Author Topic: “ป๊อก” ดี๊ด๊า “ตั๊ก” สวมแหวนตีตราจอง ลั่นไม่คิดมีทายาท ยกมรดกให้หลานแทน  (Read 968 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai



“ป๊อก” เผย “ตั๊ก” สวมแหวนหมั้นตีตราจองแล้ว รอเคลียร์งานพาผู้ใหญ่มาสู่ขออย่างเป็นทางการ ส่วนงานมงคลสมรสเป็นฤกษ์สะดวกคาดจัดกลางปีหน้า แย้มแต่งงานแล้วไม่คิดมีทายาท เพราะอยากใช้ชีวิตคู่เพียงสองคน จะยกมรดกให้หลานแทน
       
       ลุ้นกันมานานจนหืดขึ้นคอ ในที่สุดดาราสาว “ป๊อก ปิยธิดา วรมุสิก” ก็มีข่าวดีกับแฟนหนุ่ม “ตั๊ก นภัสกร มิตรเอม” ที่คบหากันมานานร่วม 9 ปี โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แฟนหนุ่มได้นำแหวนหมั้นที่ได้รับตกทอดจากครอบครัว มาสวมหมั้นตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะยังไม่ได้พาผู้ใหญ่มาสู่ขอเป็นกิจจะลักษณะ แต่ก็ถือว่าเป็นการตีตราจองอย่างเป็นทางการ
       
       “จะบอกว่ามันเป็นการคุยกันเองมากกว่า เราต้องบอกทางผู้ใหญ่อีกที แต่ก็ถือว่าเป็นการตีตราจองอย่างเป็นทางการนะ มันก็ถึงเวลาแล้ว คบกันมาตั้งหลายปี มันก็ถึงเวลาที่เหมาะสมของแต่ละคน อายุอานาม เรื่องการงาน ปีนี้ก็คงจะเหมาะค่ะ ที่เลือกเดือนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ พอดีเป็นเดือนที่ได้แหวน แม่ให้มาแล้วก็แค่นั้นค่ะ คือเป็นฤกษ์สะดวกของพวกเรามากกว่า สำหรับหลายๆ คนที่ลุ้นคู่ของเราอยู่ ก็ต้องขอบคุณค่ะ ดีใจมากที่ใครๆ ก็อยากให้เราเป็นฝั่งเป็นฝา เห็นว่าคู่เราเหมาะกัน ก็ดีกว่าหลายๆ คนที่สมมติไปไหนแล้วคนไม่ชอบเลยคู่นี้ แต่อันนี้มีแต่คนรักเรา ชอบเรา เชียร์เรา อยากให้เราอยู่ด้วยกันดีๆ เราก็แฮปปี้ ป๊อกว่าจะเป็นสิริมงคลกับคู่ด้วย”
       
       “ความจริงเราเองก็มีแหวนที่ใส่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่อันนี้เพิ่งให้ไว้เป็นเหมือนแหวนหมั้น ไม่กล้าพูดเต็มปาก แต่ก็ใช่นะ แต่ไปทำตัวเรือนใหม่ เขาให้ก็ดีใจค่ะ รู้สึกดี ก็แหม...ได้จากคนที่เราอยากให้เขาให้อยู่แล้ว แหวนหมั้นก็เป็นแหวนเพชรเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่อะไร ส่วนบรรยากาศตอนที่เขามาขอก็ไม่มีอะไรมากค่ะ ป๊อกนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ เขาบอกว่าได้แหวนจากแม่แล้วนะ ก็บอกว่าไหนมาดูสิ เขาก็เอามาใส่ให้ เขาก็บอกว่าแม่บอกว่า ถ้าไม่ชอบตัวเรือนก็ให้ไปทำใหม่แค่นี้เอง ไม่ได้มีพิธีอะไร”
       
       “วันนั้นไม่มีน้ำตาตื้นตันอะไรเลยค่ะ (หัวเราะ) ยังค่ะยัง อาจจะเป็นเพราะว่าเราคบกันนานมั้งคะ มันก็ถึงเวลาที่เหมาะสม ต่างคนต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้ว ส่วนพิธีแบบเป็นทางการเดี๋ยวรอเขาคุยกันก่อน อันนี้เป็นแบบคุยกันเอง เหมือนเอาแหวนมาลองค่ะ แต่เขาทราบอยู่แล้ว เขาก็รออยู่หลายปีแล้วล่ะ เขาก็ให้ป๊อกเปลี่ยนสถานภาพในเฟซบุ๊กเป็น Engage (หมั้น) แล้ว ก็เปลี่ยนทั้งคู่ค่ะ”
       
