นายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเพ่นเซิร์ฟ นายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเพ่นเซิร์ฟ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอี-บุ๊กในประเทศไทยถือว่า เพิ่งเข้าสู่ขั้นของการเติบโต ถึงแม้จะมีสำนักพิมพ์เริ่มทำตลาดอี-บุ๊กกันบ้างแล้ว แต่ผู้อ่านยังนิยมอ่านอี-บุ๊กฟรีเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาเกิดจากการตั้งราคาอี-บุ๊กนั้นมีส่วนต่างด้านราคาไม่มากนักเมื่อเทียบกับตัวหนังสือที่เป็นกระดาษ และทางสำนักพิมพ์ยังเน้นการขายอี-บุ๊กในลักษณะของการให้สิทธิ์พิเศษกับช่องทางจำหน่ายช่องทางใดช่องทางหนึ่งอยู่ จึงทำให้อี-บุ๊กยังไม่แพร่หลายไปในวงกว้าง
'การที่สำนักพิมพ์แต่ละแห่งต่างซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศเข้ามาใช้งาน ทำให้ไม่มีความชัดเจนในเรื่องมาตรฐานของอี-บุ๊กในไทย อย่างกรณีการเปิดหน้าอี-บุ๊กจะเป็นแบบเลื่อนหรือแบบพลิกก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะแบบไหน ตลาดอี-บุ๊กจะเกิดขึ้นจริงน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปี โดยในปีนี้สำนักพิมพ์อยู่ในขั้นของการปรับตัวและปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ ปีถัดไปจะเป็นปีของการปรับตัวของผู้ใช้'
วันนี้ปัญหาและอุปสรรคของการทำอี-บุ๊กเพื่ออ่านบนแท็บเล็ตนั้นมี 2 ประการคือ 1. ระบบปฎิบัติการที่มีอยู่หลายค่าย เช่น ไอโอเอส แอนดรอยด์ รวมถึงวินโดวส์ทำให้ผู้สร้างอี-บุ๊กต้องรองรับระบบปฎิบัติการของทุกค่าย บนพื้นฐานและเทคนิคการสร้างที่มีความแตกต่างกัน 2. ความยากของโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างอี-บุ๊ก ที่จะต้องมีความรู้ในด้านไอทีในระดับสูง
นายนิทัศน์ กล่าวว่าได้พัฒนาโปรแกรมสร้างอี-บุ๊กที่เป็นเทคโนโลยีของตนเองในชื่อโปรแกรม ไอ เลิฟ ไลเบอรี่ (I Love Library) มาหลายปีแล้ว โดยใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นหลัก และมีการดาวน์โหลดโปรแกรมสำหรับผู้ใช้ทั่วไปแล้ว 300,000 ราย ขณะที่ชุดการทำงานบนเครือข่ายนั้นบริษัทได้ดำเนินการติดตั้งไปให้ลูกค้าทั้งภาครัฐ และเอกชน 50 กว่าราย
แต่จากกระแสร้อนแรงของแท็บเล็ต ทำให้บริษัทพัฒนาโปรแกรม ไอ เลิฟ ไลเบอรี่ เวอร์ชัน 3.1 ขึ้น โดยมีจุดเด่นในเรื่องของความง่ายในการสร้างอี-บุ๊ก ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ในระดับสูง ผู้สร้างแค่ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็น ใช้เวลาเรียนรู้เพียง 30 นาที ก็สามารถสร้างอี-บุ๊กได้แล้ว
'จุดเด่นของโปรแกรมคือ อี-บุ๊กที่ถูกสร้างขึ้นมาจะถูกแปลงเพื่อนำไปเปิดอ่าน บนแท็บเล็ตตามขนาดหน้าจอและระบบปฎิบัติการแต่ละค่ายได้โดยอัตโนมัติ '
ไอ เลิฟ ไลเบอรี่ เวอร์ชัน 3.1 มี 2 เวอร์ชัน คือ 1. เป็นเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป (Personal Edition) สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่
www.ilovelibrary.com โดยจะต้องกด Like เป็นแฟนเพจของ ILovelibrary ในเฟสบุ๊กเพื่อนำโปรแกรมไปทำการสร้างอี-บุ๊ก คาดว่าจะมีผู้ดาวน์โหลดไปใช้ในปีนี้ประมาณ 1 ล้านราย กับ 2. เวอร์ชันสำหรับเครือข่าย (Network Edition) สำหรับใช้ภายในองค์กรหรือหน่วยงานเพื่อความสะดวกในการสร้างอัปโหลดรวมทั้งการดูแลระบบอี-บุ๊กเอง และยังจะมีการเพิ่มเติมเรื่องฟังก์ชันการใช้งานอย่างระบบสิทธิการอ่าน ระบบการยืมคืนอี-บุ๊กมาให้ด้วย ซึ่งทางบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากในส่วนนี้ประมาณ 20 ล้านบาท
ประมาณกลางปีนี้ บริษัทจะพัฒนาในส่วนที่เป็นเวอร์ชัวโปรแกรมออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับสำนักพิมพ์ที่ต้องการพัฒนาหนังสือให้อยู่ในรูปของอี-บุ๊ก ซึ่งรวมไปถึงการนำอี-บุ๊กขึ้นวางขายผ่านไอเลิฟไลเบอรีสโตร์ โดยจะเป็นรายได้ของสำนักพิมพ์ 60% ที่เหลือเป็นของบริษัท แต่ถ้าเป็นเวอร์ชันไอแพด บริษัทจะต้องไปจ่ายให้กับแอปเปิล 30% เท่ากับว่า บริษัทมีรายได้ในส่วนนี้แค่ 10%
'ในอนาคตหากไอ เลิฟ ไลเบอรี่สโตร์เกิดขึ้น คาดว่ารายได้จากโซลูชันอี-บุ๊กจะกลายเป็นรายได้หลักของบริษัทมากกว่า 50% โดยปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ 70-80 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากขายโปรแกรมอี-บุ๊กสำหรับเครือข่ายอย่างเดียวประมาณ 20 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้จากการติดตั้งระบบซอฟต์แวร์'
Company Related Link :
Openserve
ที่มา: manager.co.th
