Author Topic: จาก “คุณหมอเคน จอง” สู่ “มิสเตอร์ เชา” อาตี๋สติแตกแห่ง Hangover  (Read 1388 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“เคน จอง” นายแพทย์ผู้ผันตัวสู่วงการภาพยนตร์ เป็นนักแสดงในหนัง 3 เรื่องที่ทำเงินร่วมพันล้านเหรียญฯไปแล้วในปีนี้ จนกลายเป็นหนึ่งในดาราตลกแห่งปี 2011 เป็นดาราตลกในแบบที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนสายงานจากแวดวงการแพทย์มาสู่วงการบันเทิง
       
       “มันถึงเวลาต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้วล่ะครับ” เคน จอง หยิบเอาชื่อเพลงของ บ๊อบ ดีแลน เพื่อพูดถึงความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเขา และอาจจะเป็นแวดวงหนังฮอลลีวูด
       
       หนุ่มชาวเอเชียผู้โด่งดังขึ้นมาในวงการบันเทิงด้วยวัยที่เหยียบ 40 ปีไปแล้ว กลายเป็นดาวเด่นในสายตลกของฮอลลีวูดในเวลานี้ หลังได้มีโอกาสร่วมงานในหนังที่ทำรายได้มหาศาลหลายเรื่องในปี 2011 ไม่ว่าจะเป็น The Hangover Part II ที่เขากลับมารับบทเดิมของตัวเองจากหนังภาคแรก, Transformers: Dark of the Moon หนังฮิตที่ทำเงินถล่มทลายไปทั่วโลก และ Zookeeper ที่กำลังเข้าฉายและเก็บเงินไปได้ถึง 20 ล้านเหรียญฯ แล้ว แม้หนุ่มเลือดกิมจิรายนี้จะไม่ได้รับบทนำในหนังทั้ง 3 เรื่อง แต่ก็ถือว่าเป็นสีสันของหนังที่ใคร ๆ ก็จำได้
       
       ตระกูลปัญญาชน - บุคคลหัวกะทิ - ดีกรีการศึกษาสุดหรู
       
       เคนดริกค์ คังโจจอง หรือ "หมอเคน" ที่คนไข้เรียกกัน เป็นหนุ่มชาวสหรัฐฯ เชื้อสายเกาหลี ซึ่งเกิดที่ดีทรอยต์ มิชิเกน เป็นลูกชายของ ยังจอง, และ ดี.เค. จอง สามีภรรยาชาวเกาหลีที่อพยพเข้าไปตั้งรกรากในแดนมะกัน
       
       เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวปัญญาชนอย่างแท้จริง มีพ่อเป็นศาสตราจารย์ประจำ มหาวิทยาลัย นอร์ธ แคโลไลนา A&T ใน นอร์ธ แคโรไลนา อยู่ถึง 35 ปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกชายจะมีชีวิตการศึกษาที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน
       
       เคน จอง ที่มีอายุครบ 42 ปีในวันที่ 13 ก.ค. นี้พอดี ใช้ชีวิตเติบโตมาใน กรีนสโบโร ตั้งแต่เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมวอลเตอร์ ไฮน์ส เพจ ที่เขาได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเด็กหัวกะทิไอคิวสูงประจำโรงเรียน นอกจากนั้นยังเป็นนักดนตรีตำแหน่งไวโอลินในวงออเครสตรา กระทั่งได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภานักเรียน จนจบการศึกษาด้วยวัย 16 ปี และได้รับรางวัลเป็นคนหนุ่มแห่งปีของ กรีนสโบโรในปีนั้นด้วย แต่เจ้าตัวกล่าวว่าชีวิตในวัยเด็กของเขานั้น เริ่มต้นอย่างง่าย ๆ ธรรมดา ๆ เหมือนกับเด็กเอเชียโดยทั่วไปในสหรัฐฯ
       
