Author Topic: พบสารตะกั่วเกินมาตรฐานในสีทาบ้านเพียบ ตะลึง! สะสมในเลือดมากทำให้โง่ลง  (Read 1326 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


ภาพประกอบจากเว็บไซต์ selectcon.com

ผลวิจัยชี้สีทาบ้านถึง 79% มีสารตะกั่วสูงเกินมาตรฐาน อึ้ง! เกือบครึ่งเกินกว่า 100 เท่า พบเด็กมีสารตะกั่วในเลือดเกินค่าความปลอดภัย 12.9% ระบุยิ่งสะสมในเลือดมากยิ่งทำให้เด็กโง่ลง ย้ำชัดเอาผิดผู้ประกอบการไม่ได้ เหตุมาตรฐานเป็นแบบสมัครใจ ไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย ด้าน สมอ.เต้น เตรียมบังคับมาตรฐานความปลอดภัยจริงจัง คาดใช้เวลา 1 ปี


       วันนี้ (21 ต.ค.) ที่ห้องประชุมอาคารสถาบัน 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   น.ส.วลัยพร มุขสุวรรณ รองผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ แถลงผลการศึกษา "สารตะกั่วในสีทาอาคาร" ว่า มูลนิธิบูรณะนิเวศได้ดำเนินการทดสอบสารตะกั่วในสีน้ำมันทาอาคาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือเพื่อเพิกถอนสารตะกั่วจากสีในเอเชีย โดยทำการสุ่มตัวอย่างสีน้ำมันทาอาคารที่วางจำหน่ายในท้องตลาดของประเทศไทย จำนวน 120 ตัวอย่าง 68 ยี่ห้อ ผลการตรวจสอบพบว่า ร้อยละ 79 มีปริมาณสารตะกั่วสูงเกินกว่ามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ฉบับล่าสุด ซึ่งกำหนดสีมีสารตะกั่วไม่เกิน 100 ส่วนในล้านส่วน (ppm) และร้อยละ 40 มีปริมาณสารตะกั่วเกิน มอก.กำหนดถึง 100 เท่า คือมีมากกว่า 10,000 ppm ทั้งนี้ ปริมาณสารตะกั่วสูงสุดที่พบคือ 95,000 ppm ส่วนปริมาณที่น้อยที่สุดคือน้อยกว่า 9 ppm 
       
       " ผลจากการตรวจวิเคราะห์พบว่า 8 ใน 29 ตัวอย่างของสีที่ติดฉลากว่า ไม่ผสมสารตะกั่ว มีปริมาณตะกั่วสูงเกิน 10,000 ppm และจากตัวอย่างที่นำมาศึกษาพบว่ามีเพียงประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ผลิตสี คือ 15 บริษัท จากทั้งหมด 42 บริษัท ที่ผลิตตาม มอก.ฉบับปรับปรุงใหม่ ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวเป็นไปแบบสมัครใจ คือ ไม่มีผลบังคับและลงโทษทางกฎหมาย ซึ่งปี 2553 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ปรับมาตรฐานสมัครใจเรื่องปริมาณสารตะกั่วในสีน้ำมันให้เข้มงวดขึ้นจาก 600 ppm เหลือเพียง 100 ppm ดังนั้น หากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ติดสัญลักษณ์ มอก. การผลิตสีน้ำมันที่มีสารตะกั่วเกินมาตรฐาน จึงยังไม่ถือว่าผิดกฎหมาย" น.ส.วลัยพร กล่าว
       
        รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี แถลงผลการศึกษา "สารตะกั่วในเลือดของเด็กไทย" ว่า สารตะกั่วเป็นอันตรายอย่างแน่นอน เพราะมีผลกระทบทั้งแบบเฉียบพลัน คือ สมองบวม ซีด ถึงขั้นหยุดหายใจและตายได้ และแบบเรื้อรัง เช่น ปวดท้อง ปัญหาพฤติกรรม ทำลายสมอง ไตอักเสบ ที่สำคัญจากการศึกษาของ Canfield และคณะพบว่า สารตะกั่วทำให้สติปัญญาของเด็กลดลงด้วย โดนสารตะกั่วที่เพิ่มขึ้นทุก 10 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร (มคก./ดล.) จะทำให้ไอคิวลดลง 4.6 จุด โดยเฉพาะเด็กที่มีความเสี่ยงได้รับสารตะกั่วเข้าร่างกายได้มากกว่าผู้ใหญ่ถึง 5 เท่า  ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยฯ ได้ทำการสำรวจระดับสารตะกั่วในเลือดของเด็กที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเขตอุตสาหกรรม 4 จังหวัด ได้แก่ ระยอง สมุทรปราการ สมุทราสาคร และฉะเชิงเทรา จำนวน 1,526 คน พบว่า มีเด็กจำนวน 197 คน หรือร้อยละ 12.9 มีระดับสารตะกั่วในเลือดสูงกว่า 10 มคล./ดล. ซึ่งเป็นค่าที่เกือบทุกประเทศกำหนดให้เป็นค่าความปลอดภัย
       
       รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ศูนย์ฯได้สำรวจบ้านเด็กเหล่านี้จำนวน 49 ราย พบว่า ร้อยละ 92 หรือ 45 ราย มีการใช้สีน้ำมันทาบางตำแหน่งภายในบ้าน และพบว่าสีน้ำมันเหล่านั้นร้อยละ 55.6 หรือ 25 ราย มีสารตะกั่วสูงเกินกว่า 100 ppm ส่วนการสำรวจฝุ่นผงภายในบ้านพบว่า ร้อยละ 22.4 หรือ 11 ราย มีสารตะกั่วในฝุ่นผงภายในบ้านสูงกว่า 400 ppm
       
       "ในต่างประเทศมีการควบคุมระดับสารตะกั่วในสีแล้ว ดังนั้น สีที่จะนำมาทาภายในบ้าน ของเด็กเล่น เฟอร์นิเจอร์ จะต้องมีการควบคุม นอกจากกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องออกกฎหมายแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องแสดงฉลากให้ชัดเจน โดยเฉพาะสีน้ำมันที่ผู้ประกอบการกล่าวอ้างว่า ไม่ใช่สีทาภายในบ้านแต่ประชาชนนำไปทาเองนั้นต้องมีฉลากชัดเจนว่ามีสารตะกั่วเท่าไร และต้องระบุด้วยว่าห้ามใช้ทาอาคารภายในที่อยู่อาศัย เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องเล่นของเด็ก หรืออาจะรับุว่ามีสารตะกั่วสูงทำให้เด็กโง่ เป็นต้น หากมีการควบคุมจะสามารถช่วยลดระดับสารตะกั่วในเลือดของเด็กได้ ซึ่งในสหรัฐฯเห็นได้ชัดเจนว่า 20 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีการควบคุม ระดับสารตะกั่วมีการลดลงต่อเนื่องทุกปี" รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าว
       
        นางเบญจมาพร เอกฉัตร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารมาตรฐาน 3 (เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ผู้บริโภค) กล่าวในเวทีสัมมนาเรื่อง "สีปลอดสารตะกั่ว นโยบายที่เป็นจริงได้" ว่า สีปลอดสารตะกั่วสามารถเป็นจริงได้ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมมือกัน ซึ่งทาง สมอ.เองที่ผ่านมาได้กำหนดมาตรฐานสีแต่เป็นลักษณะแบบสมัครใจ คือ ถ้ามีความประสงค์ก็มาขอรับมาตรฐาน เมื่อดำเนินการตรวจสอบแล้วหากผ่านมาตรฐานก็จะให้เครื่องหมายรับรอง แต่หากภายหลังตรวจสอบพบว่า ผลิตแล้วไม่ได้มาตรฐานจะมีโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรืออาจเพิกถอนใบอนุญาต อย่างไรก็ตาม สมอ.ถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่ายถึงเรื่องมาตรฐานสารตะกั่วในสีว่าเหตุใดจึงไม่มีการบังคับเสียที ล่าสุด ได้เสนอบอร์ด สมอ.ให้บังคับมาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งหมดคือโลหะหนัก ของสีน้ำมันทั้ง 3 ตัว คือ แบบด้าน กึ่งเงา และเงา ซึ่งขณะนี้ยกร่างเสร็จแล้ว เหลือเพียงส่งให้กฤษฎีกาตีความ และประกาศใช้ต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปีเป็นอย่างน้อย ซึ่งการบังคับนี้จะรวมไปถึงการนำเข้าด้วย เพราะเท่าที่ทราบคือผลตรวจสารตะกั่วที่พบว่าเกินเป็น 10,000 ppm นั้น เป็นสีนำเข้าจากประเทศที่ระบุว่ามีการเลิกใช้สารตะกั่วแล้ว นอกจากนี้ อาจจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องการทาสีใหม่ในอาคารที่มีอายุ 5-10 ปีด้วย ทั้งนี้ สีปลอดสารตะกั่วอาจไม่ได้หมายความว่าไม่มีตะกั่วเลย แต่จะต้องมีสารตะกั่วที่ไม่เกินค่ามาตรฐานกำหนด

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)