Author Topic: เบลแล็ปส์ชี้ตลาดเกิดใหม่อิทธิพลสูง  (Read 806 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


       เบลแล็ปส์ระบุตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอิทธิพลต่อนวัตกรรมโทรคมนาคมโลกที่ต้องราคาถูก ประหยัดพลังงาน และใช้งานง่าย คาดในอีก 2 ปีข้างหน้าจะสร้างรายได้ 50% ของตลาดรวม ส่วนไทยศักยภาพสูงที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของอาเซียนหากมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง
       
       นายวิสวานาท ภูสะระ ผู้อำนวยการบริหารและประธาน อัลคาเทล-ลูเซ่น เบลแล็ปส์ ประเทศอินเดีย กล่าวว่า เบลแล็ปส์เป็นบริษัทในเครืออัลคาเทล-ลูเซ่นที่มีบทบาทในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านไอซีที โดยมุ่งความสำคัญไปที่การศึกษาความต้องการและตอบสนองความต้องการดังกล่าวในตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งคาดว่าเป็นตลาดที่จะสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมมากกว่า 50% ในอีก 2 ปีข้างหน้า
       
       “การเติบโตของจำนวนผู้ใช้มือถือ 10% มีผลทำให้การเติบโตของจีดีพีเพิ่มขึ้น 0.8% ขณะที่การเติบโตของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 10% ส่งผลให้จีดีพีเติบโต 1.4% ซึ่งทั้ง 2 ส่วนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดเกิดใหม่มีบทบาทสำคัญต่อภาพรวมในตลาดโลก”
       
       ไอพีจะเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีที่ใช้บนอุปกรณ์ต่างๆ บนเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายโมบายล์หรือฟิกซ์ไลน์ โดยเฉพาะการเติบโตของการใช้งานโมบายล์ดาต้า หรือผ่านทางแท็บเล็ต ทำให้เครือข่ายจำเป็นต้องสามารถรองรับการเติบโตของปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นให้ได้ ดังนั้น การออกแบบเครือข่ายของผู้ให้บริการจะต้องรองรับกับการใช้งานดาต้าหรือคอนเทนต์ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว หรือที่เรียกว่า คอนเทนต์ เซ็นทริก เน็ตเวิร์ก โดยอุปกรณ์เราเตอร์ทุกชิ้นจะสามารถเก็บข้อมูลและทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการได้ด้วยตัวเอง และจากการศึกษาความต้องการนวัตกรรมในตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคนี้พบว่าจำเป็นจะต้องตอบโจทย์ใน 3 เรื่อง คือ 1. ราคาที่ถูกลง 2. ลดการใช้พลังงาน และ 3. การใช้งานที่ง่าย
       
       นายวิสวานาทกล่าวว่า วันนี้เบลแล็ปส์ได้พัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว อย่าง LightRadio ที่ทำให้สถานีฐานมีขนาดเล็กลง กินไฟต่ำลงถึง 50%, นวัตกรรมอย่างสมาร์ทแอนเทนนา (Smart antennas) สมาร์ทเซลล์ และเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายที่สามารถลดขนาดอุปกรณ์ลง แต่เพิ่มศักยภาพรองรับข้อมูลขนาดใหญ่ได้มากขึ้น
       
       “หากนำไอทีมาใช้ให้ถูกต้องในตลาดเกิดใหม่นี้ หรือใช้ในประเทศไทยจะสามารถเพิ่มศักยภาพและขนาดของเครือข่ายได้มากถึง 10 เท่าตัวบนระยะทางเท่าเดิม ทุกแห่งในโลกนี้ล้วนมุ่งพัฒนาขนาดเครือข่ายในแนวทางนี้เช่นกัน”
       
       นายเซบาสเตียน โลฮอง ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น (ประเทศไทย) กล่าวเสริมว่า ศักยภาพของไทยสามารถเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อในภูมิภาคอาเซียนได้ เพียงมีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเน็ตเวิร์กที่เข้มแข็ง ซึ่งไทยถือว่าได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ ดังนั้นจึงทำให้โอกาสที่ไทยจะมีการลงทุนทางด้านเน็ตเวิร์กเปิดกว้าง
       
       ที่ผ่านมา อัลคาเทล-ลูเซ่นได้มีการเสริมไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมความต้องการของตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดจากเบลแล็ปส์ ไม่ว่าจะเป็นสมอลเซลล์ อุปกรณ์ทางด้านออปติกไฟเบอร์เน็ตเวิร์กที่มีความเร็วถึง 100 กิกะบิต รวมไปถึงอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่รองรับการทำงานที่เร็วขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้บริษัทฯ สามารถมีรายได้เติบโตถึง 30% ต่อปี โดยอัลคาเทล-ลูเซ่นจะทำการสื่อสารไปยังผู้ประกอบการโทรคมนาคมในไทยว่าถึงแม้การลงทุนในอุปกรณ์อัลคาเทล-ลูเซ่นจะมีราคาสูงกว่า แต่ถ้ามองการลงทุนที่เป็นแบบเอนด์ทูเอนด์ในระยะยาวแล้ว อัลคาเทล-ลูเซ่นถือว่าถูกกว่า
       
       “ปีนี้จะเห็นอัลคาเทล-ลูเซ่นโฟกัสการขยายตัวไปยังตลาดภาคเอกชนมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในส่วนภาคธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่โทรคมนาคม”
       
       Company Related Link :
       Bell-Labs

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)