Author Topic: “นาธาน” เผย “เลดี้ กาก้า” ชี้ทางสว่าง ปลดแอกตัวเองเลิกโกหก ลั่นไม่เสียใจกับมหากาพย์ลวงโลก  (Read 1093 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai

“นาธาน” เผย “เลดี้ กาก้า” ชี้ทางสว่าง ปลดแอกตัวเองเลิกโกหก ลั่นไม่เสียใจกับมหากาพย์ลวงโลก บอกตายไปคนก็ยังพูดถึง



“นาธาน” สารภาพสิ้นไส้เป็นจอมลวงโลก โกหกทุกเรื่องตั้งแต่สัญชาติจนถึงได้เล่นหนังฮอลลีวูด อ้างมีกุนซืออยู่เบื้องหลังเซ็ทฉากชีวิตให้ตั้งแต่เข้าวงการ ประกาศปลดแอกตัวเองออกจากโลกโกหก ต่อไปจะพูดแต่ความจริง หลังชมมิวสิคฯของ “เลดี้ กาก้า” ไม่สนคนประณาม บอกเป็นประสบการณ์ที่ดี ตายไปคนก็ยังจำชื่อตนได้
       


       
       เคยลั่นวาจาต่อให้กี่ชาติก็จะไม่ยอมไปออกรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” แต่สุดท้ายจอมลวงโลก “นาธาน โอร์มาน” ก็กลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อหลังชนฝาหมดทางดิ้น และไม่มีใครให้ความสนใจอยากเชิญไปออกรายการอีก เจ้าตัวเลยทิ้งไพ่เด็ดซึ่งเป็นไม้ตายผ่านรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” ด้วยการเปิดปากยอมรับว่า ที่ผ่านมาเป็นจอมลวงโลก โกหกหมดทุกเรื่องตั้งแต่เป็นลูกครึ่งเนปาล เคยเจอมัคนารีผลในป่าหิมพานต์ เป็นเด็กอัจฉริยะพูดได้ 5 ภาษา โกอินเตอร์เล่นหนังฮอลลีวู้ดประกบ “บรู๊ซ วิลลิส” และ “คริสติน่า ริชชี่” ฯลฯ โดยโบ้ยให้ทั้งหมดเป็นการเซ็ทฉากของกุนซือที่อยู่เบื้องหลัง แต่เรื่องที่หลุดจากปากของ “นาธาน” นี้จะเชื่อได้หรือไม่ พิธีกรอย่าง “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” พูดย้ำตลอดรายการว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการชม
       
       “ธานเคยพูดจริงว่า....ฝันไปเถอะไม่มีทางมาออกรายการนี้แน่ แล้วไม่ต้องติดต่อมาเลย ฝันไปเลย ต่อให้กี่ชาติก็ไม่ออกรายการนี้ จนคิดได้ว่าเออ...มันไม่มีใครเหลือแล้วจริงๆ มันมีรายการนี้อยู่ เพราะโทรหาธานอยู่คนเดียว รู้สึกสบายใจที่ยังได้รับโทรศัพท์อยู่ เพราะไม่มีใครคบธานแล้ว”
       
       “ที่ผ่านมาสาเหตุที่เวลาใครถาม แล้วธานจะเฉไฉตอบไปอย่างอื่น หรือไม่หลีกเลี่ยงที่จะพูดเลย เป็นเพราะธานไม่อยากคุย ธานรู้สึกว่าชีวิตบางทีเหมือนถูกวางมาแล้ว ปีที่แล้วคือธานถูกสร้างขึ้นมาจากเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ที่เมคขึ้นมา หรือไม่จากเรื่องจริงหรือเรื่องปลอม แต่ในขณะเดียวกันบางทีไปถึงจุดนั้นแล้ว จะถอยหลังก็ไม่ได้ ทางซ้ายก็บอกว่าห้ามถอย ทางขวาต้องสู้ต่อ ต้องทำให้ได้แล้วเดี๋ยวปลายทางมันสามารถส่งมาถึงจุดที่เราพูดไปอย่างนั้นได้”
       
       กลับใจยอมรับโกหกเรื่องเป็นลูกครึ่งเนปาล และไปเจอมัคนารีผลในป่าหิมพานต์ โดยอ้างชีวิตถูกเซ็ทให้เป็นตัวละครหนึ่งตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าวงการแล้ว
       
