Author Topic: “ตาล” ไม่รู้ไม่ชี้แฟนฝรั่งโกงชาวบ้าน แย้งอาจโดนใส่ร้าย เผย “เสี่ยตัน” ก็เคยไปร่วมงานด้วย  (Read 1009 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai

<a href="https://www.youtube.com/watch?v=d25wm4JSFLs" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=d25wm4JSFLs</a>

“ตาล” ไม่รู้ไม่ชี้แฟนฝรั่งโกงชาวบ้าน แย้งอาจโดนใส่ร้าย เผย “เสี่ยตัน” ก็เคยไปร่วมงานด้วย “ตาล” ไม่รู้ไม่ชี้แฟนฝรั่งโกงชาวบ้าน แย้งอาจโดนใส่ร้าย เผย “เสี่ยตัน” ก็เคยไปร่วมงานด้วย “ตาล” ไม่รู้ไม่ชี้แฟนฝรั่งโกงชาวบ้าน แย้งอาจโดนใส่ร้าย เผย “เสี่ยตัน” ก็เคยไปร่วมงานด้วย


“ตาล กัญญา” ไม่รู้แฟนฝรั่งโกงแชร์ลูกโซ่หรือไม่ อ้างไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันด้านธุรกิจ ยอมรับเคยไปร่วมงานสัมมนาของบริษัทแฟนจริงแต่ “เสี่ยตัน” ก็ไปร่วมด้วยเช่นกัน เรียกร้องให้ตำรวจมาตรวจสอบเพราะอาจโดนใส่ร้ายจากคู่แข่ง ส่วนรถเฟอร์รารี่ตกแต่งสีชมพูที่เอามาขับ เจ้าตัวอ้างยืมแฟนมาใช้เพราะรถเสีย
     
       หลังจากที่ “ตาล กัญญา รัตนเพชร” ตกเป็นข่าวกระหึ่มในอินเตอร์เน็ตว่าคบหากับแฟนฝรั่ง “ไมเคิล ซาเฟล” ชาวเดนมาร์กเป็นผู้นำองค์กรขายตรงของบริษัท Bhip ซึ่งทำธุรกิจขายตรงให้กับสินค้าอาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งจากสหรัฐเมริกา ที่ถูกแฉในโลกไซเบอร์ว่า เป็นการทำธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่ และกล่อมให้คนอื่นเข้าร่วมทำธุรกิจด้วยเป็นจำนวนมาก แต่หลายคนกลับต้องสูญเสียเงินหลายแสนจากการเข้าร่วมธุรกิจครั้งนี้
       
       หลายคนตั้งคำถามว่า ตาลเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะเจ้าตัวขับรถเฟอร์รารี่สุดหรูราคา 15 ล้านเป็นพาหนะคู่กาย ทั้งที่เมื่อ 4 ปีก่อนยังขับโตโยต้าวิออสอยู่เลย ล่าสุดตาลได้เดินทางไปบวงสรวงละครของช่องมีเดียชาแนลที่สตูดิโอมนตรี ลาดพร้าว 101 ผู้สื่อข่าวก็เลยสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว เจ้าตัวบอกไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันด้านธุรกิจกับแฟน และถ้าผิดจริงก็น่าจะโดนตำรวจไทยตรวจสอบ ส่วนเรื่องรถเฟอร์รารี่บอกยืมรถแฟนมาขับเพราะรถตนเสีย ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายเดือนก็เห็นตาลใช้รถดังกล่าวในการไปถ่ายละครหรือถ่ายแบบจนเป็นที่เลื่องลือ เพราะนอกจากรถคันดังกล่าวจะแพงระยับแล้วยังตกแต่งเป็นสีชมพูสไตล์สาวหวานแหว๋วจนเป็นที่สะดุดตา
       
       “ตาลก็ทราบจากทางอินเตอร์เน็ตเพราะจริงๆ แล้วเรื่องงานของเขาตาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวจริงๆ ตาลแค่รับผิดชอบเรื่องการแสดงและเรื่องเรียนตาลก็แทบจะไม่ไหวแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ตาลไม่ทราบจริงๆ ก็ได้อ่านในเนตแล้วก็ตามโพสต์ต่างๆ ตาลก็รู้ว่าเขาเป็นนักธุรกิจนำเข้าสินค้าขายในประเทศไทย หลายคนก็เป็นห่วงว่าจะเอาชื่อตาลไปแอบอ้าง เอาเป็นว่าตาลก็เป็นห่วงตัวเองเหมือนกันค่ะ(หัวเราะ) เท่าที่ตาลคุยกับเขาตาลก็รู้จักนิสัยพื้นๆของเขา แต่ตาลไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายชีวิตส่วนตัวของเขาเลย"
       