       ลั่นถือฤกษ์สะดวกในการจัดงานวิวาห์ เร่งเคลียร์งานคาดฉลองมงคลสมรสกลางปีหน้า
       
       “งานแต่งเราก็รอให้ว่างทั้งคู่ เพราะเรื่องงานเป็นเรื่องหลักของเราอยู่แล้ว ถ้าจะแต่งก็ต้องรอเขาถ่ายหนัง นเรศวร จบ หรือรอละครป๊อกปิดก่อน แล้วค่อยว่ากันดีกว่า ไม่อยากให้กระทบเรื่องงานค่ะ เพราะว่างานเป็นหัวใจของเราทั้งคู่อยู่แล้ว งานแต่งเดี๋ยวรอดูค่ะ ว่างๆ รอเคลียร์งานให้จบก่อน ทุกคนว่าง คิดว่าต้องเป็นเสาร์-อาทิตย์ เพราะว่าพี่ๆ น้องๆ ทุกคนจะได้ไม่ต้องลางานด้วย นี่คือฤกษ์ของเราจริงๆ ส่วนจะเป็นช่วงไหนของปียังไม่รู้ เอาเป็นว่าให้เขาขอเถอะค่ะ ให้เขากำหนดมาเถอะ (หัวเราะ) ก็เดี๋ยวต้องรอคุยกันอีกที เดี๋ยวรองานเสร็จคร่าวๆ ก็น่าจะกลางปี แต่วันไหนยังไงนั้นเดี๋ยวจะบอกอีกที”
       
       “พอเพื่อนๆ ทราบข่าวก็ดีใจกับเราไปด้วย เขาก็รอตั้งนานแล้วว่าเมื่อไหร่ รอจะไปงานสองคนนี้ จะไปเฮ ทุกคนจะรู้สึกเหมือนมีงานเลี้ยงรุ่น จากที่จะเป็นงานไม่ใหญ่ก็กลายเป็นงานใหญ่ เพราะคนอยากมาร่วมแสดงความยินดีกับเราเยอะมาก แต่เราก็ยังคงไว้เหมือนเดิมคือกันเองและสบาย ทุกคนจะรู้สึกดีที่ไปงานเรา ส่วนเรื่องสินสอดคงต้องบอกคุณพ่อค่ะว่าอย่าเรียกแพง ไม่ได้นะ ยิ่งนานยิ่งต้องถูกลง ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ (หัวเราะ) ก็ต้องมีล่ะค่ะ เดี๋ยวต้องคุยกันอีกทีนึง หลังแต่งงานแล้วจะจดทะเบียนเลยไหม นั่นน่ะสิ ไม่รู้สิ ถ้าเผื่อมีทรัพย์สมบัติต้องแบ่งกันมากก็คงจะไม่จด ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวรอดูก่อน ไปเรื่อยๆ ค่ะ”
       
       เปรยไม่คิดมีทายาท ขอใช้ชีวิตคู่สามี-ภรรยาพอ และจะขอเลี้ยงหลานแทน
       
       “เรื่องมีลูกคู่เราคงไม่มีค่ะ วางแพลนไว้แล้วว่าจะไม่มี จะอยู่เลี้ยงหลานกัน เพราะรู้สึกว่าทั้งคู่งานเยอะวุ่นวาย อาจจะดูแลได้ไม่เต็มที่ ซึ่งเรื่องนี้ครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็โอเคค่ะ เขาก็ทราบแล้วว่าจะไม่มี ไม่อยากมีค่ะ สงสารเด็ก มรดกทรัพย์สินที่หามาได้ก็ยกให้หลานค่ะ แต่คาดว่าคงจะใช้หมดก่อนที่หลานจะได้ คือเราอยากใช้ชีวิตให้เต็มที่ด้วยกัน อยากไปดูละคร ทานข้าวดึกๆ ดื่นๆ ไม่ต้องห่วงใคร ไปทำงานก็ไม่ต้องฝากใครเลี้ยง เราคงมีภาระเยอะจริงๆ ก็กลัวว่าจะเป็นภาระคนอื่นๆ พี่ตั๊กก็คิดเหมือนกันค่ะ เป็นเรื่องที่เราคุยกันตั้งแต่ปีแรกๆ ที่คบกันแล้วว่า ไม่อยากมี สงสารเด็ก เดี๋ยวเด็กออกมาแล้วเครียด พ่อแม่ทิ้ง”



ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)