       “เมื่อก่อนธานมีชื่อจริงคือ ธัญญวัฒน์ หยุ่นตระกูล หลังจากนั้นก็เปลี่ยนใหม่ใช้ชื่อ นธัญ โอมานันท์ แล้วก็ถูกเมคให้เป็น นาธาน เพราะว่าอะไรไม่รู้ อาจจะเป็นการตลาด ส่วนนามสกุล โอร์มาน คือจริงๆ ธานมีเชื้อแขก อิสลาม แล้วนามสกุลปู่ที่เป็นมุสลิม ต้นขั้วคือ โอร์มา ฉะนั้นก็เออ...เอาอะไรมาแมทช์กันดี ก็เอา โอร์มาน ดีกว่าใกล้เคียงดี คือธานเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่ถูกเซ็ทคาแรคเตอร์มาตั้งแต่เข้าวงการแล้ว ถูกเซ็ทตั้งแต่บุคลิก การใช้ชีวิต หรือว่าเสื้อผ้า หน้า ผม หรือว่าต่างๆ หรือแม้กระทั่งกับสัญชาติบางสัญชาติที่ไม่มี แต่มันจะต้องมีเข้ามาเพื่อที่จะให้ทุกอย่างเป็นตามธุรกิจต่างๆ ที่ธานต้องทำ”
       
       “ตอนนั้นธานรู้สึกว่ามันอาจจะสนุก แล้วมันอาจจะดูดีสำหรับการตลาด แต่ว่ามันดูแย่สำหรับเรา ซึ่งบางเรื่องอาจจะมีเรื่องจริงอยู่แค่ 60% หรือ 70% แต่ 30 มันต้องเติมให้ครบ แต่ธานไม่ได้มีส่วนช่วยเขาในการดีไซน์อะไรขึ้นมานะ (สรุปลูกครึ่งเนปาลเป็นส่วนที่แต่งขึ้นมา?) คือเหมือนกับธานเป็นอิสลามมีเชื้อแขก แล้วเนปาลอาจจะดูเท่ห์สุดแล้วสำหรับคนที่เซ็ทขึ้นมา ถามว่าเราไม่แย้งไปบ้างเหรอว่าไม่เหมาะสม คือธานเพิ่งเข้าวงการครั้งแรก คำว่ามายามันถูกใส่หน้ากากตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว ธานรู้สึกว่าเข้ามาในวงการบันเทิง ทุกอย่างต้องเซ็ทหมด ตอนนั้นไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น แต่ว่า ณ วันนึงเมื่อมันมีเรื่อง วันนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องทะลวงไปจนถึงต้นขั้วของปัญหาทั้งหมด”
       
       “ตอนที่แอ๊บเป็นลูกครึ่งเนปาล เราก็พูดสวัสดีทักทายเป็นเนปาลปกติ คือมันจะมีบท และเราก็ถูกฝึกมาตั้งแต่ตอนเริ่มเข้าวงการแล้ว เวลานักข่าวมาสัมภาษณ์ว่าเราเป็นลูกครึ่งอะไร เราก็ตอบไปว่าเป็นลูกครึ่งเนปาลเหมือนชิปฝังอยู่ในหัว ส่วนการพูดภาษาข้อดีของมันก็คือ เหมือนคนพูดภาษาอังกฤษ เราเลียนเสียงให้มันดูดัดจริตหน่อย พูดมั่วๆ มันก็ดูคล้ายๆ มันไม่เข้าใจเต็มร้อยหรอก แต่การโกหกตอนนั้นมันเริ่มต้นทำให้เข้าใจ 60 เปอร์เซ็นต์”
       
       “ส่วนเรื่องมัคนารีผลเป็นเรื่องจริง มันเป็นตำนานของเนปาล เพราะเวลาไปทัวร์ในหนังสือของเนปาลจะถูกแปลจากไกด์ เขาเล่าให้ฟังว่าที่เนปาลเป็นเมืองหุบเขาหิมาลัย เป็นเมืองที่เป็นรากเหง้าของศาสนาพุทธ มันมาจากเรื่องป่าหิมพานต์ ในหนังสือภาษาไทยของคนที่เรียนภาษาไทย ก็จะมีกินรี มีมัคนารีผล มีอะไรทั้งหลาย แต่ว่าคนที่นั่นเขาเจอจริงๆ แล้วพอเราไปที่นั่นปุ๊ปเขาพูดใส่หูให้ฟังว่า มันมีมัคนารีผลนะ”
       
       “ถามว่าธานเคยเห็นหรือเปล่า ธานไม่ได้บอกว่าธานเห็น มันอาจจะเป็นจินตนาการของธาน เพราะตอนนั้นอยู่ในช่วงโปรโมทหนังสือ มันอาจจะต้องใส่ไข่นิดหนึ่ง ธานไม่ได้มีเจตนาโกหก มันไม่ได้ตั้งใจ แล้วมันเป็นขนาดนั้นแล้ว ธานจะพูดกับใครได้ ธานพูดความจริงก็ทำให้คนรับไม่ได้ หรือว่าเราคิดไปเอง คนที่เป็นแบ็คให้เราก็จะว่า กูจ้างมึงมาขนาดนี้แล้ว มึงจะมาเป็นปากีสถาน หัวดำ ผมหยิก ตัวดำ อะไรอย่างนี้ก็ไม่ได้ แล้วเขายังยัดเยียดภาษาให้ธานพูดได้หลายภาษา ทั้งๆ ที่ธานพูดได้แค่ภาษาอิสลาม ภาษาไทย แต่มันเมื่อยมากที่จะแยกสมองออกมาพูดรัสเซีย พูดฝรั่งเศส ทั้งๆ ที่ไวยกรณ์ทุกอย่างผิดหมด แต่ก็หน้าด้านทำต่อไป เพราะว่ามันเป็นเด็กอัจฉริยะ”
       
