Author Topic: แอปเปิลเผยสามารถจำหน่าย Apple TV เกิน 13 ล้านเครื่อง  (Read 600 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


  หลังจากเก็บเงียบมานาน ซีอีโอแอปเปิลอย่างทิม คุก (Tim Cook) ก็ประกาศว่าสามารถจำหน่ายอุปกรณ์เชื่อมต่อโทรทัศน์ “แอปเปิลทีวี (Apple TV)” ได้ราว 13 ล้านเครื่องทั่วโลก
       
       ซีอีโอแอปเปิลเปิดเผยข้อมูลนี้ระหว่างการสัมภาษณ์บนเวทีงานประชุมประจำปีของสำนักข่าว All Things D ซึ่งจัดที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยยอมรับว่าหลายปีที่ผ่านมาแอปเปิลทีวีสามารถจำหน่ายได้เพียง 2-3 แสนเครื่องต่อปี จนกระทั่งล่าสุดอุปกรณ์เสริมสำหรับทีวีของแอปเปิลสามารถจำหน่ายได้เกิน 13 ล้านเครื่องแล้ว
       
       ซีอีโอแอปเปิลระบุว่า เฉพาะปีที่แล้วแอปเปิลทีวีสามารถจำหน่ายได้มากกว่า 6.5 ล้านเครื่อง พร้อมกับยอมรับว่าตลาดโทรทัศน์กลายเป็นพื้นที่สำคัญที่แอปเปิลให้ความสนใจ โดยถือว่าบริษัทประทับใจกับยอดจำหน่ายแอปเปิลทีวีที่เกิดขึ้น ทั้งที่แอปเปิลไม่ได้ทำตลาดสินค้ากลุ่มทีวีเหมือนกับที่ทำกับผลิตภัณฑ์อื่น
       
       แอปเปิลทีวีนั้นถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2006 จนกระทั่งถูกพัฒนามาเป็นแอปเปิลทีวียุคที่ 2 ในเดือนกันยายน ปี 2010 ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าแอปเปิลจะปรับลดราคา (จาก 299 เหรียญเป็น 229 เหรียญ) เพิ่มฟีเจอร์ หรืออัปเดตอินเตอร์เฟซใหม่เท่าไรก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไอโฟน แอปเปิลทีวีรุ่น 2 จึงถูกหั่นราคาครั้งใหญ่เหลือเครื่องละ 99 เหรียญสหรัฐ (ราว 3,000 บาท) จนทำให้ยอดจำหน่ายแอปเปิลทีวีทะลุ 1 ล้านเครื่องได้สำเร็จในเดือนธันวาคม 2010
       
       นักวิเคราะห์เชื่อว่า หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้แอปเปิลทีวีรุ่นแรกไม่สามารถทำรายได้ถล่มทลายเหมือนไอโฟนคือการขาดคอนเทนต์ในการดึงดูดผู้บริโภค เพราะแอปเปิลทีวีนั้นเป็นอุปกรณ์ในรูปกล่องจิ๋วเซตท็อปบ็อกซ์ที่ออกแบบมาสำหรับให้ผู้ใช้เช่าและซื้อวิดีโอจากร้านไอจูนส์มาชมบนโทรทัศน์ เมื่อเปิดตัวแอปเปิลทีวีรุ่น 2 แอปเปิลจึงมุ่งแก้ปัญหาขาดแคลนคอนเทนต์ด้วยการทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการวิดีโอออนไลน์ในสหรัฐฯ อย่างเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) สถานีวิทยุออนไลน์พ็อดคาสต์ (podcasts) และบริการฝากรูปอย่างฟลิกเกอร์ (Flickr) ผ่านแอปเปิลทีวี ทำให้ผู้ใช้สามารถนอนเอนหลังบนโซฟาพร้อมชมภาพหรือวิดีโอจากทีวีจอใหญ่ได้แทนที่ต้องไปนั่งคุดคู้หน้าคอมพิวเตอร์เท่านั้น
       
       ขณะเดียวกัน แอปเปิลทีวีถูกปรับให้ผู้ใช้สามารถส่งไฟล์จากคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ไอโฟน และไอแพดมาเล่นบนทีวีเครื่องใหญ่ได้ ทำให้แอปเปิลทีวียุคที่ 2 เริ่มกลายเป็นอุปกรณ์เสริมที่สาวกผู้ใช้แมคอินทอชอยากซื้อหามาใช้งาน เช่นเดียวกับบริษัทองค์กรที่ต้องการให้พนักงานส่งไฟล์จากอุปกรณ์ส่วนตัวไปแสดงบนทีวีห้องประชุมได้รวดเร็ว
       
       จากการเปิดเผยของซีอีโอแอปเปิล ยอดจำหน่ายแอปเปิลทีวี 13 ล้านเครื่องนี้สะท้อนว่าแอปเปิลทีวียุคใหม่สามารถทำยอดจำหน่ายได้มากกว่า 12 ล้านเครื่องในช่วงปี 2011-2013 โดยแอปเปิลทีวีรุ่นใหม่นั้นมีขนาดเพียง 1 ใน 4 ของรุ่นแรก เป็นกล่องสีดำดูสนุกน่าค้นหาและไม่มีฮาร์ดไดรฟ์ ด้านหลังเครื่องมีกลุ่มพอร์ตเชื่อมต่อซึ่งแม้จะน้อยกว่ารุ่นแรกมากนักแต่สามารถรองรับมาตรฐาน HDMI ในทีวีความละเอียดสูงได้โดยไม่ต้องใช้เครือข่าย Wi-Fi ตัวเครื่องสามารถต่อตรงกับทีวีได้เลยไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์ สามารถแสดงวิดีโอความละเอียด 720p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
       
       จุดประสงค์ดั้งเดิมของแอปเปิลทีวีคือการขายภาพยนตร์ แต่วันนี้ผู้ใช้สามารถเช่าภาพยนตร์ได้ตามสิทธิ์การชมแต่ละประเทศ ระบบไม่ต้องใช้ฮาร์ดไดรฟ์ในเครื่องเพราะการเช่าภาพยนตร์และรายการทีวีบนอุปกรณ์ของแอปเปิลนั้นเป็นการสตรีมมิ่งซึ่งต้องพึ่งพาระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้แอปเปิลทีวีถูกให้คำจำกัดความว่า “สตรีมมิ่งบ็อกซ์ (streaming box)” ตามลักษณะการใช้งาน
       
       ก่อนหน้านี้ สื่อต่างประเทศพร้อมใจกันตีข่าวว่าแอปเปิลกำลังซุ่มเปิดตัวชุดโปรแกรมใหม่ที่นักพัฒนาจะสามารถใช้เป็นเครื่องมือเขียนแอปพลิเคชันสำหรับแอปเปิลทีวี งานนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่าหากข่าวทั้งหมดเป็นความจริงแอปเปิลทีวีจะถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เนื่องจากสตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งแอปเปิลนั้นเคยประกาศไว้ในช่วงปลายปี 2010 ว่ามีแผนจะเปิดร้านแอปสโตร์สำหรับแอปเปิลทีวีเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
       
       ทั้งหมดนี้ยังไม่มีการยืนยันใดๆ
       
       Company Related Link :
       Apple

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
1508 Views
Last post December 26, 2009, 09:03:26 AM
by IT
0 Replies
1563 Views
Last post January 20, 2010, 10:05:06 AM
by Nick
0 Replies
1533 Views
Last post January 20, 2010, 10:37:39 AM
by Nick
0 Replies
1497 Views
Last post January 21, 2010, 11:17:31 AM
by Nick
0 Replies
1441 Views
Last post January 27, 2010, 08:55:49 AM
by Nick
0 Replies
1594 Views
Last post January 29, 2010, 10:27:48 AM
by Nick
0 Replies
1931 Views
Last post January 29, 2010, 10:28:19 AM
by Nick
0 Replies
2860 Views
Last post June 16, 2010, 01:00:19 PM
by Nick
0 Replies
2547 Views
Last post January 15, 2012, 08:57:45 AM
by Nick
0 Replies
1944 Views
Last post December 31, 2012, 01:49:03 PM
by Nick