Author Topic: 'แซตทีอี' โดดเข้าตลาดไทย จับ WDS ลุยขายสมาร์ทโฟน  (Read 960 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


นายถกลรัตน์ แก้วกาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไวร์เลส ดีไวซ์ ซัพพลาย (WDS)

       แซตทีอี (ZTE) ผู้ผลิตมือถืออันดับ 4 ของโลก หวังเข้าเจาะตลาดประเทศไทย ประเดิมปีแรกตั้งเป้าขาย 5 แสนเครื่อง จับมือWDSในเครือเอไอเอส ขายสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต 3 รุ่น
       
       นายถกลรัตน์ แก้วกาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไวร์เลส ดีไวซ์ ซัพพลาย (WDS) ในเครือเอไอเอส กล่าวว่า ตลาดรวมโทรศัพท์มือถือปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 14 ล้านเครื่อง และคาดว่าในปีนี้จะเติบโตอีก 20% หรือคิดเป็นตลาดรวมประมาณ17 ล้านเครื่อง ขณะที่สัดส่วนของสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 3 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา และคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านเครื่อง หรือเติบโตราว 15%
       
       'ในส่วนของ WDS ปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% หรือรายได้รวม 1.4 หมื่นล้านบาท โดยถ้านับเป็นจำนวนยูนิตของโทรศัพท์ที่จำหน่ายในท้องตลาดจะอยู่ที่ 2.5 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา และปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 3.5 ล้านเครื่อง'
       
       ทั้งนี้ ถ้าแบ่งสัดส่วนะหว่างฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทโฟนของ WDS จะอยู่ที่ 70/30 โดยผู้นำในแง่จำนวนเครื่องยังเป็นโนเกียอยู่เช่นเดิม แต่ถ้ามองในแง่ของมูลค่าแล้ว แอปเปิล ไอโฟน ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งสูงสุด ซึ่งถ้าเทียบจากจำนวนสมาร์ทโฟนในตลาดรวม WDS จะมีส่วนแบ่งประมาณ 25% และจะยังรักษาสัดส่วนนี้ไว้ต่อไป
       
       ส่วนความร่วมมือระหว่าง WDS และ แซตทีอี ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการช่วยขยายตลาดสมาร์ทโฟน เพราะปัจจุบันพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคหลากหลายขึ้น โดยเฉพาะฟังก์ชันในการเข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์ก ใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ รวมถึงแอปพลิเคชันที่หลากหลาย ซึ่งสมาร์ทโฟนมาตอบโจทย์ความต้องการตรงนี้
       
       โดยในช่วงแรก แซตทีอี จะทำตลาดสมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ต ที่รองรับการใช้งาน 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz 3 รุ่น คือ สมาร์ทโฟน ZTE Raxer 2 หน้าจอ 2.8 นิ้ว , ZTE Blade หน้าจอ 3.5 นิ้ว ทั้ง 2 รุ่นใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2 กล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล ราคา 3,990 บาทและ 5,790 บาท ส่วนแท็บเล็ต ZTE V9+ หน้าจอ 7 นิ้ว หน่วยประมวลผลความเร็ว 1GHz สามารถใช้เป็นโทรศัพท์ได้ ราคา 10,900 บาท
       
       แชตทีอี ถือเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ อันดับ 4 ของโลกในปีที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลล่าสุดของไอดีซี ระบุว่าในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2011 มียอดการจัดส่งโทรศัพท์ 19.1 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่ง 4.9% รองจาก โนเกีย ซัมซุง และ แอลจี ที่มียอดจัดส่ง 106.6 ล้านเครื่อง 87.8 ล้านเครื่อง และ 21.1 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 27.1% 22.3% และ 5.4% ตามลำดับ โดยถ้านับเฉพาะสมาร์ทโฟนที่แซตทีอีจำหน่าย รวมถึงรับจ้างผลิต (OEM) ในปีที่ผ่านมาจะอยู่ที่ราว 12 ล้านเครื่อง
       
       นายจาง เสียวเข่อ กรรมผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท แซตทีอี คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การร่วมมือกับ WDSถือเป็นครั้งแรกที่แซตทีอี เข้ามาทำตลาดโทรศัพท์ในประเทศไทย และเชื่อว่าตลาดสมาร์ทโฟนในไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากเป็นตลาดเปิด และคิดว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนในตลาดสหรัฐฯ และแถบประเทศยุโรป
       
       'ตอนนี้ยังไม่สรุปจำนวนรุ่นที่จะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย แต่ตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนในประเทศไทยได้ราว 3 - 5 แสนเครื่องภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งในอนาคตอาจมีความร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์อื่นในการทำตลาด เพราะแซตทีอี สามารถปรับแต่งสมาร์ทโฟนให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภค'
       
       นอกจากเอไอเอสแล้ว แซตทีอี อาจเข้าไปจำหน่ายสมาร์ทโฟนร่วมกับ ดีแทค ทรูมูฟ และ กสท ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการเจรจาเพราะสินค้าของแซตทีอี จะมีรุ่นที่รองรับการใช้งาน 3G บนเครือข่าย 850 MHz ด้วย
       
       ในส่วนของการทำตลาดแท็บเล็ต เนื่องจากแซตทีอี มีแท็บเล็ตตั้งแต่รุ่นราคาถูก ไล่ไปจนถึงไฮเอนด์ราคาสูง ที่ใช้หน่วยประมวลผลแบบ 4 คอร์ ซึ่งเพิ่งโชว์ตัวไปในงาน CES 2012 ที่ผ่านมา ทำให้ในช่วงนี้ เป็นการส่งผลิตภัณฑ์ในระดับราคากลางๆเข้ามาทดสอบตลาดมากกว่า ส่วนในอนาคตถ้าผู้บริโภคต้องการเครื่องที่ราคาถูก หรือ เครื่องประสิทธิภาพสูง ก็พร้อมที่จะนำเข้ามาจำหน่าย
       
       'แน่นอนว่าแซตทีอี สนใจเข้าร่วมประมูลในโครงการแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา เพียงแต่มองว่าภาครัฐต้องมีการคิดและทำคอนเทนต์ออกมาให้เหมาะสมด้วย ไม่ใช่การ นำแท็บเล็ตมาแจกให้เด็ก แล้วให้เด็กนำไปเล่นเกม แต่ไม่มีคอนเทนต์เกี่ยวกับการศึกษาออกมา และจากราคาที่ตั้งไว้ 3,000 บาท ประสิทธิภาพของเครื่องอาจจะไม่สูงมากนัก'
       
       Company Related Link :
       WDS

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)