       “ที่ธานต้องโกหก เพราะเรื่องบางเรื่องถ้าโกหกแล้วทำให้เขาสบายใจ เราก็โกหกไปเถอะ ธานพูดตรงๆ ว่าปีที่แล้วธานรู้สึก....มาก แล้วก็ถูกยัด...มาก บางเรื่องบางข่าวรู้สึกว่ามันแย่มาก มันรู้สึกว่าตัวเองเป็นอะไรที่ดูน่าขยะแขยงต่อทุกๆ คน ก็เลยรู้สึกว่า ณ วันนี้ที่ธานเดินเข้ามาตรงนี้ ธานไม่ต้องมานั่งเฟค ฉะนั้นธานรู้สึกสบายใจมากที่มา รู้สึกว่าธานพร้อมแล้วกับระเบิดลูกใหญ่ที่มันระเบิดมาแล้ว ฉะนั้นก็เมื่อมันระเบิดไปแล้วจะแคร์อะไร ธานไม่ต้องแคร์แล้ว”
       
       แจงเคลียร์คดีโกงเงินจบหมดแล้ว ส่วนการโกอินเตอร์เล่นหนังฮอลลีวูดก็เมคขึ้นมาเช่นกัน จากคนที่ “นาธาน” เรียกว่า พ่อมวยแม่มวย
       
       “เรื่องคดีเคลียร์หมดแล้ว คดีจริงๆ มันมีแค่ร้านอาหาร แล้วก็คดีพี่เต็ม (สมาน สุขเสริม) แค่นั้นเอง คดีอื่นๆ ที่ผมสร้างขึ้นมาให้เป็นคดีเยอะๆ ดูวุ่นวาย ดูเป็นฆาตกรโหด ดูเป็นอีนักร้องโรคจิตหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ ทุกเรื่องมันถูกยัดหมด ฉะนั้นมันสมแล้วที่เขาตั้งเป็น จอมลวงโลก ธานรู้สึกว่าก็ดีเหมือนกัน เท่ห์ดี ถามว่าทำไมปัญหาส่วนใหญ่มีแต่เรื่องเงิน เอาง่ายๆ เลยละกันธานจะพูดไม่ซับซ้อน คือสมมติพี่วู้ดดี้ไม่มีเงิน พี่วู้ดดี้ยืมเงินธาน ซึ่งธานรักพี่มาก ใครสนิทกับธาน ธานเป็นห่วงหมด ถ้าไม่มีให้ยืม แต่ธานจะไปยืมคนอื่นมาให้ แล้วเมื่อคนนี้มาทวงเงินธาน บอกขอเงินเขาคืนได้ไหม พอดีอีก 2 อาทิตย์ต้องคืนเขาแล้ว ธานก็บอกไม่ได้ เพราะธานเป็นคนปากหนักที่จะขอเงินคืน (ตอนนี้มีเอทีเอ็มอยู่?) ยังมีอยู่ มีเงินอยู่ประมาณ 52 บาท หรือ 48 บาท เอาไว้สำหรับโอนเงิน (หัวเราะ) ก็เป็นจำนวนเงินที่ต่ำสุดแต่ไม่ซีเรียส เพราะสักวันหนึ่งคงเต็ม แต่ตอนนี้ไม่เป็นไร ที่เคยมีมากสุดในบัญชีก็ล้านกว่า 2 ล้าน”
       
       “ส่วนเรื่องเล่นหนังฮอลลีวูด มันเริ่มจากธานไปแคสติ้งหนังมา แต่ว่าไม่ได้ไปที่อเมริกา ไปออสเตรเลียแล้วก็มีสตูดิโอสำหรับแคสติ้ง ธานรู้สึกว่ามันแบบ…เอาเป็นว่าตัดตรงนั้นมา แล้วก็มาช็อตที่ว่า มีคนที่เป็นพ่อมวยแม่มวยของธานอยู่ เป็นคนเขียนเรื่องทั้งหมดให้ธาน”
       
