Author Topic: “เจ๊ฉอด” ยกให้ “เอส วรฤทธิ์” ทำละครคลับฟรายเดย์ ถ่ายทอดเรื่องคนอกหัก  (Read 1352 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




“เจ๊ฉอด” ยกให้ “เอส วรฤทธิ์” ทำละคร “คลับฟรายเดย์เดอะซีรีย์” ถ่ายทอดเรื่องราวคนอกหักที่โทร.เข้ามาเล่าในรายการคลับฟรายเดย์ บอกถ้าเวิร์กอาจต่อยอดทำเป็นภาพยนตร์
       
       เป็นโปรเจกต์ที่ถูกสร้างมาแล้วหลายรูปแบบ ทั้งหนังสือ คอนเสิร์ต มิวสิกวิดีโอ ล่าสุด รายการวิทยุคลับฟรายเดย์ ก็นำเอาเรื่องราวของผู้ที่โทร.เข้ามาปรึกษาปัญหาความรักมาทำเป็นละครซีรีย์จำนวน 12 ตอน โดยเจ้าแม่เอไทม์ “ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” มอบหมายหน้าที่นี้ให้กับ “เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย” เป็นผู้ผลิตละครดังกล่าว
       
       "โปรเจกต์นี้ที่ผ่านมาก็มีหลายอย่าง ทั้งรายการวิทยุ หนังสือ เพลง มิวสิกวิดีโอ คอนเสิร์ต ตอนนี้ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากที่เราจะเอามาทำเป็นซีรีย์เป็นละครแล้ว เกิดมาก็เพิ่งเคยทำละครจริงจังก็ครั้งนี้แหละ ถึงแม้ว่าตัวพี่ฉอดเองจะเคยทำอะไรมาหลายอย่างแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราจะทำอย่างจริงจัง”
       
       “ทำอย่างจริงจังหมายความว่าในส่วนของเอไทม์ ละครน่าจะเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับพวกเรา เราก็ใช้เวลากันเยอะ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณเอสไป ตัวพี่ฉอดมีหน้าที่ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ก็ตื่นเต้นที่มันจะเห็นเป็นละครบนจอทีวี มันก็ตื่นเต้นเพราะเราเองก็ทำงานในคลับฟรายเดย์อยู่ แล้วเราก็มีโอกาสได้เห็นคลับฟรายเดย์ในหลายรูปแบบแค่นั้น แต่ถามในแง่การทำงานตรงนี้พี่ฉอดมีหน้าที่มาเดินไปเดินมาเฉยๆ (หัวเราะ) มาให้กำลังใจค่ะ”
       
       “ที่มาของการทำครั้งนี้มาจากที่เราเกิดความรู้สึกเสียดายของ เสียดายสิ่งที่่คนโทรศัพท์เข้ามาแล้ว โอ้โห้...ชีวิตจริงในคลับฟรายเดย์ มันยิ่งกว่านิยายมากเลย รู้สึกว่าถ้าแค่เขาโทร.เขามาเล่าแล้วหายไปมันเป็นความน่าเสียดาย เราน่าจะทำประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ได้มากกว่านี้ เราเคยพูดกันเสมอว่าการฟังคลับฟรายเดย์มันเป็นการเรียนรู้ มันเป็นประสบการณ์จริงที่สอนประสบการณ์”
       
       “ชีวิตคนเราบางทีมันไม่จำเป็นต้องเจอจริงๆ ทุกอย่างก็ได้เรียนรู้ได้ด้วยการฟังคนอื่น พอมันเกิดขึ้นกับชีวิตจริงๆ ของเราบ้างเราก็จะเรียนรู้วิธีที่จะจัดการกับมันยังไง ตรงนี้เลยรูสึกเสียดายว่าตรงนี้มีนจะหายไป พอตรงนี้เอามาทำเป็นหนังสือ มาทำเป็นเพลง เป็นมิวสิกวิดิโอแล้วก็เลยคิดว่าเราลองเอามาทำเป็นซีรีย์ดูก็น่าจะเป็นอีกรูปแบบนึงของการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงนี้ให้คนอื่นได้ดูกันบ้าง”
       
       “การเลือกเรื่องมีเรื่องน่าสนใจเยอะมาก เพราะเราเองทำมากัน 7 ปีแล้ว พอมาพิจารณาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะแต่ละเรื่องล้วนมีความน่าสนใจแทบจะทั้งสิ้น เลยตัดสินใจเลือกมาแค่ 12 เรื่องก่อน นี่ก็ไปขโมยคุณเอสมาช่วย เพราะเขาดูจะเป็นคนเดียวที่เชี่ยวชาญด้านนี้ที่สุดของเรา ก็ขโมยเขามาจากเอไทม์ทราเวลเลอร์ซึ่งเขาก็บริหารตรงนั้นเจริญรุ่งเรื่องดี”
       