       “จริง ๆ ตอนเป็นเด็กผมค่อนข้างขี้อายนะครับ ไม่ได้เป็นพวกแปลกแยกอะไรมากมาย ถ้าคนที่รู้จักผมดี จะรู้ว่าเวลาอยู่กับพวกเขาถ้าเป็นตัวของตัวเองเมื่อไหร่ ผมอาจจะเป็นพวกทำอะไรโง่ ๆ ฮา ๆ ออกมาได้ จน ณ จุดหนึ่งของชีวิตในโรงเรียนมัธยมผมเริ่มทำให้คนอื่นหัวเราะได้ มันเกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่เคยเป็นตัวตลกประจำชั้นเรียน ไม่เคยเล่นละครเวทีอะไรทั้งสิ้นในตอนเรียนมัธยม แค่พยายามตั้งใจเรียน พยายามเข้าโรงเรียนดี ๆ ให้ได้แค่นั้นแหละ แต่จำได้ว่าตอนท้ายของชีวิตการเป็นนักเรียน ผมเริ่มป๊อปปูลาร์แล้ว เพราะความเป็นคนตลก แม้จะไม่ได้เป็นอยู่ในกลุ่มคนเด่นดังอะไร แต่ก็เข้ากับทุกคนได้”
       
       ในระดับชั้นอุมดศึกษา เคน จอง จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างดุ๊กในปี 1990 และเข้าศึกษาต่อในคณะแพทย์ศาสตร์ของ มหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา ในปี 1995 จนได้เป็นแพทย์ประจำศูนย์แพทย์แห่งหนึ่งนิวออร์ลีนส์ แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มฝึกฝนการแสดงเดี่ยวตลก อันเป็นความชื่นชอบส่วนตัวไปพร้อม ๆ กันด้วย
       
       เส้นทางฮา คู่ขนานเส้นทางการศึกษา
       
       “ความจำแรกเกี่ยวกับการเป็นนักแสดงตลกของผมก็คือการได้ดู SNL ช่วงปลาย ๆ 70s ถึง 80s ซึ่งมันเป็นรายการช่วงดึกของคืนวันเสาร์น่ะครับ แค่ได้นอนดึกดูรายการมันก็มีความรู้สึกเหมือนได้ก่อการร้ายอะไรบางอย่างแล้ว มันเป็นรายการตลกที่ค่อนข้างสัปดนหน่อยด้วย ตอนนั้นยังไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะมีอาชีพเป็นนักแสดงตลกหรืออะไรหรอกนะครับ แต่อยากจะเป็นคนที่ได้พูดอะไรฮา ๆ กับเพื่อนเท่านั้น” เคน จอง เล่าเรื่องจุดเริ่มต้นของอาชีพในวันนี้ของเขา
       
       หนุ่มเกาหลีสุดฮายังเชื่อว่าความเป็นตลก ยังเป็นสิ่งที่ถูกถ่ายทอดมาทางสายเลือด พร้อม ๆ กับความโดดเด่นด้านการศึกษาด้วย “พ่อผมเป็นคนมีอารมณ์ขันนะครับ ท่านเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ มีงานสอนเยอะมาก ผมโตมาในนอร์ธแคโรไลนา ผมเคยเข้าชั้นเรียนของพ่อที่มหาวิทยาลัยด้วย เพราะมันสนุกดี แต่จริง ๆ ก็เพราะพ่อบังคับผมด้วย จำได้ว่าในห้องเรียนพ่อจะกลายเป็นเหมือนตัวการ์ตูนไปเลย ซึ่งชีวิตการศึกษาของผมเริ่มเข้าเค้าในตอนนั้นเอง ได้เข้าโรงเรียนดี ๆ โชคดีนิดหน่อย เลยได้เข้าโรงเรียนแพทย์ นั่นล่ะอุดมคติแบบชาวเกาหลีเลย”
       