       “เขาจะได้ผลประโยชน์สูงมาก หลายๆ อย่างที่เขาวางแผนไว้ว่า มันจะทำให้ธานได้ออกงาน หรืองานอีเว้นท์ หรืองานต่างๆ ก็แล้วแต่ ซึ่งในขณะเดียวกันธานมาแค่แคสติ้งเฉยๆ แต่พอกลับมามันถูกต่อยอดว่ามันไปถึงฮอลลีวูดแล้ว เดี๋ยวเขากำลังจะโอเคนะ เมื่อมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ธาน จ่อไมค์ปุ๊ป สายตาที่มองก็คือต้องตอบตามไดอะล็อกที่มีบทไว้ ธานก็ต้องค่อยๆ พูดแบบไม่เต็มปาก แต่ในขณะเดียวกันด้วยความภูมิใจของนักข่าวก็เขียนพิกัดเต็มที่ แล้วก็ใส่ถึงขั้นได้ร้อยล้านเลย พันล้านเลย เมื่อกลับมาใหม่ๆ คนที่เป็นแบ็คให้ธานก็บอกดีแล้ว เห็นไหมว่าการตลาดอยู่บันเทิงก็เป็นอย่างนี้ เดี๋ยวมันก็จะต่อยอดได้อีกเยอะเลย เดี๋ยวก็จะมีงานเข้ามา (แล้วเขาไม่คิดเหรอว่าผ่านไป 1-2 ปี ถ้าไม่มีหนังฮอลลีวูดออกมาจริงๆ จะเป็นยังไง?) ธานต้องทำให้ถึงไงครับ ช่วงระยะเวลาที่มันว่างอยู่ มันอาจจะมีวิธีขวนขวายให้ธานไปถึงที่โน่น หรือไปแคสต่อ เราต้องทำทุกวิถีทางที่พวกเขาได้วางไว้”
       
       “อย่างชื่อหนัง The Prince Of Red Shoe เขาก็เป็นคนคิด มันเป็นไปได้ แต่สำหรับธานก็คิดว่ามันจะดีเหรอ ธานไม่ได้เป็นคนคิด ถ้าธานคิดจะคิดชื่อเรื่องดีกว่านี้ แต่ว่าในเมื่อมันถูกโอเคแล้วจากทุกสิ่งอย่าง และตอนนั้นที่เป็นข่าวมันก็ดังโอเคในระดับหนึ่ง สำหรับคนที่เมาท์กระจาย เมาท์ทั่วโลก ทั่วประเทศ คนไทยที่อยู่ทั่วโลกก็ฮือฮาหมดเลย ถึงขั้นบอกเคยเจอนาธานที่อเมริกาหรือที่โน่นที่นี่ ตอนนั้นเรื่องรายได้รู้สึกจะถูกเมคไปที่ร้อยล้านเหรียญหรืออะไรสักอย่าง (น่าจะบาท ถ้าร้อยล้านเหรียญก็มากกว่าบริทนี่ย์ สเปียร์ แล้ว?) ก็บริทเหมือนกันตอนนี้ แต่เป็นมด อาจจะบั๊ก (เพิ่งรู้ตัวพูดอังกฤษผิด)”
       
       “หลังจากเรื่องหนังไปฮอลลีวูด แล้วเหมือนเรื่องมันจะแดงขึ้นมา เขาก็เลยเหมือนส่งบทไปดีกว่า เพราะว่าไดอะล็อกที่เขาเขียนมา มันกำลังจะโอเคแล้ว แต่ธานบอกไม่ได้ว่าใครส่งบท มันมีมากกว่า 1 คน แต่ไม่ถึง 6 คน เขาจะรู้จักกันหมดเลย มันไม่ได้เป็นขบวนการ แต่ขณะที่ธานมาคุยกับพี่ ถ้าเกิดเขามาด้วย ธานก็ต้องหันหน้าไปมองข้างๆ อย่างนี้แล้วเขาก็ต้องแบบว่า อย่าหลุดเป็นอันขาด แต่ทุกวันนี้เขาไม่ได้อยู่ในชีวิตธานแล้ว เขาไปกับสายน้ำหมดแล้ว”
       
       “เรื่องหนังธานไม่ได้โกง เพียงแต่ธานโกหกเพื่อให้เขาสบายใจเพื่อที่จะบอก กำลังจะบอก แต่เนื่องจากการส่งแมสเซจเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปแล้ว อีกวันหนึ่งก็เลยไม่มีโอกาสได้บอก พอไม่บอกเขาก็ตีโพยตีพาย ก็เลยไม่มีโอกาสได้คุยแล้ว เพราะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เขาโมโหแล้ว ธานก็เลยกะรอให้เขาใจเย็นพักหนึ่งก่อน แล้วธานก็จะเดินไปหาเขาไปเล่าให้เขาฟัง แต่ปรากฏว่ามันมีเรื่องมีศึกหลายด้าน มี 180 ด้านเข้ามาพร้อมๆกัน มันก็เลยกลายเป็นของเขาลงไปๆ เป็นมีเรื่องใหม่ขึ้นมา มีหน้าหนึ่งทุกวันตลอดระยะ 1 ปี”
       
