โฆษกของทำเนียบขาวต้องออกมาให้ข่าวอย่างเป็นทางการ เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดี “บารัค โอบามา” ได้มอบข้อมูลลับเฉพาะให้กับบริษัท Sony Pictures และผู้กำกับหญิง “แคทริน บิเกโลว์” เพื่อการสร้างหนังว่าด้วยภารกิจปลิดชีพ “อุซามะห์ บิน ลาดิน” ว่าไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน
ทำเนียบขาวออกมาเคลื่อนไหวโดยทันที เมื่อมีข้อกล่าวหาจาก ปีเตอร์ คิง สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคริพับลิกัน ที่ได้ส่งจดหมายให้กับ CIA และกระทรวงกลาโหม ให้มีการสืบสวนถึงเรื่องที่ว่า คณะรัฐบาลของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ปล่อยข้อมูลประเภทเป็นความลับราชการ ให้กับผู้กำกับหญิงดีกรีออสการ์ แคทริน บิเกโลว์ และ Sony Pictures สำหรับการใช้เป็นข้อมูล ในการเตรียมงานสร้างหนังว่าด้วยภารกิจล่าสังหาร อุซามะห์ บิน ลาดิน
“เป็นข้อกล่าวหาที่ไร้สาระ” เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวในการแถลงถึงเรื่องนี้ “เราไม่ได้พูดคุยปรึกษากันเรื่องข้อมูลลับอะไรเลย และผมหวังว่าในสถานการณ์ที่เรายังต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้าย คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องนั้น มากกว่าจะไปพูดคุยถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องหนัง”
โดย คาร์นีย์ ยังบอกกับผู้สื่อข่าวว่าข้อมูลที่ได้ให้กับคนทำหนังไป “เกี่ยวข้องกับบทบาทของประธานาธิบดี ซึ่งไม่ได้แตกต่างอะไรกับข้อมูลที่เราให้กับใครก็ตาม ที่กำลังทำงานเกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ รวมถึงพวกคุณในห้องนี้ ที่มีงานเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ไม่กี่วันหลังเกิดเหตุการณ์ จนถึงหลายสัปดาห์หลังจากนั้น”
ในเวลาเดียวกัน เพนตากอน หรือ กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ยังปฏิเสธว่าพวกเขาก็ไม่ได้ให้ข้อมูลลับ กับคนทำหนังรายใดเช่นเดียวกัน โดย ฟิล สตรับ หัวหน้าสำนักงานใหญ่ของ เพนตากอน ได้อธิบายว่า “ส่วนใหญ่เราจะได้รับการติดต่อจากคนสร้างหนัง หากพวกเขาต้องการขอใช้ยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ, หรือบางครั้งอาจจะเกี่ยวกับบุคลากรของเรา หรือเกี่ยวกับค่ายทหาร ส่วนใหญ่การให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องยุทธการ จะเป็นผลพลอยได้จากการปรึกษาในเรื่องอื่น ๆ มากกว่า”
ฝ่าย แคทริน บิเกโลว์ และ มาร์ก โบล ผู้อำนวยการสร้างก็ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับหนังเช่นเดียวกัน โดยมีการอธิบายแนวคิดหลักของหนังเรื่องนี้ว่าจะ “เกี่ยวข้องกับความพยายามที่ใช้เวลานับ 10 ปี ในการตามล่า บิน ลาดิน เป็นความพยายามที่กินเวลาในคณะบริหารถึง 3 สมัยตั้งแต่ ประธานาธิบดีคลินตัน, บุช และโอบามา รวมถึงการทำงานร่วมกันในการกำหนดยุทธวิธี และรวบรวมยุทโธปกรณ์ จากทั้งกระทรวงกลาโหม และหน่วยข่าวกรองกลาง”
“ความจริงแล้ว, ภารกิจสุดอันตรายในการตามล่าบุคคลที่ทางการต้องการตัวมากที่สุดในโลก ลุล่วงได้ด้วยการเสี่ยงชีวิต ของทั้งกลุ่มบุคคล, กองทัพ และหน่วยข่าวกรอง โดยไม่ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ทางการเมือง นี่คือความสำเร็จของอเมริกันชน เป็นเรื่องของความกล้าหาญ ซึ่งไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น และโดยพื้นฐานแล้ว หนังของเราจะไม่มีส่วนใด ที่จะนำเสนอเหตุการณ์ให้เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อะไรแบบนั้นด้วยเช่นเดียวกัน” ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างกล่าว
ก่อนหน้านี้ ปีเตอร์ คิง กล่าวหาว่าหนัง Kill Bin Laden ได้รับข้อมูลประเภทลับสุดยอด ในภารกิจลับที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ นักการเมืองสังกัดพรรคริพับลิกันรายนี้ได้แสดงความกังวลว่า “อาจมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนบางอย่างถูกเปิดเผยในหนังเรื่องนี้ แผนการและรูปแบบการจู่โจมครั้งนั้น อาจจะถูกใช้ในการจู่โจมครั้งอื่นอีก ไม่มีทางที่ผู้กำกับหนังควรจะรู้ว่าเราใช้วิธีใดเด็ดหัวศัตรูกันแน่”
Kill Bin Laden หนังที่ว่าด้วยการล่าสังหาร อุซามะห์ บินลาดิน ที่ แคทริน บิเกโลว์ ใช้เวลาพัฒนาโครงการมาตั้งแต่ปี 2009 เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อผู้ก่อการร้ายชาวซาอุดิอาระเบียที่ทางการสหรัฐฯ ต้องการตัวมากที่สุด เกิดมาเสียชีวิตลงจริง ๆ จากน้ำมือของหน่วยราชการลับของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 พ.ค 2011 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามนั่นกลับทำให้โครงการหนังเรื่องนี้ ได้รับแรงสนับสนุนจากสตูดิโอมากขึ้น จนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว โดยจะมีการแก้ไขบทให้สอดคล้องกับเหตุการณ์จริงมากขึ้น และกำหนดโปรแกรมเข้าฉายเอาไว้ในปี 2012
ที่มา: manager.co.th