       “ที่ผ่านมาเขาไม่เคยชวนทำธุรกิจ ส่วนใหญ่เราไม่คุยเรื่องนี้กันอยู่แล้ว เพราะตาลไม่เป็นเรื่องนี้เลย พอเป็นข่าวตาลไม่ได้คุยกับเขาเรื่องนี้เลย แต่ก็มีคุยบ้างคือต่างคนก็ต่างไม่รู้จะพูดยังไง ในเมื่อข่าวมันออกมาแล้วตาลเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง เขาก็ทำธุรกิจมาแล้วตั้ง 10 ปีแล้ว ถ้าเขาจะโกงทำไมถึงไม่มีตำรวจมาจับเขา นี่คือสิ่งที่ตาลสงสัยจริงๆ ไม่ใช่ว่าตาลไปเข้าข้างเขา ตาลแค่อยากรู้ว่าถ้าเขาโกงจริงๆ ทำไมการตรจสอบของประเทศไทยถึงเข้าไปไม่ถึงผู้บริโภคของเขา"
       
       "ก็ตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้นเหมือนกัน นอนไม่หลับ(หัวเราะ) ก็งงค่ะ คือแบบว่าไม่ต้องไปสืบค้นก็มีคนมาให้ข้อมูลอย่างพ่อแม่ตาลเองก็เคยเจอเขานะ เรื่องงานเรื่องอะไรพวกนี้เราไม่ได้สนใจจริงๆ เราคุยกันเราไม่ได้ต้องไปรู้ว่าเขามีเงินเท่าไหร่ยังไง ตาลไม่ได้คบเขาตรงนั้น ที่บ้านตาลเองเขาก็เป็นห่วง แต่ตาลก็เฉยๆ นะเพราะรู้สึกว่าเราไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย ตาลไม่ได้เข้าไปเป็นพรีเซ็นเตอร์เพราะตาลเองก็มีสินค้าที่ตาลต้องเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่แล้วเหมือนกัน"
       
       ถึงแฟนจะตกข่าวฉาวเป็นที่กังขาแต่ “ตาล” ก็ยังยืนยันที่จะคบกัน และอยากให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบจะทราบข้อเท็จจริงกันไปเลย
       "ก็ยังคุยกันค่ะ แต่เราไม่เคยคุยกันในเรื่องของงาน อยากให้ทุกคนแยกระหว่างประเด็นของงานและเรื่องส่วนตัวมากกว่า จริงๆ แล้วตาลอยากให้เจ้าหน้าที่ของทางตำรวจประเทศไทยเข้าไปตรวจสอบดีกว่า เพื่อที่จะได้รู้กันแจ่มแจ้งไปเลย เพราะกระแสในอินเตอร์เน็ตมันก็มีทั้งดีและไม่ดี ถ้าเขาผิดจริงก็ต้องยอมรับว่าเขาผิดจริงๆ ส่วนตาลเองก็ยังไม่รู้ว่ายังไง แต่ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะกระทบเรา แต่ก็อยากให้แยกแยะนิดนึงว่าเรากับเขาต่างกัน เขาทำงานธุรกิจเราทำงานเป็นนักแสดง ซึ่งตาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยจริงๆ"
       
       บอกไม่ได้เกี่ยวข้องแต่มีภาพที่ “ตาล” ไปร่วมสัมนากับบริษัทของแฟน
       "ธุรกิจของเขาที่ทำก็มีพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นดาราหลายคนมาก มีอันหนึ่งที่เขาบอกว่าตาลถือภาพสินค้าถ่ายรูป ซึ่งตาลทำอย่างนั้นไม่ได้อยู่แล้ว ทำตาลต้องโดนฟ้องเพราะตาลเองก็มีผลิตภัณฑ์ติดตัวตาลมา"
       
       "งานสัมมนาของเขาก็มีคุณตัน(ภาสกรนที)ไปพูด แล้วตาลก็ไปบรรยาย ที่คุณตันพูดก็ไม่ได้พูดถึงธุรกิจนี้เลย เขาพูดเรื่องหลักของการใช้ชีวิตทั่วไป เวลาที่ตาลไปดูตาลก็จะไปดูอย่างนี้ แต่เวลาที่เขาพูดกันตาลก็ไม่ได้เข้าไปดู คือคนอ่ะไปคิดมาก คือตาลดูภาพอย่างมีภาพจับมือตาลก็มองแล้วไม่ได้รู้สึกอะไร ซึ่งตาลก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คนคิดไป ภาพนั้น(จับมือไปโดนเป้าผู้ชาย)เป็นวันที่เราไปดูคอนเสิร์ต ก็นั่งร้องเพลงเล่นกัน แล้วมือมันไปพาดตรงเก้าอี้ ก็อาจจะด้วยมุมกล้องก็เลยเป็นอย่างนั้น"
       
       ปฏิเสธแค่ยืมเฟอร์รารี่แฟนมาขับเพราะรถเสีย ไม่ใช่ของกำนัลที่แฟนซื้อให้ ไม่รู้สึกว่าแฟนรวยผิดปกติ
       "ไม่ได้ซื้อค่ะ พอดีรถตาลพังแล้วเอาไปเข้าศูนย์ก็เลยเอารถเขามาใช้ก่อน ถามว่าเขารวยผิดปกติไหม เอาจริงๆ เลยนะเวลาที่เขามาหาตาลเขาก็นั่งมอเตอร์ไซต์มาจากสยามมาถึงอารีย์ ก็เลยรู้สึกว่าเขาเองก็ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราอะไร ซึ่งในภาพที่เห็นๆ กันเขาก็เป็นคนหัวกระเซิงใส่กางเกงเอาเท้าพาดอะไรตามภาพนั่นแหละ ตาลก็อยากให้ช่วยตัดสินเขาจะที่เขาเป็นจริงๆ มากกว่า"
       
       เรียกร้องให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ เพราะแฟนหนุ่มอาจโดนใส่ร้าย
       "ตาลไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งเรื่องนี้เพราะมันเป็นงานของเขา มันอาจจะเป็นการตลาด การโปรโมทหรืออะไรสักอย่างของเขารึเปล่า เขาก็ทราบนะว่าเรื่องนี้อาจกระทบกับตาล เมื่อวานตาลก็บอกเลยว่ายังไงก็ให้ทางการกับทางตำรวจเกี่ยวกับควบคุมผู้บริโภคไปเลย ให้เขาดูแลไปเลยเพราะเราเองก็ไม่รู้ว่ามันอะไรยังไง อย่างบอกทีเขาก็บอกว่ามีบริษัทอื่นเข้ามาใส่รึเปล่า อาจจะโดนโจมตี เพราะก่อนที่จะมารู้จักกันก็เห็นเขาโดนโจมตีเยอะ"
       
       ไม่กลัวตกเป็นเหยื่อ
       "ถ้าหลอกทางใจก็คงกลัว แต่ถ้าเรื่องนี้ไม่เพราะเราไม่ยุ่งเกี่ยวกันอยู่แล้ว และตาลเองก็ไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ ที่ผ่านมาเขาก็จริงใจนะ ตาลพูดได้ว่าตาลไม่กล้ายืนยันว่าเขาโกงรึเปล่าเพราะตาลไม่ทราบเรื่องอะไรด้วยทั้งสิ้น ตาลไม่ได้อยู่ในฐานะที่ทำงานกับเขา ตาลไม่ได้เจาะจงถึงตรงนั้น อะไรถูกอะไรผิดตาลไม่รู้แล้ว"
       
       "ถามว่ามั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ไหม เจอข่าวมาแบบนี้ก็คงไม่มีใครกล้า100 เปอร์เซ็นต์ ก็เผื่อใจไว้ และถ้าเกิดการตรวจสอบจริงก็คงไม่มาถึงตาลเพราะตาลไม่เกี่ยวในธุรกิจของเขา"
       
       ถ้าผิดจริงยังไม่แน่ใจว่าจะเลิกหรือไม่
       "อันนี้ตาลยังไม่ทราบเหมือนกัน ก็อยากให้เขาตรวจสอบกันก่อนว่าผลที่ออกมาจะเป็นยังไง ก็เครียดนะ อยู่ดีๆมามีข่าว งงค่ะ เราคบกันมาเกือบ 2 ปีแล้วก็ราบรื่นไม่มีอะไร"


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)