       เผยเหตุที่ต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่เชียงคาน พร้อมอุบความสัมพันธ์กับ “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” ลั่นไม่โกรธที่ถูกอีกฝ่ายแฉเป็นกะเทย
       
       “ตอนนี้กลับมาอยู่กรุงเทพฯ ธานก็เป็นนินจา ไปอยู่หลายที่จนจำไม่ได้ เหมือนชีวิตยิปซี ก็มีนอนในรถเหมือนกัน ตอนนั้นมีรถยนต์เชฟโรเล็ตสีดำ แต่เราก็เคยคิดนะว่า ถ้าเกิดมันไม่มีที่ระบายหรือหาทางออกไม่ได้แล้ว คงต้องลี้ภัยไปอยู่เมืองนอกแล้วล่ะ”
       
       “แต่ก่อนหน้านั้นธานย้ายไปอยู่เชียงคาน เพราะธานอยู่กรุงเทพฯไม่ได้จริงๆ ก็ไปอยู่กับครูแหม่ม ที่เป็นครูสอนอยู่รร.คริสต์ธรรมฯ ตอนนั้นที่อยู่ก็คิดอยากออกอัลบั้มใหม่อีกนะ คิดถึงขั้นว่าหรือจะข้ามไปฝั่งลาวดี หรือหาคนที่เป็นนักร้องเพลงลาว หรือเพลงท้องถิ่นของเชียงคานเอามาทำเพลง แล้วก็ส่งยูทูปขาย หรือทำเป็นของฝากจากเชียงคาน เหมือนไปเชียงใหม่ก็ต้องไปร้านนี้ เชียงคานก็น่าจะมีเพลงของเชียงคานเหมือนกัน”
       
       “ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับครูแหม่ม ธานไม่อยากตอบดีกว่า เพราะธานรู้สึกว่าบางอย่างไม่ชัดเจนแล้ว ธานกับครูแหม่มเคารพกันเหมือนลูกกับแม่บุญธรรมจริงๆ แต่เมื่อเขายิงประโยคมาแบบนั้น ว่า ธานเป็นกะเทย กินผู้ชายในป่าในสวนบ้าบอคอแตกอะไรทั้งหลาย ที่เขาเมคขึ้นมา ฉะนั้นธานจะแคร์อะไร”
       
       “ธานไม่โกรธที่เขาว่าเราเป็นกะเทย รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องโจ๊กมากกว่า เป็นเรื่องที่แบบ...ฉันไม่รู้จะพาลอะไรแล้ว เอาเรื่องนี้ดีกว่ายัดเข้าไป ใส่เข้าไป บางทีคนโมโหมันพูดได้ทุกเรื่อง ธานเฉยๆ แล้วธานก็มีปัญหากับพ่อเขาด้วย เขาเก็บกดมานาน อยู่กับเขามันมีดีเทลหลายๆ อย่างเช่น ธานกินข้าวอยู่ ธานก็ต้องชวนพ่อเขากินข้าว ถ้าวันไหนที่ธานไม่ได้ทัก หรือไม่ได้ตอบเขาเนี่ย นกหรือแมวก็จะตาย เพราะเขาจะต้องเหยียบแมวที่เขาเลี้ยงตายไส้ทะลัก (เมคเรื่องอีกหรือเปล่า?) ก็ไม่แคร์ ถ้าพี่มองว่าเมคเรื่อง แต่นี่คือเรื่องจริง ธานไม่ได้ใส่ร้ายคนแก่ แต่ว่าเป็นเรื่องที่สามารถที่จะถามคนที่อยู่บริเวณนั้นหรือญาติเขาก็ได้”
       
       ยันไม่ใช่แม่มด หรือมีสาลิกาลิ้นทองปากหวานพูดอะไรก็ทำให้คนคล้อยตาม บอกรู้สึกดีที่ได้ปลดแอกตัวเองออกจากโลกของการโกหก โดยไม่กลัวพ่อมวยแม่มวยมาตามเช็ดเอาคืน
       
       “ธานไม่ได้เป็นจอมขมังเวทย์ ธานไม่ได้เป็นแม่มด หรือธานไม่ได้เป็นพวกสาลิกาลิ้นทองคำอะไรทั้งหลายเลย ธานไม่มีเวทมนต์ที่จะสะกดให้คนเชื่อธานได้ แต่มีความจริงใจที่ธานอยากจะบอก อยากจะส่งแมสเซจให้ทุกๆ คน ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาถามว่ามีเรื่องไหนที่เป็นเรื่องจริงจากตัวธาน ที่ภูมิใจที่สุดเลยคือเรื่องสึนามิ เรื่องที่ธานได้ไปช่วยคนอะไรก็แล้วแต่ที่ธานไม่ได้เป็นคนอื่น คือธานไม่สามารถเซ็ทสึนามิให้ถล่มได้ ธานไม่สามารถเซ็ทให้คนตายได้ เพราะคนตายจริง แล้วธานก็ได้ช่วยจริงๆ”
       
