปหลายหมื่นเลยทีเดียว”
       
       กรพินธุ์ : “ตอนนั้นก็ดีใจค่ะ น้ำตาร่วงตรงนั้นเลย ก็พี่เอกเขาบอกว่าแต่งงานกับพี่นะ ก็ตกลงเลย”
       
       เผย สิสอดก็มีแหวนหมั้น 3 กะรัต เครื่อเงพชร ทองคำแท่ง รวมประมาณล้านกว่า
       ดีเจเอก : “สินสอดก็มีแหวนอันนี้ที่พินใส่ แม่บอกว่าประมาณ 2-3 กะรัต และเครื่องเพชรที่พินเขาสวมใส่อยู่ มีทองอีกชุดนึง เป็นสร้อยทองแล้วก็ทองคำแท่ง รวมๆ แล้วก็น่าจะอยู่ที่ประมาณล้านกว่าๆ เงิดสด โฉนดที่ดิน เรือนหอ รวมพร้อมเลยครับ”
       กรพินธุ์ : “วางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันกุมภาพันธ์นี้ ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าฮันนีมูนหรือเปล่าเพราะมีเพื่อนไปอีก สิบกว่าคน เป็นโขยง”
       
       ดีเจเอก : "ส่วนคำสัญญา เราอยู่กันมาถึงขั้นไม่ต้องมีคำสัญญาแล้ว สิ่งที่เราเคยทำ เคยปฏิบัติ มันมากว่าคำสัญญาไปแล้ว"
       
       กรพินธุ์ : “พี่เอกเคยพูดว่า พี่เอกจะไม่สัญญาอะไร แต่อยู่ที่การกระทำของเขามากกว่า 14 ปีก็พิสูจน์กันมาแล้ว ก็รอดูไปอีกตลอดชีวิต”
       
       แย้ม เรื่องทายาทขอเวลาอีกหน่อย ยันไม่ได้เกลียดเด็กแต่แค่เบื่อ
       
       ดีเจเอก : “คือสิ่งหนึ่งที่เราสองคนเข้ากันได้ดี คือเราสองคนชอบเที่ยวด้วยกัน ชอบเดินทาง ลุยๆ เราก็เคยคุยกัน หากเรามีลูกแผนชีวิตมันจะเปลี่ยนไปหมดเลยนะ มันไม่สามารถจะเที่ยวได้ต่อไปแล้ว เราต้องวางแผนเผื่อเขาในอนาคตอีกหลายปีเลยทีเดียวกว่าเขาจะโต กว่าเขาจะดูแลตัวเองได้ กว่าที่เราจะปล่อยเขาไปสู่โลกได้เนี่ย ใช้เวลาอีกเยอะ มันคงจะตัดขาดเรื่องราวส่วนตัวของเราไปเลย คือเราเคยคุยกันแล้วว่า เรายังไม่อยากมีลูก เพราะที่บ้านผมหลานเยอะมาก เบื่อเด็กมากเลย ไม่ได้เกลียดเด็กนะ แล้วตัวพินเองเขาก็รู้สึกว่าไม่ค่อยอยากจะมีเท่าไหร่”
       
       กรพินธุ์ : “แต่มันก็ไม่แน่นอนนะคะ”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)