Author Topic: “สมรักษ์” ยัน “ประวิทย์” ออกไม่มีผล บอกอดีตบอสสั่งให้ช่อง 3 ทำละครเรต ท.  (Read 1007 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




“สมรักษ์” ลั่น “ประวิทย์” ลาออกไม่มีผลกระทบ ช่องยังใช้นโยบายเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เผย อดีตบอสสั่งไว้อยากให้ทำละครเรต ท.ทั่วไป ปลอด ตบ จูบ รุนแรง เพราะอยากให้ช่อง 3 เป็นช่องที่ครอบครัวคนไทยไว้ใจ ไม่มีพิษไม่มีภัย เชื่อไม่ทำให้เรตติ้งตก
                 
       หลังจากที่ผ่านมา วงการโทรทัศน์บ้านเรา โดยเฉพาะในส่วนของรายการและละครที่นับวันเนื้อหาจะรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการ ตบ จูบ โป๊ เปลือย ที่ผู้ผลิตใช้เป็นเครื่องมือในการกระชากเรตติ้ง จนบางครั้งดูจะเกินเลยมากจนเกินไป กระทั่งเกิดการเลียนแบบจนสร้างความเสียหายตามมาในสังคม
       
       ล่าสุด ทางสภาวิชาชีพกิจการแพร่ภาพและกระจายเสียง (ประเทศไทย) จึงได้ร่วมกับ กสทช.จัดสัมมนาจริยธรรมสื่อ เพื่อและเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหัวข้อ “เปิดโลกทัศน์ เปิดใจ ไปกับจริยธรรมสื่อมวลชน” โดยยกตัวอย่างเรื่องของการตบ จูบ และพฤติกรรมที่รุนแรง ที่นำเสนอผ่านรายการและละครในโทรทัศน์ปัจจุบัน ซึ่งกับกรณีดังกล่าว สอบถามความคิดเห็นไปยังนาย “สมรักษ์ ณรงค์วิชัย” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้เผยว่า ในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา ทางสถานีช่อง 3 ได้พยายามปรับแก้เนื้อหาของละครในสถานีให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดอยู่ที่เรต ท.ทั่วไป
                 
       “เราคุยกันมาหลายปีแล้ว ว่า เราอยากจะให้เราละครของเราเป็นละครสร้างสรรค์ ให้คนดู ดูแล้วได้อะไร แต่เราเองก็ไม่กล้าที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่เลยซะทีเดียว เราก็จะค่อยๆ สอดแทรกเอาครับตอนนี้ แล้วมาดูอีกทีว่า ผลมันคืออะไร เราเริ่มมาหลายปีแล้ว เราอยากจะพูดถึงสังคมของครอบครัว อยากเสนอมุมอื่นๆ ดูบ้าง ที่เราอยากทำให้ได้อย่างเรื่อง อุ้มรัก ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ธรณีนี่นี้ใครครอง รักเกิดในตลาดสด เป็นต้น เราอยากทำละครในเชิงบวก เรื่องใสๆ เอามาลองทำดู แล้วมาดูฟีดแบ็คว่าเกิดอะไรกันขึ้นบ้าง มันก็ค่อนข้างได้ผล”
       
        “อย่างละครอะไรที่ต้องมาแก้แค้นกันเราทิ้ง ไม่ผ่านเยอะมาก เราบอกเลยว่าเราไม่ทำ อยากได้อยากทำเรื่องที่มันดูดำจนเกินไป ขอแค่เทาๆ ในแง่ของการนำเสนอ เราก็บอกผู้จัดในแง่ของการรับผิดชอบ โอเคถ้าเราจะต้องสร้างมาตรฐาน ทำให้อยู่ในเรต น.13 กัน ถ้าเป็นไปได้เราขอเป็น ท.ได้ไหม ตอนนี้ถ้าสังเกตหน้าจอช่อง 3 ละครหลายเรื่องเป็นแบบนั้นแล้ว เราค่อนข้างมั่นใจในเนื้อหาว่าไม่มีเขียนซีนที่รุนแรง ไม่มีเรื่องเพศ เรื่องภาษา หยาบคาย เราก็กล้าที่จะใช้”
       
       “ที่เราทำคือไม่ใช่ว่าเราป้องกันหรือว่ากลัวจะเกิดปัญหาอะไร ที่เราทำเพราะคุณประวิทย์ (ประวิทย์ มาลีนนท์) แกขอไว้หลายปีแล้ว ว่า อยากให้ช่อง 3 เป็นช่องที่ครอบครัวคนไทยไว้ใจ สามารถเปิดช่อง 3 ดูได้ตลอด เพราะดูแล้วไม่มีพิษไม่มีภัย นี่คือความตั้งใจของคุณประวิทย์ แกก็พยายามบอกมานานแล้ว แกเข้าใจว่า ละครต้องมีฉากฆ่ากัน ต่อสู้กัน แต่จะทำยังไงให้มันรู้สึกตรงนั้นน้อยที่สุด ไม่เห็นเลือด ไม่เห็นการแสดงวิธีการ เราก็นำแนวคิดของคุณประวิทย์มาอยู่ในแนวทางการทำละครของผู้จัด ก็ต้องค่อยๆ เปลี่ยน คนเขียนบท ผู้จัด ผู้กำกับก็ค่อยๆ เปลี่ยนกันไป”
       
        “ช่วงแรกๆ ผู้จัดเขาก็คิดกันไม่ออกว่าจะต้องทำยังไง หลังๆ นายก็ช่วยคิดว่าเราควรจะแสดงให้เห็นถึงผลไหม ว่าถ้าเขาทำไม่ดีแล้วเขาจะได้รับผลยังไง ก็เป็นความรับผิดชอบของเราที่จะทำบทละครนั้นให้เกิดจิตสำนึกขึ้น คือดูแล้วคนดูจะต้องเกิดการตระหนัก ฉุกคิดขึ้นมาถึงผลของการกระทำไม่ดีที่จะตามมา เราก็พยายามศึกษาดัดแปลงเพื่อจะพัฒนานำมาใช้”
                 
        ส่วนเรื่องตบจูบทางช่อง 3 ได้ปรับแก้ไขเรียบร้อย ลั่นพยายามให้มีน้อยที่สุด มีก็ต้องมีอย่างมีเหตุมีผล เชื่อการสร้างละครตบจูบไม่ได้ทำเรตติ้งความนิยมสูงขึ้น
       
        “เรื่องตบจูบนี่เราจัดการแล้ว ตอนนี้จะเห็นได้เลยว่าละครเรามีน้อยลง ไปเช็กภาพเอาได้เลยว่า ตบ จูบ กรี๊ด แย่งผู้ชายแบบโง่นี่ไม่มีแล้ว คือถ้าจะมีก็ต้องมีอย่างรับผิดชอบ ถามว่าเราปฎิเสธไม่ให้มีเลยได้ไหม มันก็ไม่ได้ เพราะเราไม่รู้พฤติกรรมของตัวละครในเรื่องมันคืออะไร แต่สิ่งที่เราทำตัวชั่วร้ายหรืออะไรมันต้องดำสนิท แต่มันเป็นเทาได้ เขียนบทให้เป็นมนุษย์มากขึ้นว่าเขาอาจจะมีส่วนดี ส่วนไม่ดี เพื่อให้ผู้ชมดูแล้วได้ฉุกคิด ได้เข้าใจว่าคนที่ทำผิดก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับการให้อภัย คนทำผิดก็สามารถคิดในสิ่งที่ดีๆ ได้ ก็เป็นสิ่งที่เราทำอยู่”
       
        “ถามว่า พอลดฉากพวกนี้แล้ว มันส่งผลต่ออรรถรสการชมละครไหม ผมคิดว่าไม่นะ ผมว่ามันดูดี ละครดูเป็นมนุษย์ขึ้น คนดูน่าจะสนุกเพราะเขาสามารถวิเคราะห์ตัวละครเองได้ เพราะเขาเห็นอะไรต่อมิอะไร จะเห็นเลยคนดูจะละวัยจะได้อะไรที่ไม่เหมือนกัน ผู้ใหญ่รู้สึกแบบนึง เด็กก็จะรู้สึกอีกแบบนึง คนจะมีบอกว่าสอนมากจังเลย ยัดเยียดจังเลย เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จะชินไปเอง เราตั้งใจทำดีทำไปเถอะ แล้วมันก็ไม่เสียหาย ละครเป็นเรื่องของการจรรโลงจิตใจมนุษย์ เราดีถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พวกที่ตบจูบแล้วคิดว่าเรตติ้งดี พวกนั้นคิดไปเอง ไม่จริงเลย มันไม่ได้ต่างกัน”
       
       “ส่วนผลเรตติ้งนั้นเราโอเคนะ จากที่เราเดินสำรวจ เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้ซื้อเรตติ้ง อาจจะมีเรตติ้งรวมของต่างจังหวัดหรือหัวเมืองอยู่ แต่ในตัวเมืองตัวอำเภอไม่ค่อยมีปัญหา แล้วลูกค้าก็ไม่ได้ปฎิเสธเรา เขารับๆ ได้ เขารับกับกระแส ข้อมูลที่เราให้เขา เขาบอกว่าเขาไปใช้อ้างอิงกับบริษัทไม่ได้ แต่เขาก็รับฟัง แล้วเขาก็ใช้ตัวเขาเองเหมือนเป็นคนคนดู เขาก็กลั่นกรองเองเหมือนกัน เขาก็บอกว่าเขารับตรงนั้นได้”
       
        เผยหลังจาก “ประวิทย์ มาลีนนท์” ลาออก ทิศทางการทำงานก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ลั่นตั้งใจสานฝันทำละครเรต ท.แล้วเรตติ้งดีทั้งหมดให้ได้ตามที่นายตั้งความฝันไว้
       
        “นายออกเพราะเรื่องของสุขภาพ นายแกก็พูดมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ก็มีเวลาให้นายได้พักดูแลสุขภาพ ส่วนผลในการทำงานพอนายออกไปนี่ ไม่มี ทุกอย่างยังเหมือนเดิมหมด เข้าใจว่าคุณประสาร (ประสาร มาลีนนท์) ดูแลต่อ แต่คุณประสารก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายอะไร ทุกอย่างเหมือนเดิม คนที่รับผิดชอบอะไรก็ทำงานหน้าที่เดิม”
       
        “นายออกไปทำให้นายมีเวลามากขึ้น นายก็นัดเจอพวกเราเยอะขึ้น เพื่อที่จะมาขายฝัน นายจะบอกพวกเราตลอดเสมอว่าผมมาที่นี่เพื่อต้องการมาขายฝัน ผมรออยากให้ฝันของผมเป็นจริง เราก็มีหน้าที่เอาความฝันของแกไปคิดต่อ ฝันแต่ละฝันของแกใช้เวลานานบ้างเร็วบ้าง บางฝันของแกก็ใช้เวลาถึง 2-3 ปีกว่าจะสำเร็จ ตอนนี้ที่เรากำลังทำฝันของนายให้เป็นจริง ก็คือทำละครเรต ท.แล้วเรตติ้งดีทั้งหมดนี่แหละครับ ซึ่งเราก็พยายามทำกันอยู่ เราก็ยังรับนโยบายจากนายอยู่ เพียงแค่คนที่บริหารจัดการอาจจะเปลี่ยน”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)