       “ตอนนี้ธานรู้สึกสบายใจที่ได้พูดความจริงทุกอย่าง แล้วธานก็รู้สึกว่า เกมส์ต่างๆ มันถูกปิดจบแล้ว มันโอเวอร์จริงๆ คนที่จะมาเป็นแบ็ค หรือเซ็ทฉากให้ธานต่างๆ มันไม่มีแล้ว ถูกกำจัดไปหมดแล้ว ด้วยที่เราเดินไปไม่ถึง คือตัวละครตัวไหนที่เดินไปไม่ถึงก็ต้องถูกฆ่า ตอนนี้ธานถูกฆ่าแล้ว ฉะนั้นก็ขอให้เขาหาตัวละครตัวใหม่ ธานรู้สึกสบายใจที่หลุดออกมาจากโลกของการโกหก ธานรู้สึกดีใจที่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องเสียที และธานไม่เสียใจเลยที่ทุกคนจะประณามว่า เห็นไหมที่แท้มึงโกหกหรือว่าอะไรก็ตาม ธานรู้สึกว่า ธานมีเหตุผลของธานเอง แล้วธานไม่ได้เจตนาที่จะทำแบบนั้น”
       
       “ธานไม่กลัวด้วยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเราจะกลับมาเอาคืน ธานอาจจะหักหลังเขา แต่ว่าในขณะเดียวธานก็พร้อมแล้วที่จะพูดความจริง ธานไม่กลัวความตาย เพราะธานอยู่ใกล้ความตายตลอดเวลา ธานรู้สึกว่าไม่กลัวที่จะตาย แล้วธานรู้สึกไม่เสียใจที่จะโดนทำร้ายจากกลุ่มพวกเขา ทุกอย่างมันไม่เป็นไร ธานโอเคมาก”
       
       เมื่อสอบถามต่อว่า คิดว่าคนจะลืมในสิ่งที่เคยพูดโกหกไปหรือไม่ “นาธาน” รับว่ารู้คนไม่มีทางลืม แต่ตนรู้อยู่แก่ใจไม่ใช่คนแย่อย่างนั้น
       
       “ไม่มีทางลืมหรอก ขนาดเรายังไม่ลืมเจ้าหนี้เราเลย ด้วยตัวเรายังไม่พร้อมด้วย สักวันนึงเราจะหนีจากคนที่เซ็ทให้เรา แล้วก็จะหนีจากบางอย่าง เราก็เคยคิดจะออกมาเผชิญหน้ากับความจริง แต่คงไม่มีโอกาสแล้ว อย่างที่บอกมันอาจจะสายเกินไปที่จะแก้ไขแล้ว ธานไม่สามารถที่จะย้อนอดีตไปแก้ไขปัญหาได้ แต่ธานเลือกที่จะไม่เป็นไรหรอก บางอย่างเรารู้อยู่แก่ใจ เราไม่ได้แย่อย่างนั้นจริงๆ เราก็ไปตามทางของเราแล้วกัน ธานก็ไปหาอะไรของธานทำใหม่ไปเรื่อยๆ ธานรู้สึกสบายใจ ธานไม่โกรธทุกคนที่เป็นปัญหากับธาน”
       
       ตั้งใจเงียบเพื่อหนีจากนาธานที่ถูกเซ็ทไว้มาสู่ชีวิตจริง หรือเงียบเพราะโกหกจนมุม หาทางแก้ตัวอีกไม่ได้? “เงียบไปแล้ว แล้วสักวันนึงมันคงได้ออกมาเป็นตัวเราจริงๆ ฉันไม่ใช่นาธาน ฉันคือ ธัญญวัฒน์ อยากจะเป็นอย่างนั้นแล้ว เพราะรู้สึกขยะแขยงกับตัวละครนี้มาก แล้วก็รู้สึกเหนื่อยแล้วก็กลัว มันดีสำหรับความเงียบ มันดีสำหรับเวลาที่ยาวนานทิ้งมาขนาดนี้ แล้วมันขอบคุณความอั้นระเบิดแตกที่ทำให้มีอะไรบางอย่าง จนได้มีแรงบันดาลใจจากเลดี้ กาก้า ธานเพิ่งรู้จักเขาเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะเพิ่งลงจากเขา ลงมาจากจังหวัดเลย ขับรถมาเองจากเชียงคานออกมาๆ แล้วไม่เคยมีเฟซบุ๊ก ไม่เคยมีไฮไฟว์ ทวิตเตอร์ยังไม่รู้เลยว่าลักษณะยังไง แต่เปิดอินเทอร์เน็ต แล้วมันมียูทูป เราอยากดู บียอนเซ่ ว่าอัลบั้มใหม่ไปถึงไหนแล้ว พอเปิดปุ๊บเจอ เลดี้ กาก้า เพลง เทเลโฟน ที่เขาฟีเจอร์ริ่งกับ บียอนเซ่”
       