       หลังทำงานมาหลายปี จุดเปลี่ยนในชีวิตก็เกิดขึ้นเมื่อเขากลายเป็นผู้ชนะของการประกวดดาวตลก Big Easy Laff-Off ที่มี แบรนดอน ทาร์ติคอฟฟ์ ประธานของ NBC และ บัดด์ เฟรดแมน ผู้ก่อตั้งคลับตลก The Improv เป็นกรรมการอยู่ด้วย ซึ่งสุดท้ายสองขาใหญ่แห่งวงการสื่อ ได้แนะนำให้ จอง เดินทางไปลอสแอนเจลิส เพื่อรับงานประจำที่คลับอย่าง The Improv และ Laugh Factory
       
       ดังเป็นพลุแตกจาก The Hangover
       
       ช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้นคุณหมอร่างเล็กจากกรีนสโบโร จึงได้เริ่มไต้เต้าในวงการบันเทิงด้วยวัย 30 ขณะเดียวกันในระยะแรกก็ยังไม่ได้ทิ้งงานแพทย์ของตัวเอง
       
       หลังจากเปิดการแสดงในคลับอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มมีงานแสดงเข้ามาเรื่อย ๆ ชื่อเสียงและความโด่งดังจึงเดินทางมาอยู่ตรงหน้าของ เคน จอง เมื่อเขามีโอกาสได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Hangover ที่เจ้าตัวเองก็คงไม่คาดคิดว่างานชิ้นนี้จะประสบความสำเร็จมากมายเช่นนี้ กับการสวมบทบาทเป็น “มิสเตอร์ เชา” หัวหน้าแก็งมาเฟียจุดเดือดต่ำสติแตก ที่เปิดตัวในหนังกับฉากสุดฮา เมื่อเขาถูกปล่อยออกมาจากการถูกขังในท้ายรถด้วยสภาพแก้ผ้าล่อนจ้อน
       
       “เคนคือดาราตลกที่กล้าบ้าบิ่นที่สุดคนหนึ่ง ที่ผมเคยร่วมงานด้วย” ท็อดด์ ฟิลลิปส์ ผู้กำกับ Hangover บอกกับ The Hollywood Report “จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องอันตรายสำหรับเขานะครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าคุณเห็นเขาในหนัง คนดูก็คงรู้ดี ตอนแรกผมที่ผมคิดเอาไว้ 'มิสเตอร์ เชา' จะเป็นตัวละครที่ดูอาวุโสกว่านี้หน่อย แต่พอผมเห็นวิดีโอคลิปจาก Youtube ที่ เคน เคยโพสต์เอาไว้ ก็พูดออกมาเลยทันทีว่า 'เราต้องลองดูหมอนี้ก่อนแล้ว' ในฉากนั้น เราจะทิ้งเขาไว้ในท้ายรถ ด้วยสภาพที่ไม่มีกางเกง หรือเสื้อ แต่ เคน เป็นคนพูดออกมาเองเลยว่า 'คุณรู้มั้ย มันอาจจะตลกกว่านี้นะ ถ้าผมจะแก้ผ้าไปเลย' มันคือการเปิดตัวที่โคตรฮาที่สุดตลอดกาลไปแล้วมั้ง”
       
       “รู้ตัวอีกทีก็มีสัญญาห้ามกลับคำมาให้เซ็นอยู่ตรงหน้าแล้วครับ เพราะพวกเขาไม่อยากจะให้เวลาผมอีก เดี๋ยวจะเปลี่ยนใจ” นักแสดงเชื้อสายเกาหลี กล่าวติดตลกถึงฉากเปลือยกายที่เรียกว่าโด่งดังสุด ๆ ในหนัง The Hangover ภาคแรกของเขา
       
       หลังมีส่วนร่วมใน Hangover ทั้งสองภาค ตอนนี้ใบหน้าของ เคน จอง แทบจะปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง เขาได้เป็นพิธีกรของงาน Billboard Music Awards , ขึ้นรับรางวัลดาวตลกแห่งปี และกำลังจะกลับไปรับบทเป็นครูสอนภาษาสเปนสุดเพี้ยน ในซีรีส์ Community ของ NBC ที่ฤดูกาลที่ 3 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเดือน ก.ย. นี้
       
