Author Topic: ตลาดแฟ็บเล็ตหอม แบรนด์ใหญ่รุมตอม  (Read 661 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


Nokia Lumia 1320


Nokia Lumia 1520


Acer Liquid S1


htc one max


ASUS Fonepad Note

‘แฟ็บเล็ต' กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งตลาดที่จะมีความเปลี่ยนแปลงในช่วงปีนี้ จากการเข้ามาทำตลาดของแบรนด์ที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่มีเพียงเจ้าตลาด 2-3 รายเท่านั้น พร้อมผลวิจัยระบุผู้สูงอายุที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนใช้ ก็จะหันไปใช้งานแฟ็บเล็ตแทน
       
       นายญาณธน สิมะวานิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลว่า จากยอดขายของสมาร์ทโฟนในช่วงไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาพบว่า แนวโน้มการจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่า 5 นิ้ว แต่ไม่เกิน 7 นิ้ว ที่เรียกกันว่าแฟ็บเล็ต (Phablet) มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในตลาดปีนี้เช่นเดียวกัน
       
       'ข้อมูลจากจีเอฟเคระบุว่า ในแต่ละเดือนจะมีแฟ็บเล็ตถูกจำหน่ายเข้าสู่ท้องตลาดราว 4-5 หมื่นเครื่อง ซึ่งถือว่ายังไม่สูงมากนัก แต่ถือเป็นช่องว่างที่ผู้ผลิตแต่ละรายเริ่มหันมาให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มากขึ้นด้วย'
       
       อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยถึงสัดส่วนระหว่างสมาร์ทโฟน และแฟ็บเล็ตในปีนี้ว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ เพียงแต่ก่อนหน้านี้จีเอฟเคเคยประมาณการยอดขายรวมของตลาดสมาร์ทโฟนในปี 2014 ว่าอาจสูงถึง 20 ล้านเครื่อง จากปัจจัยหลักคือการย้ายลูกค้าให้ไปใช้งาน 3G บนคลื่น 2100 MHz ของโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ราย
       
       ด้านนายพลณรงค์ วัฒนโพธิธร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอชทีซี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ด้วยกระแสแฟ็บเล็ตที่มีการเติบโตอย่างมากรอบๆเอเชียแปซิฟิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนและอินเดีย โดยปีที่แล้วเพียงไตรมาส 1 และ 2 มีการเติบโตมากถึง 6 เท่า ทำให้เชื่อว่าในปีนี้ตลาดแฟ็บเล็ตยังอยู่ในช่วงที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
       
       ขณะที่บริษัทวิจัยอย่างไอดีซี เคยให้ข้อมูลไว้ว่า ในปี 2557 จะมีปริมาณสมาร์ทโฟนในท้องตลาดราว 13 ล้านเครื่อง ซึ่งในปริมาณนี้คาดว่าสัดส่วนกว่า 50% จะกลายเป็นแฟ็บเล็ต โดยอิงจากปัจจัยเรื่องการย้ายลูกค้าเช่นเดียวกัน
       
       โดยเหตุผลหลักที่แฟ็บเล็ต ได้รับความนิยมมากขึ้นก็คือในแง่ของผู้ใช้งาน จะสามารถท่องเน็ต เล่นเกม หรือดูภาพยนตร์บนแฟ็บเล็ตได้ โดยไม่ปวดตา ซึ่งในอีกแง่มุมหนึ่งก็ช่วยให้มีการใช้ปริมาณดาต้าสูงขึ้นด้วย ทำให้ทางโอเปอเรเตอร์หลายๆราย ให้การตอบรับในแง่ของการคิดโปรโมชันร่วมออกมาวางจำหน่ายด้วย
       
       ยังไม่นับรวมกลุ่มผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการพกสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตพร้อมๆกัน เลยหันมาใช้งานแฟ็บเล็ตแทน และยังมีกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นผู้สูงอายุ ที่ต้องการโทรศัพท์ที่สามารถใช้งานได้ง่าย ในราคาที่ไม่สูงมากนักด้วย
       
       ประกอบกับปัจจัยทางด้านราคาที่ผู้ผลิตแต่ละรายส่งแฟบเล็ตเข้าสู่ตลาด อาจจะช่วยให้ผู้บริโภคที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต หันมาเลือกซื้อเพียงแฟ็บเล็ตตัวเดียวใช้งานแทน เพราะปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น อย่างโนเกียเองก็จะมีทั้ง Lumia 1320 ในราคา 11,500 บาท และ Lumia 1520 ในราคา 22,900 บาท
       