       “เมื่อ 2-3 วันนี้ เขาก็ยังมาถามพี่ฉอดว่าจะเอายังไงดีเพราะงานละครก็ต้องมาคุม ยิ่งเราทำ 12 เรื่องด้วย ก็ต้องใช้เวลา คือ ตอนเราคิดเราไม่รู้สติ คิดว่า 12 เรื่องคงจะสั้นๆ ไม่ได้ใช้เวลามาก แต่พอทำเอาเข้าจริงๆ ตอนนี้้เรากำลังทำละคร 12 เรื่องที่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกเรื่อง ถ้าทำละคร 1 เรื่อง 20 ตอนนี่ยังดูจะง่ายกว่า เราเสียเวลาเซ็ตตัวละครใหม่ โลเกชันใหม่ ทุกอย่างใหม่หมดเป็นอะไรที่ยากลำบากและไม่เคยคาดคิดมาก่อน”
       
       ด้านหนุ่ม “เอส” เผยทุ่มเทรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ดูแลการผลิตให้กับซีรี่ย์เรื่องดังกล่าว จนไม่มีเวลาทำงานของตัวเอง
       
       “เป็นโปรดิวเซอร์เรื่่องนี้ก็เหมือนควบคุมการผลิตแหละครับ ทั้งเลือกบท เลือกนักแสดงจนมาถึงการถ่ายทำ เวลาออกกองเราก็ช่วยทำตามที่้เราสามารถจะทำได้ ส่วนมากก็เป็นเรื่องของแอกติ้ง ไม่ใช่ว่าเราเก่งกว่านักแสดง แต่เพียงว่าเราอยู่กับบทมามากกว่า เราอยู่มานานเราทำการบ้าน ทำความเข้าใจกับอารมณ์ของตัวละคร เราตีความว่าจริงๆ แล้วเสน่ห์ของคลับฟรายเดย์เดอะซีรีย์ไม่ใช่แค่เรื่องของบทอย่างเดียว แต่เราอยากให้คนดูเข้าใจในอารมณ์ของตัวละคร สถานการณ์ เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นกับตัวละครมันคืออะไร เขากำลังคิดอะไรอยู่ เราก็อยู่กับบทกับงานตรงนี้ตลอดแก้แล้วแก้อีก งานอื่นแทบไม่เป็นอันได้ทำ แก้บทเสร็จตี 4 พอตี 5 ก็ออกกองมาดูนักแสดงแสดงก็อิน น้ำตาไหล (หัวเราะ)”
       
       “คลับฟรายเดย์เดอะซีรีย์จะออนแอร์ครั้งแรก วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม ตอน 1 ทุ่ม ตอนแรกมีชื่อเรื่องว่าคนที่ถูกลืม ทางกรีนชาแนลแล้ว ก็คงจะมีอีกหลายช่องทางให้ได้ติดตามกัน เพราะเราทำแล้วก็อยากจะให้คนได้ดูกันเยอะๆ โดยเฉพาะตอนแรก ก็ตื่นเต้น เพราะเป็นงานแรกของผมด้วย”
       
       มองอนาคตหากซีรีย์ดังกล่าวประสบความสำเร็จอาจจะสร้างเป็นภาพยนตร์ต่อยอดอีก
       เจ๊ฉอด : “ก็ดูอยู่ค่ะ ทุกสิ่งอย่างเกิดจากการลองอย่างที่บอกว่านี่เป็นครั้งแรกของเรา ก็พยายามจะเจียมตัวว่าทำเล็กๆ แต่เป็นพวกที่เกินเลยเสมอก็จะไหลๆ ไปเรื่อยๆ ระบาดไป ก็ถูกยุว่าจะให้ทำหนัง (หัวเราะ)”
       
       เอส : “จริงๆ ที่ทำก็ใกล้ความเป็นหนังมาก ที่ถ่ายทำกันอยู่เราก็ใช้โปรดักชันของหนังทั้งหมดเพียงแค่ว่าความยาวต่อตอนมันแค่ 1 ชั่วโมง เหมือนเราทำเป็นชั่วโมงมากกว่าโดยโปรดักชันเราตั้งใจให้เป็นโปรดักชันที่แตกต่างไหนๆ เราก็ทำทั้งทีก็เลยได้ไอเดียทำ 3 โปรดักชัน 3 ผู้กำกับ มีทั้งผู้กำกับละคร กำกับมิวสิกวิดิโอ กำกับภาพยนตร์”
       
       เจ๊ฉอด : “นอกจากซีรีย์แล้ว คอนเสิร์ตคลับฟรายเดย์ก็กำลังซ้อมกันอย่างเข้มข้นเลยเดี๋ยวก็ต้องรีบกลับไปดู”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)