       สำหรับบทเด่นใน The Hangover นั้นผู้กำกับยืนยันว่าถ้าจะมีหนังภาคต่อไปจริง ๆ จอง ก็จะกลับมาอย่างแน่นอน “เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า มิสเตอร์ เชา อาจจะเป็นตัวละครที่เราคงไม่ได้ดึงให้กลับมาในหนังภาคต่อ แต่สำหรับตอนนี้ที่ยังไม่ชัวร์ว่าเราจะสร้าง Hangover 3 กันรึเปล่า ถ้าจะมีภาคต่อ เขาก็จะกลับมาแน่นอนครับ”
       
       ไม่ทิ้งวิชาแพทย์
       
       ในผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง Knocked Up เมื่อปี 2007 เคน จอง เคยรับบทเป็นนายแพทย์ขี้โมโห จนกลายเป็นนักแสดงเต็มตัวในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเขายังมีโอกาสงัดเอาวิชาแพทย์กลับมาใช้จริงอยู่บ่อย ๆ รวมถึงในการเดินทางมาทำงานที่เมืองไทย ที่เพื่อนร่วมงานหลาย ๆ คนแทบจะหมดสภาพจากอาการสูญเสียน้ำจากร่างกายด้วยสภาพอากาศที่ไม่คุ้นเคย “เขาเหมือนกับเป็นแพทย์สนามประจำกองถ่ายเราเลย” ผู้กำกับของเรื่องเล่า
       
       นอกจากนั้นคุณหมอสุดฮาคนนี้ก็ไม่หนีจากวงการแพทย์ไปไหน โดยเฉพาะการทำคลิปให้ความรู้เรื่องการแพทย์สำหรับ American Heart Association ที่แสดงให้เห็นว่า จังหวะ 100 บีทต่อนาทีของเพลง Stayin’ Alive สามารถใช้ประกอบในการทำ CPR เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ประสบภาวะหัวใจวายได้ เช่นเดียวกับเพลง Another One Bites the Dust ก็ได้ผลเช่นเดียวกัน
       
       ในการให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งก้าวสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวเมื่อ 3 ปีก่อน เคน จอง กล่าวว่าเขาอาจจะไม่ได้ประกอบอาชีพแพทย์แล้ว แต่ชีวิตก็ยังคงหนีความเป็นหมอไม่พ้น
       
       “ตอนนี้ผมไม่ได้ทำงานเต็มเวลาแล้ว หยุดทำงานเต็มเวลามาตั้งแต่ตอนรับงาน Knocked Up ในตอนนั้นผมมีงานแสดงเข้ามาเยอะแล้ว ยากที่จะจัดตารางการทำงานทั้งสองอย่างให้ลงตัวได้ ผมเป็นนักแสดงเต็มตัวไปแล้วครับ แต่ก็ยังจะเป็นหมอตลอดไป ถ้านั้นพอจะฟังดูมีเหตุมีผลอยู่บ้าง ผมยังอาจจะทำงานคลินิก แต่ก็รับงานบันเทิงหนัก ๆ แบบงานชนงานมาพักใหญ่แล้ว หมดโปรเจ็คหนึ่งไปก็มีอีกอันมาต่อ ผมยังมีลูกแฝดด้วย ต้องปรับเวลาสำหรับการเป็นนักแสดงเต็มตัว เป็นพ่อเต็มตัว ในช่วงปีที่ผ่านมาชีวิตเปลี่ยนแบบ 180 องศาเลย ต้องปรับตัวให้ได้ แต่ผมยังพยายามทบทวนวิชาแพทย์เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อนผมทุกคนเป็นหมอ ภรรยาเป็นหมอ มันยากเหมือนกันนะครับที่จะหนีออกจากโลกการแพทย์ ถึงผมจะอยากก็เถอะ (หัวเราะ)”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics