Author Topic: “สามารถฯ” ลุย 2 ไลเซนส์ทีวีดิจิตอล  (Read 660 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


แท็บเล็ตตระกูล idea หนึ่งในสินค้าสายธุรกิจ Mobile-Multimedia ซึ่งช่วยให้บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ทำสถิติกำไรเพิ่มขึ้นสูงกว่า 700%


วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์

สามารถฯ เตรียมลุยตลาดทีวีดิจิตอลปลายปีนี้ มั่นใจมียอดขายกล่อง 20% ภายใน 3 ปี ควบเข้าประมูลไลเซนส์ช่องกีฬา-ไลเซนส์โครงข่าย พร้อมโชว์รายได้ไตรมาสแรกฟัน 5,307 ล้านบาท ชูสมาร์ทโฟนพระเอก คาดทั้งปีมีรายได้ 30,000 ล้านบาทแน่
       
       นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวภายในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2556 ว่า บริษัทเตรียมควักงบประมาณ 100-200 ล้านบาทรุกตลาดทีวีดิจิตอลที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประกาศไว้ว่าประชาชนจะเริ่มรับชมได้ประมาณปลายปีนี้ ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ผลิตกล่อง set-top box หรือกล่องรับสัญญาณเพื่อการรับชม โดยคาดว่าจะมีราคากล่องละ 900 บาท ส่วนขนาดตลาดเครื่องรับสัญญาณนั้นมีมากถึง 30 ล้านเครื่อง บริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งในตลาด 20% หรือ 4-5 ล้านเครื่องภายใน 3 ปีจากนี้ ส่วนในปีแรกจะมียอดขายเพียงหลักแสนเครื่องเท่านั้น
       
       ทั้งนี้ บริษัทยังเตรียมเข้าร่วมการประมูลทีวีดิจิตอลประเภทช่องธุรกิจที่ กสทช.จะเปิดประมูลในเดือน ส.ค.-ก.ย. 2556 นี้ โดยสามารถฯ จะจับมือกับสยามกีฬาเพื่อเข้าประมูล 1 ช่องเพื่อนำมาทำช่องข่าวกีฬา พร้อมทั้งเตรียมยื่นขอใบอนุญาตประเภทโครงข่าย ซึ่ง กสทช.จะใช้วิธีประกวดคุณสมบัติ
       
       สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2556 กลุ่มสามารถมีรายได้รวม 5,307 ล้านบาท สูงขึ้น 23% กำไรสุทธิ 354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยมาจากยอดขายสมาร์ทโฟนตระกูล iQ ของไอ-โมบายที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการรับรู้รายได้ของสายธุรกิจไอซีที ซึ่งปัจจุบันมีงานอยู่ในมือรวมแล้วกว่า 9,000 ล้านบาท
       
       “จากผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีนี้ทำให้มั่นใจได้ว่ากลุ่มสามารถฯ จะทำรายได้ทั้งปี 2556 ทะลุ 30,000 ล้านบาทแน่นอน โดยจะมีธุรกิจ SAMTEL และ SIM เป็นหัวใจสำคัญ”
       
       สำหรับผลประกอบการในกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตมากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2555 ประกอบด้วยสายธุรกิจ Mobile-Multimedia นำโดย บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ทำสถิติกำไรเพิ่มขึ้นสูงกว่า 700% โดยคิดเป็นกำไรสุทธิ 177 ล้านบาท จากรายได้ทั้งสิ้น 2,466 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 55%
       
       สายธุรกิจ ICT Solutions นำโดยบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% มีกำไรสุทธิ 261 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ เมื่อบริษัทลูกแข็งแกร่งจึงส่งผลให้บริษัทแม่ คือบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% กำไรสุทธิ 354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผลการดำเนินงานของบริษัท โดยไม่นำผลกระทบของมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 12 เรื่องภาษีเงินได้มารวมด้วยแล้ว ในไตรมาสนี้สามารถเทลคอมจะมีกำไรสุทธิ 292 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และสามารถคอร์ปจะมีกำไรสุทธิ 368 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 37% เช่นกัน
       
       ส่วนสายธุรกิจ ICT Solutions โดย SAMTEL งานในมือมีมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท รอประมูลอีกกว่า 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้ SAMTEL มีการเซ็นสัญญาโครงการในไตรมาสแรกประมาณ 1,500 ล้านบาท จากการจัดทำระบบป้องกันการสื่อสารของกรมราชทัณฑ์ โครงการเช่าสถานีฐานของทีโอที 3G และโครงการปลีกย่อยอื่นๆ โดยปัจจุบันมีโครงการในมือที่จะทยอยรับรู้รายได้มูลค่ารวมแล้วกว่า 9,000 ล้านบาท
       
       อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีโอกาสในการเข้าประมูลโครงการสำคัญขององค์กรต่างๆ มูลค่าโครงการรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท อาทิ โครงการ 3G เฟส 2 ของทีโอที รวมถึงโครงการของการท่าอากาศยานฯ กระทรวงมหาดไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น

นอกจากนี้ สามารถฯ ยังมีรายได้ประจำเพิ่มขึ้นจากโครงการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจหลักของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเดือนละ 53 ล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่าจะมีโอกาสในการขยายงานเพิ่มในไตรมาส 3 จึงมั่นใจว่ากลุ่มสามารถเทลคอมจะมีรายได้ปี 56 ตามเป้า 16,000 ล้านบาท
       
       “เบื้องต้นคาดว่าจะติดตั้งสถานีฐานใน 3G เฟสแรกครบ 5,270 สถานีฐานภายในเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ และสามารถเซ็น MVNO ภายในเดือนหน้าเช่นเดียวกัน ส่วนการเซ็นสัญญาในโครงการ 3G เฟส 2 ของทีโอทีจะทำได้ภายในปลายปี 2556 นี้หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
       
       ขณะเดียวกัน สายธุรกิจ Mobile-Multimedia โดย SIM ซึ่งเน้นรุกตลาดสมาร์ทโฟน 3G เป็นหลัก เนื่องจากกระแสความต้องการสมาร์ทโฟนในปัจจุบันส่งผลให้ไอ-โมบายมียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในไตรมาสแรกถึงเกือบ 400,000 เครื่องจากจำนวนที่จำหน่ายได้ทั้งหมด 900,000 เครื่อง จึงคาดว่าในปีนี้ยอดขายสมาร์ทโฟนไอ-โมบายจะพุ่งขึ้นเป็น 70% ของยอดขายรวม หรือราว 2.3 ล้านเครื่องจากประมาณการยอดขายรวม 3.3 ล้านเครื่อง
       
       แนวโน้มตลาดที่แสดงว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าจะส่งผลให้รายได้และกำไรของ SIM มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยในไตรมาส 2 จะมีการรุกตลาดสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟน IQ รุ่นใหม่ เช่น IQX, IQ9 และ IQ 6.1 ระบบแอนดรอยด์ 4.2 ที่สามารถรองรับได้ 2 ซิม กล้องคมชัด พร้อมคุณสมบัติเทียบเท่าแบรนด์ระดับพรีเมียม และยังเสริมด้วยการเติบโตของธุรกิจ Content ที่พร้อมรองรับบริการ 3G เต็มรูปแบบ ทั้ง online และ offline สามารถให้บริการได้ทั้งภาพและเสียง ไปยังผู้บริโภคได้ในทุกแพลตฟอร์ม บริษัทฯ จึงมั่นใจว่ารายได้รวมของกลุ่ม SIM จะเข้าตามเป้า 11,000 ล้านบาทในปีนี้
       
       “ดูได้จากราคาเฉลี่ยต่อเครื่องสมาร์ทโฟนที่เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมในไตรมาสแรกปี 2555 ราคาเฉลี่ยต่อเครื่องเพียง 1,100 บาทเท่านั้น แต่ในปีนี้ราคาเฉลี่ยต่อเครื่องเพิ่มเป็น 2,500 บาท ทำให้ในครึ่งปีหลังที่เหลือไอ-โมบายจะออกตัวสมาร์ทโฟนอีก 20 รุ่น”
       
       นายวัฒน์ชัยกล่าวว่า สายธุรกิจอื่นๆ (Related Businesses) มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นจากผลการดำเนินงานที่น่าพอใจของบริษัท วันทูวันคอนแทคส์ จำกัด และบริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด โดยวันทูวันมีโครงการที่รอการประมูลอีกกว่า 700 ล้านบาท ทั้งยังมีแผนนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ส่วนวิชั่นฯ มีโครงการในมือ ณ ปัจจุบันมูลค่ารวม 332 ล้านบาท
       
       อีกทั้งบริษัทยังมีโอกาสในการเข้าร่วมประมูลโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดของ กทม., กระทรวงมหาดไทย และการท่าอากาศยานฯ มูลค่าอีกกว่า 1,500 ล้านบาท และใน สายธุรกิจ Utilities & Transportations โดยเฉพาะ 2 บริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจในประเทศกัมพูชา ส่วนการขยายงานในประเทศไทย บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากเทด้า บริษัทล่าสุดในเครือซึ่งดำเนินธุรกิจด้านระบบสายส่งไฟฟ้าอีกไม่ต่ำกว่าปีละ 550 ล้านบาท และยังมีงานรอให้ประมูลอีกกว่าหมื่นล้านบาทด้วย
       
       Company Related Link :
       Samart

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)