       “พอดูมิวสิควิดีโอ เขาทำหน้าได้แบบ....ทั้งที่ติดในคุก แล้วออกมาสลัดเท้าเดิน ฉันยังดูดีอยู่แล้วก็เดินออกไป จนโดนบียอนเซ่ด่าว่าคุณเลวมาก เลวได้สะใจจริงๆ เลดี้ กาก้า แล้วมานึกถึงมึงนี่เลวจริงๆ นาธาน มันก็นึกในใจ มันอาจจะบ้าแต่เป็นไอเดียที่ทำให้ธานกล้าออกมา แล้ว เลดี้ กาก้า แต่ละเพลงเจ๋งมาก ธานรู้สึกเหมือนตัวเอง มันอาจจะบ้านะ แต่มันเป็นไอเดียที่ทำให้ธานกล้าออก รู้สึกว่าแล้วจะแคร์อะไร เพราะว่าไม่มีภาพที่ต้องรักษาแล้ว ไม่ต้องไปเกาะ ไม่ต้องไปแกะ ไม่ต้องถือกระจก ไม่ต้องเอากระจกมาไว้รอบเรา”
       
       “วู้ดดี้” ซักต่อว่า คนอย่าง “นาธาน” กลัวอะไรมากที่สุด เจ้าตัวตอบโดยไม่ลังเลว่า กลัวคนไม่รัก พร้อมยอมรับเคยแวบคิดฆ่าตัวตาย
       
       “ชีวิตนี้กลัวคนไม่รัก เชื่อไหมกลัวไม่มีใครรักเรา พูดแล้วจะร้องไห้ (ตาเริ่มแดง) แต่จะไม่ร้องไห้ออกรายการเพราะเสียภาพ การที่กลัวคนไม่รักเลยต้องเมคเรื่องเพื่อให้คนรัก มันก็มีส่วนเล็กน้อย แต่ที่บอกว่ากลัวคนไม่รัก เพราะว่า ณ ตอนนี้ที่มีข่าว เริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว ก็รู้สึกแย่กับมัน ตอนนี้คิดว่าไม่มีใครรักธานเลย”
       
       “วันที่ธานไม่เหลืออะไรเลย ตอนนั้นธานอยู่กลางทุ่งนา แล้วก็เจอกระสือ (ยิ้ม) ซึ่งมีข่าวมา ตอนนั้นอยู่กับความเงียบอยู่กับความมืด แล้วบังเอิญมีไฟแวบๆ ที่ในหมู่บ้านบอกกันว่าเป็นกระสือ คือตัดเรื่องกระสือไปเถอะเดี๋ยวหาว่าธานโกหกอีก ตอนนั้นธานอยู่กลางทุ่งนาก็อยู่เฉยๆ อยู่นิ่งๆ แล้วก็มองดาว นั่นคือจุดต่ำสุดของธานแล้ว เพราะว่าคนบ้าเหรอจะไปอยู่กลางทุ่งนา แล้วไม่มีอะไรเลย แล้วมืด คนปกติอยู่กันหรือเปล่า นอกจากโจรแหละที่อยู่”
       
       “แต่ถ้าใครจะมองว่าธานป่วยเป็นโรคจิต มันก็เป็นไปได้ ถ้าธานบ้าก็อย่ามายุ่งแล้วกัน กับฉายาที่คนตั้งให้ธานมากมาย ทั้งจอมลวงโลก นักตุ๋น 18 มงกุฎ นักเล่านิทาน โกหก เด็กเลี้ยงแกะ คือทุกคำฟังแล้วมันเจ็บหมด แต่เมื่อเวลากล้องผ่านเราก็ตอบว่า ก็โอเคงั้นๆ แต่จริงๆ ในใจคือจะตาย กลับบ้านไปร้องไห้ทุกวัน ใครจะเห็นว่าธานร้องไห้ ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น แต่ถามว่าเคยคิดฆ่าตัวตายไหม มันแวบเข้ามาเฉยๆ ประมาณครึ่งวินาที แต่ไม่ทำ เพราะรู้สึกคนฆ่าตัวตายเหมือนคนไม่มีศาสนา มันก็จะจบแค่ฆ่าตัวตาย มันก็ทำซ้ำไปตลอดชีวิตกี่ชาติๆ เหมือนเดิม”
       