       เช่นเดียวกันบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจอย่างดีลอยท์ แคนาดา ที่เคยให้ข้อมูลคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์ในตระกูล แฟ็บเล็ต จะมีปริมาณสูงถึง 300 ล้านเครื่องทั่วโลกภายในปี 2014 นี้ โดยราคาเฉลี่ยของเครื่องจะอยู่ที่ราว 415 เหรียญสหรัฐ (ราว 13,000 บาท) และยังมองว่ากลุ่มผู้ใช้งานแฟ็บเล็ต ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ จากขนาดของหน้าจอ และสัดส่วนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังมีจำนวนน้อยอยู่
       
       สิ่งที่จะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นสำหรับประเทศไทยในปี 2014 นี้ก็คือ ผู้บริโภคจะเริ่มได้เห็นแฟ็บเล็ตที่มีราคาต่ำลงมาอยู่ในระดับ 1 หมื่นบาท ทั้งจากอินเทอร์แบรนด์ ที่ครองตลาดอยู่อย่าง ซัมซุง ที่เคยประสบความสำเร็จในตลาดนี้ตั้งแต่การวางจำหน่าย Galaxy Note จนมาถึง Note 3 ในปีที่ผ่านมา
       
       แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงซัมซุงเจ้าเดียวเท่านั้นที่มองว่าตลาดแฟ็บเล็ตจะกลายเป็นอีกหนึ่งเซกเมนต์ที่สำคัญ เพราะในช่วงปี 2013 ยังมีผู้ผลิตรายอื่นอย่าง แอลจี ที่ส่ง Optimus Vu เข้ามาท้าชิงในตลาดนี้ โซนี่ ก็จะมีผลิตภัณฑ์อย่าง Xperia Ultra ยังไม่นับรวมแบรนด์ไอทีอย่างเอเซอร์ ที่มี Liquid S1 หรือ FonePad จาก เอซุส รวมไปถึงแบรนด์ที่เพิ่งทำตลาดในกลุ่มนี้ล่าสุดอย่าง โนเกีย ที่มี Lumia 1520 กับ 1320 และ เอชทีซี ที่ส่ง One Max เข้ามา
       
       ทำให้ปัจจุบันจะเห็นว่า การแข่งขันในกลุ่มนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่คือ เป็นแฟ็บเล็ตระดับไฮเอนด์ ที่มีราคาจำหน่ายระดับ 2 หมื่นบาท ที่จะประกอบไปด้วย ซัมซุง Galaxy Note 3 โนเกีย Lumia 1520 และเอชทีซี One Max ที่ยืนราคาอยู่ในระดับ 2 หมื่นบาท ซึ่งในระยะเวลาอันใกล้อาจจะมีแอลจี G Flex ที่เป็นแฟ็บเล็ตจอโค้งเข้ามาร่วมแข่งขันในตลาดนี้ด้วย
       
       ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือแฟ็บเล็ตในระดับราคา 1 หมื่นบาท ที่จะมีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้น อย่างก่อนหน้านี้ซัมซุง เคยออกผลิตภัฑณ์อย่าง Galaxy Mega 5.8 และ Mega 6.3 ออกมา แต่ช่วงนี้จะเริ่มเฟดออกจากตลาดไปแล้ว แต่ก็มีรุ่นใหม่อย่าง Galaxy Grand 2 เข้ามารองรับในตลาดนี้แทน ประกอบกับโนเกีย Lumia 1320 ที่เพิ่งเปิดตัวไป ทางฝั่งของเอซุส ก็จะมี Fonepad Note 6 เอเซอร์ ก็จะมีรุ่นที่ยืนพื้นอยู่แล้วอย่าง Liquid S1 และเสริมทัพด้วย Liquid Z5
       
       นอกจากนี้ยังมีผลสำรวจในต่างประเทศพบว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนราว 52% จากกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม 6,000 ราย ใน 6 ประเทศ ระบุว่า ถ้าซื้อโทรศัพท์เครื่องต่อไปจะเปลี่ยนเป็น แฟบเล็ต จากปัจจุบันที่ใช้งานสมาร์ทโฟนจอขนาดต่ำกว่า 5 นิ้วอยู่
       
       ***เทียบชัดรุ่นไหนน่าโดน
       
       ในกลุ่มของแฟบเล็ตระดับราคา 2 หมื่นบาท ในประเทศไทยจะประกอบไปด้วย ซัมซุง Galaxy Note 3 โนเกีย Lumia 1520 เอชทีซี One Max โซนี่ Xperia Ultra และ Oppo N1 ในแต่ละรุ่นก็จะมีความโดดเด่นในตัวเอง แต่ถ้ามองในแง่ของประสิทธิภาพในการใช้งานแล้วจะค่อนข้างใกล้เคียงกัน
       
       อย่าง Note 3 สิ่งที่เด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น S-Pen ที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นจาก Note 2 รวมกับลูกเล่นจากการสั่งงานด้วยท่าทาง มือ ซึ่งล่าสุดทางซัมซุง ประเทศไทย ก็ได้เริ่มนำรุ่นที่ใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 800 ที่รองรับการใช้งาน 4G LTE เข้ามาทำตลาดแล้วด้วยในราคา 24,900 บาท
       
       ขณะที่ Lumia 1520 ถือว่ามีความโดดเด่นในแง่ของการแสดงผล บนหน้าจอเฉพาะของโนเกีย ที่มีประสิทธิภาพพิเศษในการแสดงผล และยังสามารถสัมผัสได้แม้ใส่ถุงมืออยู่ ประกอบกับถือเป็นแฟบเล็ต วินโดวส์โฟน 8 ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการพึ่งพาการใช้งานของไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ และประสิทธิภาพของกล้องอย่าง PureView ที่ล่าสุดมีการอัปเดตฟังก์ชันการถ่ายภาพให้หลากหลายขึ้นด้วย วางจำหน่ายแล้วในราคา 22,900 บาท
       
       One Max แม้ว่าจะเพิ่งวางจำหน่ายในช่วงเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา กับผู้ให้บริการเครือข่ายอย่างดีแทค เพียงรายเดียวเท่านั้น แต่ก็ชูจุดเด่นในแง่ของหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ กับวัสดุของตัวเครื่องที่เป็นอะลูมิเนียม พร้อมกับฟังก์ชันเด่นๆในตระกูล One ซีรีส์ อย่างลำโพงคู่หน้า ระบบถ่ายภาพ Zoe จากกล้องแบบอัลตร้าพิกเซล แถมด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่ใช้ในการปลดล็อกเครื่อง และเรียกใช้งานแอปพลิเคชันด่วนได้ ในราคา 23,900 บาท
       
       Xperia Z Ultra ถือเป็นแฟบเล็ตรุ่นเดียวในท้องตลาดที่กันน้ำได้ในเวลานี้ และแน่นอนว่ายังมีฟังก์ชันพิเศษอย่างหน้าจอพิเศษ ที่รองรับการใช้ปากกา หรือ ดินสอ ขีดเขียนลงไปได้ทันที ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน 4G ด้วย เช่นเดียวกันกับทั้ง 3 รุ่นก่อนหน้านี้ โดยราคาล่าสุดลงมาอยู่ที่ 19,900 บาท
       
       สุดท้าย Oppo N1 ที่เปิดตัวมา 19,900 บาท แต่ตัวเครื่องยังไม่รองรับ 4G ก็จะมีความโดดเด่นในแง่ของหน้าจอขนาด 5 นิ้ว และกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่สามารถหมุนกลับมาใช้งานเป็นกล้องหน้าได้ ดังนั้นใครที่ชอบถ่ายรูปตนเองก็อาจจะมอง N1 เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
       
       ส่วนในมุมของแฟ็บเล็ตในช่วงระดับราคา 1 หมื่นบาท ตัวที่น่าสนใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเอซุส Asus Fone Pad Note 6 ที่เปิดราคามาอยู่ที่ 13,500 บาท แต่ด้วยประสบการณ์ของเอซุสในการทำตลาดแท็บเล็ต ขนาด 7 นิ้ว มาและถือว่าประสบความสำเร็จ ก็นำมาใช้งานในรุ่นนี้ ส่งผลให้รุ่นนี้มีความสามารถในแง่ของปากกาจด พร้อมๆไปกับระบบของตัวเครื่องที่ค่อนข้างเสถียร
       
       ถัดมาคงเป็นโนเกีย Lumia 1320 ที่ราคา 11,500 บาท ชูจุดเด่นในแง่ของหน้าจอแสดงผลที่กว้างขึ้น และแน่นอนว่าด้วยความที่เป็นระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 8 ทำให้รองรับการใช้งานไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ ได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับการเติบโตของแอปพลิเคชันที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
       
       ส่วน Galaxy Grand 2 ที่มากับขนาดหน้าจอ 5.25 นิ้ว เล็กกว่ารุ่นอื่นเล็กน้อย แต่ก็ได้เปรียบตรงที่เครื่องรองรับการใช้งาน 2 ซิม ประกอบกับเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นแรก ทำให้มีการปรับปรุงเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะในส่วนของจอที่อยู่ในระดับ HD จากเดิมรุ่นแรกที่จะมีปัญหาจอไม่ค่อยคมชัดเท่าที่ควร ทั้งนี้ Grand 2 เปิดราคามาอยู่ที่ 11,900 บาท
       
       สุดท้าย Liquid S1 ที่ล่าสุดปรับราคาลงมาเหลือ 11,990 บาท ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมเช่นเดียวกัน เพียงแต่ระบบ 3G ที่รองรับจะเป็นแค่ 900 / 2100 MHz เท่านั้น แต่ก็แลกมากับหน้าจอขนาดใหญ่บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ให้ได้ใช้กัน

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)