       เผยเรื่องโกหกที่ทำให้รู้สึกแย่ และให้คำสัญญาต่อไปจะไม่โกหกอีก
       
       “มันแย่ที่ต้องโกหกเพื่อน คือธานมีเพื่อนสนิทมาก เพื่อนเคยถามว่ามีอะไรจะบอกหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เรานอนด้วยกัน เราเล่นด้วยกัน แล้วก็ เมื่อเราเป็นตัวละครแล้ว ทีนี้มันลำบากใจที่จะบอกเพื่อน อยากจะบอกใจจะขาด อยากจะแหกอกให้เพื่อนดู อยากจะบอกทุกเรื่อง มันเสียใจมาก ก็ถ้ามีโอกาสก็อยากจะบอกแก๊งแย้ของธาน แก๊งของพี่จูลี่ (ดีเจ เจเจ จามจุรี จูลี่ แคชเชอร์) เพราะเรารู้สึกมีความสุขกับพวกเขา ธานรักพวกพี่มาก แล้วก็ทุกอย่างที่อะไรที่แล้วไป ธานขอโทษ ธานอยากจะพูดอย่างนี้มานานแล้ว 1 ปีครึ่ง ก็อยากจะบอกกับทุกๆ คนที่ธานมีปัญหาหรือมีคดี ธานขอโทษจริงๆ แล้วก็บางอย่างช่วยเชื่อธานด้วย ฟังธานหน่อย ถ้าเกิดเขาได้คุยส่งแมสเซจหรือได้คุยกับธานจริงๆ เขาก็จะรู้ว่าธานไม่ได้เจตนา ไม่ได้ตั้งใจ ณ ตอนนี้ก็อาจจะสายไปแล้ว แต่ธานก็โอเคที่ได้พูดแล้ว”
       
       “หลังจากนี้ธานรับปากว่าจะไม่โกหก ธานรู้สึกว่าอย่ามายัดเยียด เรื่องโกหกให้ธานแค่นั้นเอง ธานจะหนีการโกหก แล้วขอเดินหาความจริง เพราะธานรู้สึกว่าถ้าไม่สบายใจมันก็คือเรื่องโกหก แต่ถ้าธานสบายใจมันก็คือเรื่องจริง ฉะนั้นธานสัญญากับรายการนี้ แล้วสัญญากับทุกๆ คน คือจริงๆ สัญญากับตัวเองดีกว่าว่า เราจะไม่โกหกอีกแล้ว และสบายใจที่ได้พูดความจริง คือธานแค่ต้องการอยากจะหาใครสักคนฟังธานเท่านั้นเอง ก็แค่คนทั้งประเทศแค่นั้นเองที่คิดมาก ก็โอเคสัญญาว่าไม่โกหก ถ้าเกิดมีใครจะถาม ก็จะบอกมึงช่วยดูรายการวู้ดดี้ด้วย เพราะกูบอกไปแล้ว”
       
       “ถามว่าธานอยากแก้ไขเรื่องโกหกเรื่องไหนมากที่สุด ธานอยากจะแก้ไขทุกเรื่อง เพราะธานรู้สึกว่าทุกเรื่องสำคัญหมดเลย แล้วบางดีเทลบางอย่าง เราไม่มีโอกาสได้พูดหรือได้ทำ หรือไม่มีโอกาสแม้กระทั่งกระซิบบอกว่าฉันขอโทษนะ แต่ว่าไม่เสียใจที่เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับเรา รู้สึกดีใจด้วยซ้ำ เพราะว่าอย่างน้อยมันก็ทำให้ธานเข้มแข็งขึ้น แล้วก็พร้อมที่จะสู้กับชีวิตจริงๆ ธานรู้สึกขอบคุณบันเทิงมาก ขอบคุณความเป็นมายา ขอบคุณหน้ากาก ธานได้อะไรจากที่นี่เยอะ แล้วธานได้อะไรจากตัวเราเองเยอะ”
       
       “แล้วบางอย่างที่พลาดไป หรือว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นข่าวครึกโครม เป็นมหากาพย์ที่ทุกคนตั้งฉายาไว้ รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของธาน หรือว่าวันนึงธานตายไป ธานรู้สึกมันก็ยังมีคนพูดถึงอยู่ตลอดไป คนในวงการบันเทิงเข้าได้แต่ไม่สามารถที่จะออกไปได้ ถามว่าทำไมเพราะว่ามันถูกเซ็ทไว้เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นมันยากที่จะลบชื่อของธานออกจากกูเกิ้ลได้ ตราบใดที่ธานสามารถลบชื่อหรือเรื่องของธาน ออกจากคอมพิวเตอร์ ออกจากหัวทุกคนได้ นั่นแหละคือชีวิตที่ธานสามารถทำได้”
       
ที่มา: manager.co.th



 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)